หลังจากที่ไวท์จากไป เทาเท่ก็เลิกคิ้วขึ้นและมองไปที่หลินจือ “คุณตั้งใจ?”
“ที่ไหนกันคะ? ฉันแค่อยากจะบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องของซานาเอง” หลินจือดูไร้เดียงสา “ถ้าเขาสนใจจริงๆ เขาจะหาวิธีป้องกันไม่ให้ซานาจากไป”
เทาเท่หัวเราะออกมากับวิธีที่เธอพูดโกหกด้วยใบหน้าไร้เดียงสา เธอพูดราวกับว่าเธอหวังดีมาก แต่จริงๆแล้ว เธอแค่อยากจะเห็นไวท์ร้อนใจ
แต่ไวท์ควรวิเคราะห์ความรู้สึกของเขาที่มีต่อซานาดีๆแล้ว ไม่ว่ารักหรือเกลียด ห่วงใยหรือไม่สนใจก็ตาม
อย่าเป็นเหมือนเขา เพิ่งจะรู้ว่าสำคัญเมื่อสูญเสียมันไป
ยิ่งอย่าเป็นเหมือนโซเมน จนถึงตอนนี้ที่ยังไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร
เมื่อนึกถึงโซเมน เทาเท่ก็หันไปหาหลินจือและกล่าวว่า “เมื่อคืนนี้โซเมนมาดื่มสุรากับพวกเรา”
“อืม” ตอนนี้ หลินจือรู้สึกแย่กับโซเมน แล้วยังเกลียดเขาเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงอืมคำเดียวอย่างไม่มีความสนใจแล้วเงียบไป
โซเมน เพลย์บอยที่อยากเล่นกับความรู้สึกของผู้หญิงแต่ไม่อยากรับผิดชอบ ก็ควรที่จะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิต!
เทาเท่พูดเองว่า “เขาดื่มเมาแล้ว”
หลินจือมองไปที่อื่น ขี้เกียจที่จะฟังเรื่องที่เกี่ยวกับโซเมน
เทาเท่กล่าวเสริมต่อว่า “ผมรู้จักเขามาหลายปีแล้ว และไม่ค่อยเห็นเขาเมา”
หลินจือได้ยินความตั้งใจที่จะพูดสิ่งๆให้กับโซเมนในคำพูดของเขา เลยหันไปมองเขาด้วยความโกรธ “คุณอยากจะบอกว่าในใจของเขายังคงใส่ใจควีนเล็กน้อย ดังนั้นจากไป เขาเสียใจมาก? ดังนั้นเขาเลยใช้แอลกอฮอล์คลายความเสียใจเหรอคะ?”
“ในเมื่อไม่สามารถให้สัญญาได้ ก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเธอ!” หลินจือพูดด้วยความโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ผู้ชายอย่างพวกคุณไม่มีอะไรดีเลย ดูโซเมน ดูไวท์และตัวคุณเอง!”
