บทที่ 1581 – นิกายที่ยิ่งใหญ่ ปลดจากตำแหน่งประมุขสาม

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1581 – นิกายที่ยิ่งใหญ่ ปลดจากตำแหน่งประมุขสาม

 

ชิงสุ่ยมองดูดวงตาอันเร่าร้อนของเหล่าผู้ที่แสดงความเคารพนับถือในตัวเขา เขารู้สึกสบายใจ นี่เป็นความรู้สึกของผู้ที่แข็งแกร่ง การได้รับความยกย่องจากผู้อื่นเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม

 

มีบางคนเดินออกไปและบอกข่าวนี้ให้กับทุกคนในพระราชวังทะเลราชันย์ทราบ พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกมีความสุข เสียงของการชื่นชมยินดีดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆจากข้างนอก ข่าวนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว

 

จินลี่อวี้นั่งอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน แต่เขาดูจะใจลอยเล็กน้อย ข้างชิงสุ่ยเป็นอีเย่เจี้ยนเก้อและมู่หยุนชิงเก้อ การต่อสู้ในครั้งนี้นำโดยชิงสุ่ยและที่สำคัญที่สุดเผ่ามัจฉาเองก็เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก มันไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดคิดของชิงสุ่ย การมีพวกเขาช่วยเหลือถือว่าสำคัญมาก

 

ชิงสุ่ยยืนขึ้นและยกจอกเหล้า “ข้ารู้สึกมีความสุขที่ได้ปกป้องพระราชวังทะเลราชันย์ไปพร้อมกับทุกคน เจี้ยนเก้อเป็นภรรยาของข้าและพระราชวังทะเลราชันย์ก็เป็นบ้านของนาง ทุกคนที่นี่ล้วนเหมือนพี่น้องของข้า แม้ว่าข้าอาจไม่สามารถอยู่ที่นี่ไปได้ตลอด ข้าก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อความทุกข์ร้อนของพระราชวังทะเลราชันย์ พวกเราจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่ออนาคตของพระราชวังทะเลราชันย์”

 

“เพื่ออนาคต!”

 

“ดื่ม!”

 

……

 

ทุกคนหยิบจอกเหล้าขึ้นมาและซดมันลงไป มันเป็นภาพบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่าเมื่อมีชิงสุ่ยเข้าร่วมด้วย

 

ตอนนี้พระราชวังทะเลราชันย์มีผู้พิทักษ์หนุ่มแล้ว เขาแข็งแกร่งกว่าผู้พิทักษ์ของพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามพยัคฆ์ สำหรับตอนนี้ แดนทะเลน้ำเเข็งอยู่ในเงื้อมมือของพระราชวังทะเลราชันย์

 

จินลี่อวี้รู้สึกเศร้าใจ ต้องมีใครสักคนรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา แม้ชิงสุ่ยกล่าวว่าจะไม่ทำการตรวจสอบ แต่นั่นก็ดูจะเป็นแค่เรื่องตลก ใครกันที่จะยกโทษให้กับเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น?

 

ดังนั้นจินลี่อวี้จึงไม่เชื่อว่ามู่หยุนชิงเฉิง ชิงสุ่ย และคนที่เหลือจะยอมให้อภัยเขาง่ายๆ วันนี้เขาได้แต่เฝ้ารอ เขายอมรับในคำตัดสินไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม

 

งานเลี้ยงฉลองได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเขาไม่ได้บอกว่าจะจัดการกับเขาอย่างไร นี่ทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายยิ่งขึ้น เขาไม่กลัวตาย แต่การรอคอยมันทำให้เขารู้สึกแย่ลง

 

ชิงสุ่ยสังเกตเห็นถึงความกังวลของจินลี่อวี้ได้ แม้ว่าเขาจะยังคงยิ้มอยู่ ที่นั่งของชิงสุ่ยอยู่ใกล้กับจินลื่อวี้ พวกเขาต่างก็ไม่ได้มองหน้ากันและกัน สิ่งนี้ทำให้จินลื่อวี้รู้สึกว่าตัวเองมาถึงจุดจบแล้ว

 

เมื่อเวลาผ่านไป แต่ละคนก็เริ่มที่จะกลับไปพักผ่อน พวกเขารู้ดีว่าประมุขยังมีเรื่องที่ต้องสะสาง คนอื่นๆทะยอยกันกลับและเหลือเพียงจินลื่อวี้ที่ยังคงอยู่

 

มันเป็นเรื่องปกติที่เขาไม่ได้กลับไป เขามีตำแหน่งเป็นถึงประมุขสาม นับว่าปกติแล้วที่เขาจะอยู่เป็นคนท้ายๆ

 

“ท่านประมุข เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว โปรดบอกข้ามาเถอะว่าจะจัดการข้าอย่างไร” จินลื่อวี้ไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นยืน

 

มู่หยุนชิงเฉิงหัวเราะ “ใครบอกกันว่าพวกเราจะจัดการกับเจ้า? ด้วยความเจ้าเล่ห์ของเจ้าทำให้ศัตรูเกิดประหลาดใจและเป็นผลดีอย่างมากต่อพระราชวังทะเลราชันย์ของพวกเรา”

