บทที่ 1580 – แต่งงาน เป็นผู้พิทักษ์แห่งพระราชวังทะเลราชันย์

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1580 – แต่งงาน เป็นผู้พิทักษ์แห่งพระราชวังทะเลราชันย์

 

ชิงสุ่ยก็คิดถึงสิ่งที่อีเย่ เจี้ยนเก้อได้กล่าว หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างมากหรืออาจกล่าวได้ว่านางพัฒนาขึ้นมาก ความรักนั้นไม่จำเป็นต้องเคียงคู่กันตลอดไป บางทีนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ชิงสุ่ยนั้นมีหญิงสาวที่อยู่ข้างกายหลายคน

 

พวกนางทุกๆคนต่างก็พบหนทางของตนเองและชิงสุ่ยก็ไม่ได้ปฏิเสธพวกนางเช่นกัน นี่ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เขาก็ยังรู้สึกอธิบายไม่ถูกภายในหัวใจเพราะผู้ชายทุกๆคนก็ต้องการให้หญิงสาวของตนเองนั้นอยู่ข้างกาย

 

“ข้าเห็นด้วยกับเจ้าไม่ว่าเจ้าจะต้องการทำอะไรแต่เจ้าต้องเป็นภรรยาของข้า อ้อมกอดของข้านั้นเปิดรับเจ้าอยู่เสมอและเจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อเมื่อเช้ารู้สึกเหนื่อยล้า” ชิงสุ่ยลูบเส้นผมอันงดงามของนาง

 

“เจ้าหิวหรือไม่?” อีเย่ เจี้ยนเก้อเงยหน้าขึ้นมามองชิงสุ่ย

 

“ข้าจะตอบเช่นไรดี?” ชิงสุ่ยจ้องมองไปที่ดวงตาของนาง

 

“ผู้ชายชอบไม่ใช่หรือที่หญิงสาวของตนเองนั้นใกล้ชิดแล้วใจใส่?” อีเย่ เจี้ยนเก้อมองไปยังชิงสุ่ยอย่างเขินอาย

 

“นั่น… เจ้าก็กำลังทำอยู่ไม่ใช่หรือ?” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาขณะที่มองไปยังร่างกายของพวกเขาทั้งสองคนที่กำลังพัวพันกัน

 

“เจ้าจอมวายร้าย เจ้าชอบพูดเรื่องไร้สาระอยู่เรื่อย” อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวกับเขา

 

หลังจากที่ได้เย้าหยอกชิงสุ่ยก็กล่าวออกมาว่า “ข้ารักเจ้าและทุกๆอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้า ข้าจะยืนข้างเจ้าเสมอไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร นอกจากนี้ข้าจะไปหาเจ้าหากข้าคิดถึงเจ้า แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่ได้แต่งงานกับเจ้าเลย”

 

“ข้าไม่สนใจเรื่องนั้นหรอก แต่จะทำก็ได้หากเจ้าต้องการ” อีเย่ เจี้ยนเก้อส่ายศีรษะ

 

“พวกเราข้ามเรื่องนี้ไปไม่ได้ ถือเป็นโชคดีของข้าที่ได้แต่งงานกับสาวงามอย่างเจ้า เราควรจัดที่นี่หรือกลับไปจัดที่บ้านดี?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงจัง

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อหัวเราะออกมาทันทีเมื่อนางได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย นางมองมาที่เขาแล้วพูดว่า “พวกเราต่างก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ข้าไม่สนใจเรื่องนี้หรอก”

 

ชิงสุ่ยเห็นว่านางจริงจังดังนั้นเขาจึงพยักหน้าขึ้นมา

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อยิ้มและกล่าวว่า “ลุกขึ้นเถอะอีกเดี๋ยวฟ้าก็มืดแล้ว”

 

“เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องลุกหากฟ้ามืดแล้ว” ชิงสุ่ยอยู่ไปที่ใบหน้าของนางอีกครั้งและแต่งตัว

 

ชิงสุ่ยพาอีเย่ เจี้ยนเก้อออกมาข้างนอกจากนั้นนางก็กล่าวว่า “ข้าจะไปทำอาหารมาให้เจ้า”

 

“เดี๋ยวก่อน ข้ามีอะไรบางอย่างที่อยากให้เจ้าเห็น” นางดึงมือของชิงสุ่ยและเดินออกไป

 

ชิงสุ่ยมาที่หน้าเนินเขาและรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นรูปปั้นหินขนาดใหญ่สองก้อน รูปปั้นนี้เป็นรูปชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังโอบเอวกันอย่างสง่างาม

