“หึ หมุดกร่อนรักเป็นวิชาที่ผนึกพันธะระดับสูง จะปลดผนึกง่ายๆ ได้อย่างไร? ”
ฮูหยินปิงจีกระชากเสียงเย็นชาพลางพลิกนิ้วมือ ใช้กำลังภายในจู่โจมไปที่ซูจิ่นซี
ทันใดนั้น ร่างของซูจิ่นซีก็ลอยขึ้นกลางอากาศ
ซูจิ่นซีเกลียดความรู้สึกที่ชีวิตและความตายตกอยู่ในมือผู้อื่น นางขมวดคิ้วมุ่น จากนั้นจึงรวบรวมสติและซัดเข็มเงินพิษออกจากแขนเสื้อ พุ่งตรงไปยังใจกลางฝ่ามือของฮูหยินปิงจี
ใบหน้าฮูหยินปิงจีเต็มไปด้วยความดูหมิ่น นางเพิ่มพลังภายในอีกเล็กน้อย เข็มเงินนั้นยังไม่ทันสัมผัสฝ่ามือของนางก็กลายเป็นฝุ่นผงในพริบตา
“หึ ลูกไม้ตื้นๆ ยังกล้าลงมือต่อหน้าฮูหยินอย่างข้าอีกหรือ”
อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ้นเสียงคำพูดของฮูหยินปิงจี ท่าทีของนางก็แปรเปลี่ยนไป
รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าซูจิ่นซี
“แม้จะเป็นเพียงมดก็สามารถล้มช้างได้ ฮูหยิน ท่านประเมินศัตรูต่ำเกินไปแล้ว ทั้งยังประเมินข้าต่ำเกินไป”
ฮูหยินปิงจีดึงพลังกลับไปทันที ใบหน้าของนางซีดขาว สองเท้าก้าวถอยหลังอย่างขุ่นเคือง พลางสกัดจุดที่แขนทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว
นางพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “นางเด็กนี่ ที่แท้เจ้าก็มีดีเหมือนกัน มอบยาถอนพิษให้ข้าเดี๋ยวนี้”
ซูจิ่นซีนั่งลงบนพื้นข้างกายเยี่ยโยวเหยา
เวลานี้ ซูจิ่นซีไม่มีความคิดจะใส่ใจผู้อื่น นางครุ่นคิดเพียงว่า หมุดกร่อนรักในร่างของเยี่ยโยวเหยา แท้จริงแล้วยังไม่ได้รับการแก้ไข อาการกำเริบในครั้งนี้คงรุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนเป็นแน่ และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ซูจิ่นซีรีบเข้าไปตรวจดูอาการของเยี่ยโยวเหยา
“นางเด็กบ้า ได้ยินหรือไม่ มอบยาถอนพิษให้ข้า! ”
อาการของเยี่ยโยวเหยาดูสาหัสยิ่งนัก ดวงตาทั้งคู่แดงฉาน ใบหน้าไร้เลือดฝาด ซูจิ่นซีตรวจชีพจรอย่างละเอียด พบว่าอาการกำเริบของหมุดกร่อนรักแย่ยิ่งกว่าครั้งก่อนมาก
นางกังวลใจยิ่งนัก
“ยายแก่บ้า หากเจ้ามีความสามารถ พิษเพียงเล็กน้อยจะทำอันใดเจ้าได้? ”
ซูจิ่นซีสบถเสียงต่ำ ทว่าไม่เงยหน้ามองฮูหยินปิงจีว่าเป็นเช่นไร และแอบหยิบยาจากระบบถอนพิษให้เยี่ยโยวเหยาทานไปก่อน
ฮูหยินปิงจีทะนงตนว่าเป็นหญิงงามที่สุดในแคว้นจงหนิง เคยมีผู้ใดด่าทอนางเช่นนี้กัน?
ทันใดนั้น นางก็เดือดดาลสุดขีด จึงส่งพลังภายในหมายทำร้ายซูจิ่นซี
“นางเด็กบ้า เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ดูถูกฮูหยินอย่างข้า”
ทว่าฮูหยินปิงจึเพิ่งยกมือขึ้น ยังไม่ทันได้เดินพลังภายใน นางก็รู้สึกถึงลมปราณทั่วร่างย้อนกลับ ดวงตาพร่ามัวจนแทบหมดสติ นางดึงพลังกลับมาทันทีและจับไปที่หน้าผากของตน พลางเดินถอยหลังไปสองก้าว
“เจ้า… เจ้าวางยาพิษอันใดกับข้า?”