 

จินลี่อวี้ส่ายหัว “ท่านประมุข ท่านไม่จำเป็นต้องทำให้ข้าสบายใจ ข้าแค่หวังว่าท่านจะปล่อยเผ่ามัจฉาไป พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเรื่องนี้”

 

“ข้าบอกเมื่อไหร่กันว่าจะให้พวกเขารับผิดชอบ?” มู่หยุนชิงเฉิงกล่าวอย่างสงบโดยไม่ได้มองเขา

 

เหตุผลที่จินลื่อวี้เป็นแบบนี้เพราะเขาเป็นไส้ศึกและยังวางแผนที่จะจับตัวมู่หยุนชิง นี่เป็นเหตุผลที่เขารู้สึกกังวล

 

“ท่านจะปล่อยเผ่ามัจฉาไปจริงๆงั้นหรือ?” จินลื่อวี้ถามด้วยความตื่นเต้น

 

“ข้ามี 2 อย่างที่จะให้เจ้าในตอนนี้ อย่างแรกเผ่ามัจฉาจะเป็นอิสระ ซึ่งมันตรงกับความต้องการของเจ้า อย่างที่สองเจ้ายังสามารถอยู่ที่พระราชวังทะเลราชันย์ต่อได้ แต่ถ้าเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นอีก อย่าได้ตำหนิข้าหากข้าลงมือทำอะไรบ้าง และเจ้าจะถูกปลดออกจากตำแหน่งประมุขสาม จากนี้ห้ามปิดบังอะไรกับข้า” มู่หยุนชิงเฉิงมองไปที่จินลื่อวี้ด้วยสายตาอันเย็นชา

 

กลิ่นอายที่มาจากเธอทำให้จินลี่อวี้สั่นสะเทือน เขาเข้าใจดีว่าความแตกต่างด้านพลังระหว่างเขาและมู่หยุนชิงเฉิงมีมากแค่ไหน ผู้ชายจากเผ่ามนุษย์อสูรไม่ชอบให้ผู้หญิงของตนแข็งแกร่งกว่าตัวเอง แม้ว่าเธอผู้นั้นจะงดงาม แต่มันก็เหมือนเป็นความอัปยศสำหรับพวกเขา มันทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ

 

คำพูดและสายตาที่เย็นชาของมู่หยุนชิงเฉิงทำให้เขารู้ว่าควรจะทำอะไร เขาพยักหน้าตอบโดยไม่รู้ตัว “ขอบคุณ ข้าขอตัวก่อน”

 

จินลื่อวี้จากไปด้วยความสับสน หัวใจของเขาแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

 

“ท่านประมุข  ท่านต้องการเก็บเผ่ามัจฉาเอาไว้เพื่อประโยชน์ต่อพระราชวังทะเลราชันย์ แต่ท่านก็ยังปลดตำแหน่งประมุขสามของจินลื่อวี้ด้วยหรือ” ชิงสุ่ยมองไปที่มู่หยุนชิงเฉิงด้วยรอยยิ้ม

 

“เผ่ามัจฉาสำคัญมากสำหรับพระราชวังทะเลราชันย์ พระราชวังทะเลราชันย์กำลังก้าวหน้าขึ้น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไม่ดีหากแยกตัวออกจากเผ่ามัจฉา จินลื้อวี้ได้เป็นประมุขสามก็ด้วยความสำเร็จของบรรพบุรุษ มันทำให้หลายๆคนไม่ชอบในส่วนนี้ การมีเผ่ามัจฉาร่วมด้วยย่อมดีกว่า ต่อจากนี้ไปจะไม่มีตำแหน่งประมุขสาม จะมีเพียงข้าและเจี้ยนเก้อที่เป็นผู้ปกครอง” มู่หยุนชิงเฉิงยิ้ม

 

“มีกลุ่มอำนาจมากแค่ไหนภายในแดนทะเลน้ำเเข็ง” ชิงสุ่ยครุ่นคิดก่อนถาม

 

“ชนเผ่าใต้ทะเลมีความคล้ายคลึงกับมนุษย์บนบก กลุ่มอำนาจขนาดเล็กมักจะอยู่ภายใต้การปกครองของกลุ่มที่ใหญ่กว่า การแบ่งขั้วอำนาจนั้นมีความซับซ้อน ดังนั้นแทบจะบอกไม่ได้ว่ามีกลุ่มอำนาจใดบ้าง”

 

“มีกลุ่มไหนบ้างที่สนับสนุนพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูร? พระราชวังทะเลราชันย์ของพวกเรามีผู้ที่คอยช่วยเหลือบ้างหรือไม่?”