 

“นี่คือรูปสลักศิลาสามีและภรรยา ว่ากันว่าหากมีชายหนุ่มและหญิงสาวมาที่นี่เพื่อขอพรด้วยกันพวกเขาจะได้เป็นสามีภรรยากันหลังจากนั้น” อีเย่ เจี้ยนเก้อยิ้มให้ชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยหัวเราะและจับไปที่จมูกของนาง “ด้วยสวรรค์และโลกเป็นพยาน วันนี้พวกเขาจะขอสาบานเป็นสามีภรรยากันต่อหน้ารูปสลักศิลาสามีและภรรยา!”

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อไม่ชอบที่จะต้องพบเจอผู้คนแต่สถานะของพวกเขาทั้งคู่นั้นก็ต้องแจ้งให้แห่คนอื่นๆได้รับรู้

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อมองมาที่ชิงสุ่ยอย่างมีความสุขและพยักหน้า “ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าเจ้าจะมีความคิดเช่นนี้ ดียิ่งนัก”

 

ชิงสุ่ยคุกเข่าลงและกุมมือของนางเอาไว้ “ในวันนี้ ด้วยสวรรค์และโลกเป็นพยานและดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นพ่อสื่อ ข้า ชิงสุ่ยและอีเย่ เจี้ยนเก้อจะกลายเป็นสามีภรรยากัน นับแต่นี้ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราจะไม่แยกจากกันและจะซื่อสัตย์ต่อกันไปจนตาย”

 

“ด้วยสวรรค์และโลกเป็นพยานและดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นพ่อสื่อ ข้า อีเย่ เจี้ยนเก้อและชิงสุ่ยจะกลายเป็นสามีภรรยากัน นับแต่นี้ต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราจะไม่แยกจากกันและจะซื่อสัตย์ต่อกันไปจนตาย”

 

ชิงสุ่ยและอีเย่ เจี้ยนเก้อไม่ได้สาบานอะไรที่รุนแรงเพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่จำเป็น เพียงแค่ตำสาบานธรรมดาก็เพียงพอแล้ว คนที่ต้องการทรยศต่อคำสาบานอาจให้คำสาบานใดๆก็ได้ที่เขาต้องการ ดังนั้นคำสาบานที่แท้จริงจึงต้องมาจากหัวใจ

 

“เจี้ยนเก้อ เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้วในตอนนี้” ชิงสุ่ยกุมมือของนางเอาไว้อย่างมีความสุข

 

“สามี!” อีเย่ เจี้ยนเก้อเรียกเขาด้วยใบหน้าที่เขินอาย

 

ชิงสุ่ยมองไปที่สายตาของนาง นางก้มศีรษะลงด้วยความเขินอาย ในตอนนี้ฉากที่เขาได้พบกับนางครั้งแรกก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของเขา

 

นางดูเหมือนเทพธิดาที่ปราศจากบาปใดๆ พลังของนางช่างทรงพลังและบริสุทธิ์ ชิงสุ่ยไม่อาจมีความคิดอกุศลใดๆได้เพราะนางได้ช่วยเหลือเขาและครอบครัวของเขา เขาติดค้างนางอยู่มากมาย ดังนั้นเขาจึงบอกกับตัวเองว่าหากอีเย่ เจี้ยนเก้อพบเจอกับปัญหาใดๆเขาก็พร้อมที่จะช่วยเหลือนาง

 

ในการช่วยเหลือชิงสุ่ย อีเย่ เจี้ยนเก้อได้รับชิงสุ่ยเป็นศิษย์ของนาง พวกเขาเริ่มใกล้ชิดกันด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้แต่ชิงสุ่ยไม่เคยคิดอกุศลกับนางเพราะเขารู้สึกว่าตนเองไม่เหมาะสมกับนางอย่างยิ่ง

 

……

 

สีหน้าของอีเย่ เจี้ยนเก้อเริ่มกลับมาเป็นปกติเมื่อนางเห็นชิงสุ่ยมองมาที่นางอย่างเหม่อลอย นางโบกมือตรงหน้าเขาทันทีและกล่าวว่า “เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”

 

“เมื่อข้าคิดถึงเจ้า ข้าก็รู้สึกดีใจจนพูดไม่ออก ความรู้สึกนี้คงไม่มีผู้ใดเข้าใจ โชคดีที่ข้าได้รับความรู้สึกนี้หรือไม่เช่นนี้ข้าก็ต้องอยู่กับความเสียดายไปตลอดชีวิต”