ซูจิ่นซีสนใจเพียงร่างกายของเยี่ยโยวเหยา ไม่ใส่ใจฮูหยินปิงจีแม้แต่น้อย
แม้ฮูหยินปิงจีจะมีวรยุทธ์สูงส่ง ทว่าเมื่อถูกยาพิษของซูจิ่นซีควบคุมและขัดขวางพลังภายในที่แข็งแกร่ง นางจึงไม่กล้าทำอันใดซูจิ่นซี
เมื่อเห็นว่าซูจิ่นซีนิ่งเงียบ ทำเพียงจัดเตรียมยาสมุนไพรให้เยี่ยโยวเหยาทานอย่างต่อเนื่อง
ฮูหยินปิงจีจึงไม่คิดโต้เถียงกับซูจิ่นซีอีก พิษเพียงแค่นี้ แม้ตัวนางไม่สามารถถอนพิษได้ ทว่านางมีลูกน้องที่เชี่ยวชาญด้านการถอนพิษ
“นางเด็กบ้า ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าเสียแรงเปล่า ต่อให้เจ้ามียาสมุนไพรถอนพิษที่ดีที่สุดในใต้หล้า ก็ไม่สามารถรักษาหรือถอนพันธะหมุดกร่อนรักได้”
ซูจิ่นซีที่กำลังรีบร้อนพลันหยุดชะงัก การแสดงออกของนางดูแปลกไปเล็กน้อย จากนั้นจึงหันมามองฮูหยินปิงจีอย่างเชื่องช้า
“เจ้า… หมายความว่าอย่างไร? ”
ฮูหยินปิงจีมีท่าทีลำพองใจ
“ในโลกนี้มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะข้าได้ นางเด็กบ้า เจ้ายังเยาว์นัก คิดว่ารู้วิชาพิษเพียงเล็กน้อยและได้รับความโปรดปรานจากโยวเหยา ก็จะสามารถทำสิ่งใดได้ดั่งใจปรารถนาหรือ เจ้าคงยังไม่รู้ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เก่งกาจเพียงใด ย่อมมีผู้ที่เหนือกว่า”
บางอย่างภายในใจของซูจิ่นซีพลันปรากฏให้เห็นชัดเจนราวกับน้ำแข็งละลาย นางค่อยๆ หรี่ตาลง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้ารู้อยู่แล้วว่าพวกข้าจะใช้ตำราโบราณเพื่อปรุงยาถอนพิษหมุดกร่อนรัก ทั้งยังรู้ว่าไม่อาจถอนพิษหมุดกร่อนรักได้ใช่หรือไม่? ”
ฮูหยินปิงจีจัดระเบียบเสื้อผ้าด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ แม้นางไม่ได้พูดอันใด ทว่าท่าทางเย้ยหยันเช่นนั้นได้อธิบายทุกอย่างจนหมดสิ้น
ซูจิ่นซียิ่งมั่นใจในความคิดของตนมากขึ้น
“ก่อนหน้านี้ หนานกงลั่วอวิ๋นให้สาวใช้ส่งเลือดของสัตว์เทพซื่อฉิงมาจากตำหนักเสวียนปิง แท้จริงเป็นความเห็นชอบของเจ้า เจ้ายืนอยู่ในที่มืด คอยควบคุมทุกอย่าง แต่กลับปล่อยให้พวกข้าลงมือ เจ้ามีจุดประสงค์อันใดกันแน่? ฮูหยินปิงจี ในเมื่อวันนี้เจ้าปรากฏตัวขึ้น แสดงว่าเจ้าบรรลุเป้าหมายแล้ว พูดมาเถิด! เจ้าต้องการให้ข้า ซูจิ่นซีทำสิ่งใด? ”
ทันใดนั้น แววตาของฮูหยินปิงจีก็เปล่งประกาย นางมองซูจิ่นซีด้วยความชื่นชมเล็กน้อย ครู่หนึ่งจึงหรี่ตาลง
“นางเด็กบ้า เจ้ามีไหวพริบไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะสถานะของเจ้า… ” พูดถึงตรงนี้ ฮูหยินปิงจีก็กลืนคำพูดกลับลงไปอีกครั้ง “แม้เจ้าจะแตกต่างจากผู้อื่น ฉลาดกว่าผู้อื่น ทว่าสุดท้ายแล้ว เจ้ากับโยวเหยาก็ไร้วาสนาต่อกัน ข้าขอเตือนเจ้าอาศัยโอกาสนี้ไปจากเขาเสีย! ถือว่าเป็นการช่วยเหลือโยวเหยาและตัวเจ้าเอง”
ซูจิ่นซีเข้าใจในทันที “ไปจากเขาหรือ? นี่คงเป็นเป้าหมายที่ฮูหยินวางแผนอย่างรอบคอบมานานกระมัง! ”
