บทที่ 1579 – สังหาร ชัยชนะ แผนการ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1579 – สังหาร ชัยชนะ แผนการ

 

ชิงสุ่ยรับรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังพุ่งทะยานเข้ามา ราวกับมังกรที่บินอยู่บนท้องฟ้า

 

ร่างกายของมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำนั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนักแต่ก็สามารถปลดปล่อยพลังอันไม่มีที่สิ้นสุดออกมาได้ เขาไม่ได้กลายร่างเป็นมนุษย์มังกรอย่างสมบูรณ์ในตอนนี้แต่ก็สามารถโจมตีเข้ามาได้อย่างทรงพลัง

 

เคล็ดวิชาล่าสังหาร!

 

วชิระสยบอสูร!

 

มังกรไอยราเกล็ดทองคำใช้เคล็ดวิชาลดพลังใส่มนุษย์เงือกมังกรสมุทรในตอนนี้ มันมีพลังป้องกันที่มากมายแต่มนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำนั้นโจมตีเข้ามาด้วยพลังที่เหนือกว่า

 

โฮก!

 

อสูรสยบมังกรใช้เคล็ดวิชาที่ทรงพลังที่สุดของมันในการปะทะกับมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำ อสูรสยบมังกรสามารถลดพลังของเผ่ามังกรลงไปได้ 20%  นี่ถือเป็นเคล็ดวิชาที่มีมาแต่กำเนิดของมัน

 

ปราณจักรพรรดิ!

 

ชิงสุ่ยไม่กล้าที่จะชักช้าในตอนนี้และใช้ปราณจักรพรรดิออกไป นี่ทำให้เขารู้สึกโล่งใจมากยิ่งขึ้นในขณะที่มนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำกำลังพุ่งตรงมาหาเขาด้วยร่างกายที่ทรงพลังดุจเหล็กกล้า…

 

ไม่เพียงแต่ร่างกายของเขาที่รู้สึกหนักขึ้นแต่เขารู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนเองได้ในบางครั้ง ร่างกายของเขาไม่สามารถใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณได้และราวกับว่าเขากำลังจมเข้าไปในโคลนดูดตอนนี้ การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งของเขาเชื่องช้าอย่างยิ่งและยังต้องใช้พลังมากมาย

 

นี่เป็นเพราะผลของกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวาของชิงสุ่ย!

 

กฎแห่งพระราชวังเก้าเทวาของเขานั้นทรงพลังมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ตอนนี้มันมาถึงระดับใหม่แล้ว

 

ตราประทับซวนเทียนและผลของเครื่องรางแห่งสวรรค์ก็รุนแรงมากยิ่งขึ้นแต่ชิงสุ่ยยังไม่กล้าที่จะฝากความหวังไว้กับพวกมัน ปราณจักรพรรดิ และเคล็ดวิชาล่าสังหารของเขาบวกกับเคล็ดวิชาลดพลังของอสูรสยบมังกรทำให้มนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำไม่อาจต้านทานสิ่งที่เกิดขึ้นได้

 

หนามแห่งโลกา!

 

ชิงสุ่ยโบกมือไปยังมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำและหนามหินแหลมคมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นใต้เท้าของเขา ในหมู่ธาตุทั้ง 5 นั้นธาตุน้ำแพ้ทางธาตุดิน ชิงสุ่ยและสามารถใช้เคล็ดวิชาธาตุดินจากเคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจธาตุได้ หนามแห่งโลกานี้ถือเป็นตัวอย่าง

 

หนามหินอันแหลมคมที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันนั้นแทงเข้าไปยังร่างกายมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำ มันดูไม่ได้ทรงพลังแต่เพราะเป็นธาตุที่เหนือกว่า เพียงแค่น้ำหยดเดียวอาจดูไม่มีพลังแต่เมื่อรวมกันเป็นซึนามิลูกใหญ่ก็คงจะไม่มีใครดูถูกได้ ธาตุดินก็เช่นเดียวกันเพียงเศษดินนั้นอาจจะไม่น่ากลัวแต่เมื่อหลอมโลหะที่อยู่ภายในดินก็สามารถสร้างดาบที่แหลมคมออกมาได้ ธาตุดินที่ชิงสุ่ยใช้ออกไปด้วยเคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจธาตุของเขานั้นแหลมคมยิ่งกว่าโลหะใดๆ

 

โฮก!