 

“ไม่คิดว่าจอมวายร้ายเช่นเจ้าก็พูดอะไรดีๆออกมาเป็น” อีเย่ เจี้ยนเก้อยื่นมือออกไปเขกศีรษะของชิงสุ่ย นางเข้าใจความคลุมเครือในคำพูดของเขา

 

“เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงไม่อาจหนีข้าไปไหนได้อีก” ชิงสุ่ยจับมือของนางและเดินไปด้วยกัน

 

“เจ้าไม่มั่นใจในตัวข้างั้นหรือ?” อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวออกมาเบาๆ

 

“ข้าไม่มั่นใจในตัวเองเพราะข้ากลัวว่าเจ้าอาจจะบินหายไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่สักวันหนึ่ง” ชิงสุ่ยถอนหายใจออกมา เขารู้ว่าที่เขากล่าวมันไร้สาระแต่ทุกสิ่งนั้นก็เป็นไปได้เมื่อเขาได้มาที่โลกใบนี้ นอกจากนี้การต่อสู้ทุกๆครั้งของเขาก็เริ่มอันตรายมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ยังมีคนอีกมากมายที่สามารถบดขยี้เขาได้อย่างง่ายดาย

 

“เจ้าไม่มั่นใจในตนเองตั้งแต่เมื่อไรกัน? ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้าก็จะเป็นหญิงสาวของเจ้าไปตลอดชีวิต” อีเย่ เจี้ยนเก้อยิ้มให้ชิงสุ่ย คำพูดของนางพวกนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง

 

ชิงสุ่ยรู้สึกต่างออกไปเพราะว่าหญิงสาวอย่างอีเย่ เจี้ยนเก้อไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้อย่างง่ายดาย นางย่อมจับมือของเขาเอาไว้จนกว่าความตายจะพรากจากกัน

 

“เจ้าเป็นภรรยาของข้าแล้ว ต่อจากนี้อย่าหนีข้าไปไหนอีก” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นด้วยความน้อยใจ

 

“ข้าจะไม่หาคนที่เลวร้ายแบบเจ้าในชีวิตต่อไปของข้า” อีเย่ เจี้ยนเก้อหัวเราะ

 

ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าโลกนี้ไม่มีกฎของการมีคู่สมรส แต่ผู้หญิงมักปรารถนาให้ผู้ชายรักนางเพียงคนเดียว

 

“ข้าแค่ล้อเล่น ในชีวิตต่อไปของเจ้า เจ้าต้องตามหาข้าให้ได้นะไม่เช่นนั้นเราอาจไม่ได้เคียงคู่กันอีก” อีเย่ เจี้ยนเก้อกอดแขนของเขาเอาไว้และกล่าวขึ้น

 

น้ำเสียงของอีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นดูน้อยใจเล็กน้อยและยังเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ต้องการคนเอาใจ การแสดงออกของนางนั้นทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง

 

ชิงสุ่ยกอดและจูบไปที่ใบหูของนาง “ข้าชอบเจ้าที่เป็นเช่นนี้จริงๆ”

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อสั่นไปเพราะจูบนี้และคำพูดของเขาก็ทำให้นางรู้สึกเขินอาย นางผลักเขาและเดิยแยกออกไปแต่ชิงสุ่ยจับมือของนางเอาไว้ทำให้นางเดินไปได้ไม่ไกลนัก

 

“เป็นอะไร? เจ้าอายงั้นหรือ เก้อเก้อน้อย” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา

 

“อ๊าาา! อย่าเรียกข้าแบบนั้น ช่างน่าตายจริงๆ!” อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวออกมาทันที

 

“เช่นนั้นข้าควรเรียกเจ้าว่าอะไรดี? ที่รักดีหรือไม่? ตกลง ข้ารู้แล้ว เมื่อเจ้าไม่ชอบข้าก็จะเปลี่ยนให้”

 

“เจ้าห้ามเรียกข้าแบบนั้น” อีเย่ เจี้ยนเก้อหันกลับไปหาเขาและเอามือปิดปาดเขาเอาไว้

 

ชิงสุ่ยจับมือของนางเอาไว้และกอดไปที่เอวของนาง “เจ้าจะเป็นที่รักของข้า ไปตลอดกาล”

 

คำพูดของเขาทำให้นางก้มหน้าไปเพราะความเขินอายทันที นางกอดเขาเอาไว้แน่นหรืออีกอย่างคือนางไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาในตอนนี้เพราะความอายของตนเอง