เทาเท่ “…”
เดิมทีเขาต้องการพูดถึงโซเมนต่อหน้าเธอ ต้องการให้เธอช่วยพูดคำพูดดีๆกับควีน เพื่อที่ควีนจะไม่ต้องเกลียดโซเมนมากนัก และหยุดจมอยู่กับความคิดถึงที่มีต่อโซเมน ใครจะรู้ว่า เขาสร้างความวุ่นวายให้กับตัวเอง
แต่ก็ไม่มีอะไรจะพูด เพราะถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะนับว่าเป็นผู้ชายที่ดีแล้ว แต่เมื่อก่อนเขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าโซเมนจริงๆ
เลยได้แต่หุบปาก ไม่ตอบสักคำ
วินญากลับมาจากห้องน้ำพอดี ทั้งสองก็หยุดพูดถึงหัวข้อนี้
“ไวท์ล่ะ?” วินญาถามด้วยน้ำเสียงงุนงงเมื่อเขาไม่เห็นลูกชายของตนเอง
เทาเท่ช่วยไวท์ปกปิด “โรงพยาบาลมีเรื่องเล็กน้อย เขาจึงกลับไปก่อนครับ”
วินญาเข้าใจ “ถ้าอย่างนั้นเราทานอาหารกันเถอะ ไม่ต้องสนใจเขาแล้ว”
หลังจากพักรับประทานอาหารกลางวันแล้ว ทั้งสามคนก็เดินทางไปเมืองเออัน
ต้องใช้เวลามากกว่าสองชั่วโมงในการขับรถด้วยความเร็วสูงจากเมืองเจสเวิร์ด ไปยังเมืองเออัน วินญาคาดไม่ถึงว่า เทาเท่จะขับรถไปกับพวกเธอด้วยตนเอง หลังจากขึ้นรถ เธอยิ้มและพูดกับเทาเท่ว่า น้าคิดว่าลูกจะส่งคนขับรถมาให้เรา”
เทาเท่เหลือบมองหลินจือที่อยู่ข้างๆเขาและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ระยะทางไกลแบบนี้ คนอื่นขับรถส่งพวกน้า ผมไม่วางใจครับ”
วินญารีบตบแขนหลินจือที่นั่งข้างๆเขาทันทีและพูดว่า “ดูเทาเท่สิ ละเอียดแบบนี้ ให้ความปลอดภัยของหนูอยู่อันดับหนึ่งมาก่อนเสมอ”
หลินจือไม่รู้ว่า วินญาตั้งใจหรือไม่ เธอมักจะนำความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเทาเท่ให้ไปสู่ความสัมพันธ์ที่สนิทสนม เตามหลักแล้วไวท์ควรบอก วินญาว่าเธอกับเทาเท่เลิกรากันแล้ว
เธอเดาถูกเรื่องที่ไวท์บอก วินญาว่าเธอเลิกกับเทาเท่แล้ว แต่ภายหลัง ไวท์ก็บอก วินญาอีกว่าขอให้ วินญาช่วยพูดคำพูดดีๆที่มีผลต่อเทาเท่ด้วย เพื่อให้เทาเท่และหลินจืออยู่ด้วยกันอีกครั้ง และยังกล่าวอีกว่านี่เป็นเรื่องที่เทาเท่ขอร้องให้ช่วย
วินญารู้ดีถึงเจตนาของเทาเท่และทนไม่ได้ที่จะเห็นคนหนุ่มสาวสองคนต้องทนทุกข์ทรมานเรื่องความรัก เธอจึงทำแบบนี้
“ผู้ชาย ก่อนที่ยังไม่พบรักแท้ ส่วนใหญ่จะไม่รู้แจ้ง” วินญาเริ่มบ่นรื่องลูกชายของเธออีกครั้ง “ไวท์ของเราก็เป็นแบบนี้”
“น้าดูแล้ว เขาแสดงท่าทีตรงไปตรงมากับสาวๆเหล่านั้น ทำให้น้ากังวลเรื่องการแต่งงานของเขามาก”
“คราวที่แล้วน้าแนะนำผู้หญิงคนหนึ่งให้เขารู้จัก เธอสวมกระโปรงสั้นไปพบเขา เขาสั่งสอนเธอด้วยใบหน้าเย็นชา แล้วเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนเกือบทั้งวัน ทำให้หญิงสาวคนนั้นโมโหร้องไห้”
“เธอใส่กระโปรงสั้นก็เพื่อจะอวดขายาวของตนเองไม่ใช่เหรอ?”
“ยังมีอีกครั้งกับผู้หญิงอีกคน เขาถามเธอตรงๆ ว่าทำตาสองชั้นเหรอและเสริมจมูกด้วยหรือเปล่า ทำให้เธอโกรธมากจนหันหลังเดินจากไปเลย”
วินญาวางมือบนหน้าอกของเธอและร้องไห้กับหลินจือเหมือนมีอาการเจ็บแปลบ “หนูว่าความฉลาดทางอารมณ์ของเขาแบบนี้ น้ายังสามารถอุ้มหลานชายของน้าได้ในช่วงชีวิตของน้าได้ไหม?”