 

สิ่งต่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แม้ว่ามนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำจะพยายามหลบแล้วแต่เขาก็ยังโดนแทงทะลุร่างกาย รูที่ปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขานั้นทำให้พลังของเขาลดลงไปอย่างมาก

 

ชิงสุ่ยมองไปยังมนุษย์เงือกและใช้ง้าวทองทะลวงศัตรูของเขาอีกครั้ง

 

สว่านมังกรปฐพี!

 

ชิงสุ่ยสร้างมันขึ้นมาทันที เขาเคยใช้เปลวเพลิงขั้นแรกเริ่มสร้างมาเป็นสว่านมังกรอัคคี จึงสามารถใช้ธาตุทั้ง 5 สร้างสว่านมังกรปฐพีขึ้นมาได้ ในตอนนี้เขาสั่งให้หุบเขา 9 เทวาไปปิดทางหนีของมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำ

 

อสูรสยบมังกรมันขวางน่าอยู่ทำให้เขาไม่กล้าเข้าไปปะทะกับมันเพราะความเร็วของเขาลดลงไปอย่างมากในตอนนี้ หากเขาโดนโจมตีจากอสูรสยบมังกรจุดจบของเขาก็คงจะเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

ปัง!

 

อสูรสยบมังกรกระเด็นไปเพราะกรงเล็บขนาดใหญ่ของมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำ ถัดจากนั้นสว่านมังกรปฐพีก็ปรากฏขึ้นเหนือร่างกายของเขา

 

หว่อ หว่อ หว่อ!

 

โฮก!

 

แม้ว่าเขาจะพยายามหลบแล้วแต่ก็ยังโดนสว่านมังกรปฐพีที่โจมตีเข้ามา ทำให้เกิดรูขนาดใหญ่บนร่างกายของ เลือดสีทองหยดออกมาจากบ้าน

 

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้บาดแผลของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นการโจมตีด้วยธาตุที่เหนือกว่าของเคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจธาตุ หากเข้าใจศัตรูมากพอก็จะสามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุด

 

หนามแห่งโลกา!

 

ชิงสุ่ยยังคงใช้หนามแห่งโลกาโจมตีไปยังมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเร็วที่ลดลงของเขาทำให้เขาหลบหนีได้อย่างราบลำบาก อสูรอัสนีคลั่งใช้อัสนีกัมปนาทโจมตีไปอย่างต่อเนื่องซึ่งทำให้ความเร็วของมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำนั้นลดลงไปอีก

 

ชิงสุ่ยไม่คิดว่ากลยุทธ์แบบนี้จะได้ผลแต่เพราะว่ามนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำนั้นถือเป็นเผ่ามังกร ดังนั้นจึงแพ้ทางอสูรสยบมังกรและผลของปราณจักรพรรดิก็ทำให้พลังของเขานั้นลดลงไปอย่างมาก

 

เมื่อบวกกับกฎแห่งพระราชวังและเทวาและเคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจธาตุรวมถึงพลังในตอนนี้ของชิงสุ่ยและหงส์เพลิงสะบั้นศึก จึงสามารถทำให้ศัตรูบาดเจ็บได้อย่างง่ายดาย แต่ชิงสุ่ยรู้ว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น

 

ร่างประทับวารีทองคำ!

 

มนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำถูกหนามแห่งโลกาแทงเข้ามาอีกครั้งทำให้เขาต้องกู่ร้องออกมา มวลน้ำเริ่มรวมตัวกันข้างๆเขาและเปลี่ยนรูปร่างเป็นมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำเพียงแต่มันสร้างขึ้นมาจากน้ำเท่านั้น

 

มันดูราวกับร่างที่กำเนิดใหม่ขึ้นมา พลังที่รุนแรงภายในร่างนั้นเริ่มสั่นไปมาอย่างต่อเนื่อง

 

หนามแห่งโลกา!