 

“ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามีกลุ่มใดหนุนหลังพวกเขาบ้าง แต่พระราชวังทะเลราชันย์ของพวกเราไม่มีผู้ใดคอยสนับสนุน ไม่มีใครรู้ถึงเรื่องนี้ แต่ข้าคิดว่าพวกเขาคงต้องระวัดระวังตัวเอาไว้ก่อนที่จะลงมือทำอะไร” มู่หยุนชิงเฉิงยิ้มให้เขา

 

“ทำไมท่านถึงคิดเช่นนั้น?” ชิงสุ่ยมองไปที่เธอ

 

“เป็นเพราะว่าเจ้าอยู่ที่นี่ ผู้คนจะต้องเชื่อว่าตัวเจ้ามีนิกายใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ พวกเขาย่อมคิดว่าพลังที่เจ้ามีมาจากนิกายใหญ่ๆ”

 

สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยนึกถึงนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะ เขาไม่รู้ว่าพวกเขาเข้าใกล้ถึงระดับพระเจ้าหรือไม่ แต่เขารู้ว่ามันเป็นเรื่องยากหากเขาต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยความแข็งแกร่งที่เขามีในตอนนี้

 

“มันไม่ได้มีผู้ใดคอยหนุนหลังข้าอยู่เลย” ชิงสุ่ยยิ้ม

 

“ตัวเจ้านั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล่านิกายใหญ่” มู่หยุนชิงเฉิงกล่าวอย่างจริงจัง

 

“ท่านประเมินข้าสูงเกินไป” ชิงสุ่ยด้วยความหนักแน่น

 

“ข้าเชื่อในสายตาและสัญชาตญาณของตัวเอง มันไม่เคยผิดพลาด เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังทะเลราชันย์แล้วและจะเป็นตลอดไป” มู่หยุนชิงเฉิงกล่าวเบาๆ

 

“ชิงสุ่ย เจ้าวางแผนที่จะไปเมื่อไหร่? เจ้ามีแผนอะไรบ้าง?” มู่หยุนชิงเฉิงสนใจเรื่องนี้มาก

 

“ข้าจะอยู่ที่นี่สัก 2-3 วันแล้วกลับไปที่เมืองหลินห่าย ข้ายังไม่มีแผนอะไร” ชิงสุ่ยรู้สึกเชื่อใจในพระราชวังทะเลราชันย์ ดังนั้นเขาจึงได้บอกให้เธอรู้ เขาไม่รู้ว่าพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรมีกลุ่มอำนาจใดอยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้นเขาต้องวางแผนก่อนสักสองสามวัน และมันยังช่วยให้พระราชวังทะเลราชันย์ ได้มีเวลาเตรียมตัวรับมือ

 

3 วันผ่านไปเพียงพริบตา ชิงสุ่ยยังคงอยู่ที่พระราชวังทะเลราชันย์ เขาฝึกฝนร่วมกับอีเย่เจี้ยนเก้อในตอนกลางวันและคอยให้คำแนะนำเธอ เขามอบยาสมุนไพรให้ไปบางส่วน อาทิผลอสูรบรรพกาลและยาเม็ด 5 มังกรเพื่อดูว่าเธอสามารถใช้มันได้หรือไม่

 

แม้ว่าอีเย่เจี้ยนเก้อจะไม่ใช่เผ่านาคาเร้นลับ แต่เธอก็ไม่ได้มีฝีมือด้อยกว่าใครๆ บางทีเธออาจะเทียบเท่ากับเผ่านาคาเร้นลับหรือแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย

 

ตอนนี้พลังของอีเย่เจี้ยนเก้อเพิ่มขึ้นอย่างมากและรวมทั้งสัตว์อสูรผลึก 9 เศียรเช่นกัน หลังจากใช้ยาเม็ดสวรรค์หยางยกระดับพลัง ความทนทานของเธอก็ค่อยๆดีขึ้น

 

ด้านทักษะการต่อสู้ อีเย่เจี้ยนเก้อมีทักษะในการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งมันเป็นทักษะการต่อสู้ของเผ่านาคาเร้นลับ ชิงสุ่ยได้สอนกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตและทักษะอื่นๆอีกหลายอย่างให้กับเธอ สำหรับทักษะการเคลื่อนไหวที่เขาเลือกให้เป็นทักษะย่างก้าว 9 เทวา เนื่องจากมันสามารถผสมผสานเข้ากับทักษะอื่นได้

 

ทักษะย่างก้าว 9 เทวาถือว่าเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับชิงสุ่ย ผู้อื่นอาจพบว่ามันยากที่จะเรียนรู้ใหได้ในระดับเดียวกันกับเขา สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่เศร้าใจ เขาอยากที่จะให้คนใกล้ชิดและสหายได้มีพลังที่ทัดเทียมกัน

 

ช่วง 3 วันมานี้ ความแข็งแกร่งของอีเย่เจี้ยนเก้อและสัตว์อสูรผลึก 9 เศียรก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก เธอสามารถเข้าถึงทักษะย่างก้าว 9 เทวาได้ระดับหนึ่งภายในเวลา 3 วัน มันเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจและเกินคาดคิด ทักษะการต่อสู้ของเธอนั้นหลากหลายและหนักหน่วง ดังนั้นการเพิ่มความรวดเร็วจึงเป็นปัจจัยสำคัญ

 

ในวันที่ 4 มู่หยุนชิงเฉิงเดินทางมาหายังที่พัก เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้เมื่อเห็นความใกล้ชิดระหว่างพวกเขาทั้งสอง