 

หลังจากที่ก้มหน้าอยู่ครู่หนึ่งอีเย่ เจี้ยนเก้อก็เงยหน้าขึ้นและมองมาที่ชิงสุ่ย ความอบอุ่นและความสุขแผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายของนาง นางรับรู้ได้ว่าชายผู้นี้รักนางมากเพียงใด

 

“แผนของข้าคืออยู่ที่นี่และขยายพระราชวังทะเลราชันย์ออกไป” ชิงสุ่ยเข้าเรื่องอีกครั้ง เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกครั้งในเวลาไม่นานหลังจากนี้

 

“เจ้าอยากจะอยู่กับข้าที่นี่งั้นหรือ?”

 

“ข้าบอกไปแล้วว่าข้าจะช่วยเหลือเจ้าไม่ว่าเจ้าต้องการทำอะไร ข้ารักเจ้าและอยากเติมเต็มความปราถนาของเจ้า เจ้าคือเทพธิดาของข้า” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมาแต่เขาก็จริงจังในสิ่งที่พูด

 

“เจ้าช่างพูดได้ดีทีเดียว” แม้ว่านางจะกล่าวเช่นนี้แต่นางก็มีความสุข

 

“ข้าจริงจังนะ”

 

“ชิงสุ่ย เหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าร่วมกับพระราชวังทะเลราชันย์ล่ะ? เจ้ามาเป็นผู้พิทักษ์แห่งพระราชวังทะเลราชันย์ดีหรือไม่?” อีเย่ เจี้ยนเก้อคิดครู่หนึ่ง

 

“เมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ก็ไม่มีปัญหา แล้วจ้าวประมุขวังของเจ้าจะว่ายังไง?” ชิงสุ่ยไม่ได้ปฏิเสธความคิดนี้ ชื่อเสียงของเขาในพระราชวังทะเลราชันย์เพิ่มขึ้นมากมายจากการต่อสู้ที่ผ่านมานี้

 

“ไม่มีปัญหา ข้าจัดการได้” อีเย่ เจี้ยนเก้อได้

 

“ข้าไม่อยากที่จะอยู่ที่ไปตลอดกาลหรอกนะ”

 

“ข้ารู้ แค่เจ้ามาที่นี่บ้างก็พอ แต่ย่อมดีหากเจ้ามาทันสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นวันนี้” อีเย่ เจี้ยนเก้ออธิบาย

 

“หากมีเรื่องแบบวันนี้เกิดขึ้น ข้าจะรีบมาที่นี่อย่างแน่นอนตราบใดที่เจ้ายังอยู่ที่นี่”

 

……

 

เมื่อเวลาผ่านไปงานเลี้ยงก็ถูกจัดขึ้น นี่เป็นงานเลี้ยงเพื่อเฉลิมฉลองแด่วีรบุรุษ ทุกๆคนต่างรู้สึกตื่นเต้นทันทีเมื่อได้เห็นชิงสุ่ย มู่หยุน ชิงเฉิงมองมายังชิงสุ่ยและจากนั้นก็หันมามองอีเย่ เจี้ยนเก้อ อีเย่ เจี้ยนเก้อพยักหน้าให้แก่นาง

 

หลังจากทุกๆคนได้นั่งลงแล้ว มู่หยุน ชิงเฉิงก็ยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ข้ามีข่าวดีที่จะประกาศในวันนี้ ชิงสุ่ยจะเป็นผู้พิทักษ์แห่งพระราชวังทะเลราชันย์นับแต่นี้เป็นต้นไป”

 

ทุกๆคนต่างตกตะลึงไปในทันทีและจากนั้นก็แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา มันมาจากก้นบึ้งในหัวใจของพวกเขา ทุกๆคนล้วนเชื่อมั่นในความแข็งแกร่ง พวกเขาไม่ได้รู้สึกอิจฉาชิงสุ่ยและมีความสุขที่เขาได้มาเป็นผู้พิทักษ์แห่งพระราชวังทะเลราชันย์ มันถือว่ายากยิ่งนักสำหรับพระราชวังทะเลราชันย์ที่จะเอาชีวิตรอดในดินแดนอันกว้างใหญ่เช่นนี้ หากมีผู้พิทักษ์ที่ทรงพลังอย่างชิงสุ่ยเข้าร่วมพวกเขาก็มั่นใจว่าตนเองจะสามารถรอดชีวิตไปได้อย่างแน่นอน