 

ชิงสุ่ยใช้หนามแห่งโลกาโจมตีเข้าไปที่ร่างนั้นทันที

 

สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยต้องประหลาดใจคือมันทะลุไปทันที ร่างน้ำรวมตัวเข้าหากันอีกครั้งและพุ่งเข้ามาโจมตีชิงสุ่ยอย่างรวดเร็ว นี่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันคล้ายคลึงกับดินน้ำมันและคงไม่ดีแน่ถ้าหากมันเข้ามาพัวพันกับเขา

 

เมื่องสุ่ยวางแผนที่จะจัดการกับมัน ร่างน้ำนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีทองและขยายขนาดขึ้นพร้อมโจมตีเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง

 

ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงปัญหาแล้ว หรือเขาจะต้องซ่อนตัวในตอนนี้? มันเป็นน้ำ เขาไม่สามารถโจมตีหรือป้องกันได้ แล้วเขาจะรับมือกับมันเช่นไรดี?

 

ร่างประทับวารีทองคำพุ่งเข้ามาหาชิงสุ่ย เขาจึงโจมตีสวนกลับไปด้วยง้าวทองทะลวงศัตรูพร้อมกับใช้ฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าไปตามสัญชาตญาณ

 

ตอนนี้เขาฝึกฝนได้ถึงสะท้านที่ 8 แล้วและมันก็ทรงพลังมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เพียงแต่เขาไม่ได้ใช้มันมาเป็นเวลานาน ที่เขาใช้ออกมาในตอนนี้ก็เพราะรู้สึกว่าร่างประทับวารีทองคำนั้นเป็นเหมือนกับปีศาจร้ายและฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้านน้ำสามารถกำจัดปีศาจได้

 

ชิงสุ่ยไม่คิดว่าง้าวทองทะลวงศัตรูงั้นจะได้ผลจึงใช้ฝ่ามือพุทธองค์ทองคำเก้าสะท้านโจมตีออกไปพร้อมกัน

 

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

 

เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังกระจายไปทั่วทิศทางทำให้น้ำระเหยขึ้นไป …

 

ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างมาสัมผัสร่างกายของเขาและซึมเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

นี่คือร่างประทับวารีทองคำ เขารู้สึกได้

 

เมื่อมันเข้ามาภายในร่างกายของเขามันก็เริ่มโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนมันจะต้องการทำให้เส้นลมปราณของเขาฉีกขาดออกจากกัน ชิงสุ่ยเริ่มตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของร่างประทับวารีทองคำ

 

นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของร่างประทับวารีทองคำแต่พลังของมันก็ถือว่าเลวร้ายอย่างยิ่ง ภาพหยิน-หยางภายในร่างกายของชิงสุ่ยเริ่มกลายเป็นภาพลวงตาในขณะที่ปราณแห่งคล็ดเสริมกายาบรรพกาล พลังปราณของเขา ก้อนเมล็ดเจ็ดสี รวมไปถึงเส้นลมปราณวชิระ เริ่มต่อต้านพลังของร่างประทับวารีทองคำที่เข้ามานี้

 

มนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำดูอ่อนแรงลงไปอีกเมื่อมันใช้ร่างประทับวารีทองคำออกมาอย่างน้อยมันก็ดูอ่อนแอยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ เขารู้สึกผิดหวังทันทีเมื่อเห็นว่าชิงสุ่ยยังไม่โดนสังหารไปเพราะร่างประทับวารีทองคำ

 

ชิงสุ่ยมองไปยังมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำด้วยรอยยิ้มอันเย็นชาบนใบหน้าของเขาทำให้มนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำต้องใจสั่นด้วยความหวาดกลัว

 

“พระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรช่างโลภมากยิ่งนัก ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดพวกเจ้าถึงมาร่วมรบในครั้งนี้” เมื่อชิงสุ่ยกล่าวออกไปอสูรอัสนีคลั่งก็ยังคงใช้อัสนีกัมปนาทโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง

 

“ข้าประเมินอสูรสยบมังกรและเคล็ดวิชาอันแปลกประหลาดของเจ้าต่ำเกินไป ความตายของค่าคงมาถึงแล้วในวันนี้ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องมาตายเช่นนี้แม้จะเคยเห็นโลกมานับหมื่นปี” มนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำดูแก่ชราอย่างยิ่งว่าเขากล่าวเช่นนี้ออกมา

 

“ทุกๆคนต่างก็ต้องรับผิดชอบในการกระทำของตนเอง เจ้าควรเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ตั้งแต่แรก”  ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสงบนิ่ง เขารู้ว่าพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรจะต้องจบสิ้นในวันนี้

 

“ฮ่าฮ่า ข้าก็คิดเช่นนั้นแต่ไม่คิดว่าสถานการณ์เช่นวันนี้จะเกิดขึ้น”

 

สงครามดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำเริ่มสลายกลายเป็นผุยผงเช่นเดียวกันกับราชันย์ฉลามผลึกม่วง ความตายของทั้งสองคนนี้ส่งผลต่อศัตรูเป็นอย่างมาก

 

2 ชั่วโมงต่อมาสงครามก็สงบลง พระราชวังทะเลราชันย์นั้นสูญเสียไปมากกว่า 10,000 คนแต่มันเทียบไม่ได้กับความสูญเสียของพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูร พระราชวังทะเลราชันย์นั้นสูญเสียยอดฝีมือไปบางคนและมู่หยุน ชิงเฉิงก็จัดการพิธีศพของพวกเขาอย่างสมเกียรติ

 

ชิงสุ่ย ที่เป็นกำลังหลักในสงครามครั้งนี้ก็เดินออกมาพร้อมกับอีเย่ เจี้ยนเก้อ เขาช่วยทำแผลให้แก่นาง เมื่อทำแผลเสร็จพวกเขาก็นั่งคุยกัน แม้ว่าในตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะแน่นแฟ้นกันอย่างยิ่งชิงสุ่ยก็ยังต้องอดทนรอคอยและอีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นก็ยังถือเป็นมือใหม่ในเรื่องนี้ ตอนนี้ทั้งคู่เป็นเหมือนคู่บ่าวสาว

 

แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่ได้สร้างแรงกดดันให้แก่ชิงสุ่ยมากนัก แต่การได้ออกแรงหลังต่อสู้ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้จิตใจของเขาได้ผ่อนคลาย

 

พวกเขาทั้งสองคนยังคงตัวพันกันอยู่ในห้องจนถึงตอนบ่าย ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาวผู้งดงามที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วยความพึงพอใจ

 

“เจี้ยนเก้อ เจ้ามีแผนที่จะทำอะไรต่อไป?” ชิงสุ่ยโอบกอดนางเอาไว้

 

“เจ้าปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างกะทันหันและด้วยวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ข้าไม่ได้วางแผนอะไรไว้เลย… เจ้าล่ะ?” เดิมทีอีเย่ เจี้ยนเก้อเชื่อว่าครั้งนี้พระราชวังทะเลราชันย์จะต้องจบสิ้นอย่างแน่นอน หากชิงสุ่ยไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น…  ราชันย์ฉลามผลึกม่วงและมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำนั้นไม่ใช่คนที่พวกนางจะสามารถรับมือได้

 

“ข้าหรือ?”

 

ชิงสุ่ยคิดเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับข้าในตอนนี้คือตามหาเจ้าและข้าก็ทำสำเร็จแล้ว”

 

“ชิงสุ่ย ข้าคือผู้สืบทอดแห่งเผ่านาคาเร้นลับ ชิงเฉิงนั้นเป็นเหมือนพี่สาวของข้าและข้ากลายเป็นคนของพระราชวังทะเลราชันย์แล้วตอนนี้ ข้าเองก็ชอบที่นี่เช่นกัน ข้าคงไม่สามารถใช้เวลาอยู่กับเจ้าได้ตลอดเวลา!” อีเย่ เจี้ยนเก้อยิ้ม