หลินจือรู้สึกขบขันกับคำพูดของ วินญาเธอสามารถจินตนาการถึงภาพที่หยาบคายของไวท์กับผู้หญิงเหล่านั้นได้ แต่เธอก็ยังปลอบโยนวินญา “เรื่องแบบนี้ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา ถ้าเจอคนที่ชอบ อาจจะแต่งงานทันทีเลยก็ได้นะคะ”
“น้าได้อุ้มหลานชายก็ใกล้จะถึงแล้วค่ะ” ตอนนี้หลินจือคิดว่า วินญาน่ารักกว่าไวท์ ลูกชายของเธออีก
หากไวท์น่ารักเหมือนกับ วินญาเล็กน้อย ก็ไม่ถึงกับจะเสียผู้หญิงดีๆ อย่างซานาไปในไม่ช้า
หลินจือและ วินญาคุยกันตลอดทาง และไม่รู้สึกเบื่อมากเท่าไหร่
เธอไม่คิดว่า วินญาจะเป็นคนที่อยู่ด้วยกันแล้วรู้สึกดีขนาดนี้ เธอนึกในใจ ผู้สาวที่แต่งงานกับไวท์ในอนาคตคงจะไม่มีปัญหาเรื่องของแม่สามีและลูกสะใภ้ หนึ่ง วินญามีความฉลาดทางอารมณ์ สองไม่มีอคติเรื่องฐานะทางครอบครัว สามความคิดก็ตามทันกระแส และต้องมีช่วงเวลาที่ดีในการพูดคุยกับลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอแน่นอน
เมื่อได้ยินว่าพวกเขายังมีเวลาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงจากแผนที่การค้นหาเส้นทาง หลินจือเสนอกับเทาเท่ “ฉันมาขับรถซักพักนะคะ”
“ไม่ต้อง” เทาเท่ไม่รู้สึกว่าเหนื่อยมากนัก
เขาฟังเธอคุยกับ วินญารู้สึกถึงความผ่อนคลายและอารมณ์ของเธอ อารมณ์ของเขาก็ดีขึ้นตามด้วย
แม่ของเขาและเธอไม่เคยมีครั้งไหนที่จะคุยกันดีๆได้ แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าคนที่มีปัญหาคือแม่ของเขาเอง
เธอเป็นคนอ่อนโยนและมีเมตตา แค่แม่ของเขาให้ความเคารพและเมตตาต่อเธอ เธอสามารถเข้ากับแม่ของเขาได้ดี
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แค่คนอื่นดีกับเธอ เธอก็จะตอบแทนน้ำใจให้อีกฝ่ายเป็นสิบเท่าอย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่แม่ของเขาไม่สามารถพูดคุยดีๆกับเธอได้เหมือน วินญาตอนนี้เขาไม่ขอให้แม่ของเขาเข้ากันได้ดีกับหลินจือ เขาแค่ขอให้แม่ของเขาไม่สร้างเรื่องขัดขวางเขาอีกต่อไปก็พอ
ก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของเขาตบหน้าเธอ บางทีเธอคงไม่จากไปอย่างเด็ดขาดแบบนั้น จนกระทั่งปฏิเสธที่จะเจอเขาสักครั้ง
วินญากล่าวอย่างทันท่วงที “เมื่อเรามาถึง เมืองเออัน พักผ่อนคืนหนึ่งก่อนนะ เราค่อยไปหาศิษย์พี่ของน้าในวันพรุ่งนี้ ที่สำคัญคือเธอยังไม่อยู่ในตัวเมือง เมืองเออัน แต่อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่ห่างไกลออกไป ขับรถจากในเมือง ต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง”
“ครับ” เทาเท่ตอบรับ
พักผ่อนสักคืนก็ดี แบบนั้นแล้วเขาจะได้มีเวลาอยู่กับหลินจือมากขึ้น
หลินจือได้ยิน วินญาบอกว่า จะหยุดพักผ่อน ดังนั้นเธอจึงไม่เสนอขับรถแทนเทาเท่ แต่เธอก็ยังเหลือบมองเทาเท่และพูดว่า “ถ้าคุณเหนื่อยหรือง่วง คุณต้องบอกฉันนะคะ”
มุมปากของเทาเท่ยิ้มขึ้นหลังจากได้ยินคำพูดของเธอ เธอยังคงห่วงใยและสนใจเขา