ซูจิ่นซีพูดพลางหันไปมองเยี่ยโยวเหยาด้วยแววตารักใคร่ลึกซึ้ง “ข้า ซูจิ่นซี ชีวิตนี้เมื่อเป็นภรรยาของเยี่ยโยวเหยาแล้ว ก็จะเป็นภรรยาของเขาตลอดไป ต้องการให้ข้าไปจากเขา นอกเสียจาก… ข้าจะตายเท่านั้น! ”
ซูจิ่นซีกล่าวคำสุดท้ายว่า ‘ตาย’ อย่างดุดันหนักแน่นยิ่งนัก
ทว่าฮูหยินปิงจีกลับแสดงท่าทีเหยียดหยาม
“ความรักคือสิ่งใด พวกเจ้ายังเด็กเกินไป นางเด็กบ้า รอให้เจ้าถึงวัยข้าแล้ว รอให้โยวเหยาทำงานใหญ่สำเร็จ และสามารถจัดการใต้หล้าได้ ถึงตอนนั้น อำนาจและตำแหน่งจะเข้ามาแทนที่ความรักอันลึกซึ้งที่เคยมีในอดีต เจ้าจะรู้สึกว่าความผูกพันในอดีตนั้น เป็นเพียงหมอกควันที่พัดผ่านตาเท่านั้น”
ซูจิ่นซีตอบกลับฮูหยินปิงจีด้วยท่าทีเหยียดหยามยิ่งกว่า “ใช่ว่าเจ้าไม่ได้กินองุ่น แล้วเที่ยวบอกว่าองุ่นเปรี้ยว [1] กระมัง? นี่คืออาการป่วยจากการขาดความรัก เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย”
แม้ซูจิ่นซีจะใช้คำพูดในยุคปัจจุบัน และฮูหยินปิงจีเข้าใจเพียงเจ็ดแปดส่วนเท่านั้น ทว่านางฟังออกว่านี่เป็นคำด่า
การแสดงออกทางสีหน้าพลันหายไป ใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “นางเด็กบ้า เจ้าพูดอันใด? ”
ซูจิ่นซีไม่คิดใส่ใจฮูหยินปิงจีอีกต่อไป นางประคองเยี่ยโยวเหยาด้วยท่าทีเป็นกังวล ครุ่นคิดว่าควรทำอย่างไรดี
เมื่อเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของฮูหยินปิงจีจึงเผยให้เห็นความลำพองใจอีกครั้ง
“นางเด็กบ้า ข้าบอกเจ้าก็ได้! ข้าไม่เพียงรู้ว่าพวกเจ้าใช้ตำราโบราณปรุงยาวิเศษเพื่อถอนพิษหมุดกร่อนรักเท่านั้น ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวิหารวิญญาณวันนี้ ก็เป็นแผนการของข้าเช่นกัน จุดประสงค์คือต้องการให้เจ้าไปจากโยวเหยา”
ให้นางไปจากเยี่ยโยวเหยา?
ฝันอยู่หรือ?
กล้าพูดจาโอหังเช่นนี้
รอยยิ้มดูหมิ่นปรากฏที่มุมปากของซูจิ่นซี นางฟังฮูหยินปิงจีกล่าวอีกว่า “ในเมื่อข้าวางแผนไว้แล้ว ย่อมมีหมากเด็ดและเชื่อมั่นว่าจะทำให้เจ้าไปจากโยวเหยาได้”
หมากเด็ดนั้นคือสิ่งใด แม้ฮูหยินปิงจีไม่ได้อธิบาย ทว่าใบหน้าของซูจิ่นซีกลับเผยให้เห็นความวิตกกังวล
ครู่หนึ่ง ซูจิ่นซีหันไปมองโยวเหยาที่กำลังหมดสติด้วยแววตารักใคร่อย่างสุดซึ้ง จากนั้นจึงพูดกับฮูหยินปิงจี
“เจ้ากล้ายืนยันหรือไม่ ขอเพียงข้าไปจากเยี่ยโยวเหยา เจ้าจะถอนพิษหมุดกร่อนรักในร่างของเขา? ”
แววตาของฮูหยินปิงจีเปล่งประกายด้วยความชื่นชม นึกไม่ถึงว่านางยังไม่ทันได้พูด ซูจิ่นซีก็คาดเดาได้ว่าหมากของนางคือสิ่งใด
หลังจากความรู้สึกประหลาดใจ ฮูหยินปิงจีก็ตอบรับอย่างหนักแน่น “แน่นอน! ”
……
เชิงอรรถ
[1] ไม่ได้กินองุ่น แล้วเที่ยวบอกว่าองุ่นเปรี้ยว คือ สำนวนจีน หมายถึง เมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็เที่ยวบอกคนอื่นว่าสิ่งนั้นไม่ดี หรือหมายถึง ไม่สมหวังในความรัก