บทที่ 696 : บริวารผู้จงรักภักดี!
“สองหยดงั้นเหรอ!เจสเตอร์.. นายต้องเชื่อฉัน! ร่างกายของนายทนไม่ไหวแน่.. เลือดของเจ้านายแข็งแกร่งเกินไป และน่าจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าแวมไพร์ในขั้นลอร์ดเสียอีก!”
“ฉันได้รับเข้าไปเพียงแค่หยดเดียวยังกลายเป็นแบบนี้! ขืนนายรับเข้าไปมากกว่านี้ ฉันรับรองได้ว่าร่างกายของนายจะต้องแตกระเบิดอย่างแน่นอน..”
หลังจากที่ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงในร่างกายได้แล้วพอลก็เปลี่ยนกับไปอยู่ในร่างมนุษย์เช่นเดิม เหลือเพียงปีกกว้างที่ยังคงสยายอยู่ กับใบหน้าที่ที่สีเลือดที่กำลังยิ้มให้เจสเตอร์ผู้คลุ้มคลั่ง..
“เจ้ายังอยากจะได้เลือดของข้าสองหยดอีกหรือไม่หากเจ้าต้องการ.. ข้าสามารถให้เจ้าได้มากกว่านั้นอีกนิดหน่อย..”
หลิงหยุนร้องถามเจสเตอร์หลังจากได้ฟังคำพูดของพอลเจสเตอร์ถึงกับอึ้งไป และรีบตอบกลับไปทันที..
“โอ้เจ้านายที่เคารพ..เจสเตอร์ว่าอย่าดีกว่า! หยดเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ท่านรีบๆหน่อยก็ดี เพราะเจสเตอร์ทนรออีกต่อไปไม่ไหวแล้ว!”
หลิงหยุนพยักหน้า..เขาบอกเจสเตอร์ให้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม จากนั้นจึงจัดการตามขั้นตอนเดิมเหมือนกับที่ทำให้พอล และในที่สุดเจสเตอร์ก็กลายเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์ของเขาอีกตน กระบวนการและผลลัพธ์นั้นเหมือนกับพอลทุกอย่าง ใบหน้าของเจสเตอร์เริ่มมีสีเลือด และร่างกายเริ่มอุ่นขึ้น ดวงตาทั้งคู่ของเจสเตอร์ก็เปลี่ยนเป็นสีม่วงเช่นกัน และปีกใหญ่ที่สยายได้กว้างถึงหกเมตรก็งอกออกมาด้วย ในที่สุดเจสเตอร์ก็เข้าสู่ขั้นไวส์เคานต์!
“ขอบคุณเจ้านาย..ไวส์เคานต์เจสเตอร์ยินดีเป็นบริวารที่จงรักภักดีของท่านตลอดไป!”
หลังจากที่กลายเป็นบริวารของหลิงหยุนไปแล้วเจสเตอร์ก็กล่าวปฏิญาณตนเช่นเดียวกับพอล และแสดงความเคารพต่อหลิงหยุนอย่างมาก
ดูเหมือนว่าแวมไพร์ที่ถูกถ่ายเลือดให้เป็นบริวารนั้นจะต้องสาบานตนเช่นนี้กับเจ้านายของมันทุกตน
ตอนนี้ทั้งพอลกับเจสเตอร์ต่างก็ยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าหลิงหยุน..เขาสัมผัสได้ว่าตอนนี้แวมไพร์ทั้งสองตนได้มอบจิตวิญญาณ และยอมตนเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์และจงรงภักดีต่อเขาแล้ว เรียกได้ว่าหากหลิงหยุนสั่งให้พวกมันไปตาย ทั้งคู่ก็ยินดีไปตายด้วยความเต็มใจ!
“ดูเหมือนเลือดตระกูลหลิงก็ไม่เลวเลย..”หลิงหยุนพึมพำออกมาอย่างพอใจกับผลการทดลอง
มีแวมไพร์ขั้นไวส์เคานต์เป็นบริวารถึงสองตนนอกจากจะช่วยให้หลิงหยุนทำอะไรได้มากมายแล้ว ยังช่วยให้หลิงหยุนกำจัดปัญหายุ่งยากไปได้มากมายอีกด้วย
“ตอนนี้สีหน้าของพวกเจ้ามีสีเลือดแล้วร่างกายก็อุ่นขึ้น พวกเจ้าสองคนยังรู้สึกกระหายเลือดอยู่หรือไม่” หลิงหยุนจ้องมองบริวารที่ซื่อสัตย์พร้อมกับถามเสียงเรียบ
หลิงหยุนมีเนตรหยิน-หยางเขาจึงสามารถมองทะลุผิวหนังไปเห็นเส้นเลือดภายในร่างกายของแวมไพร์ทั้งสองตนพร้อมกับคิดในใจว่า
‘ก็ไม่ต่างจากมนุษย์เลยนี่นา..น่าจะมีความรู้สึกคล้ายๆกัน’
“เจ้านายที่เคารพ..ตอนนี้พวกเรารู้สึกหิวข้าวเหมือนกับมนุษย์ทั่วไปแล้ว! รู้สึกหิวข้าวเหมือนก่อนที่พวกเราจะกลายเป็นแวมไพร์ ตอนนี้พวกเรารู้สึกอยากกินอาหาร..” พอลตอบ
หลิงหยุนเองถึงกับอึ้งไป..‘เส้นเลือดต่างงๆภายในร่างกายของพวกมันเริ่มทำงานเป็นปกติ ร่างกายก็เริ่มอุ่นขึ้น และเริ่มมีความรู้สึกหิว.. นี่มันมนุษย์ไม่ใช่รึ !’
ระหว่างนั้นหลิงหยุนก็แอบคิดอยู่คนเดียวเงียบๆว่าวิธีนี้จะสามารถใช้กับคนตระกูลเกาด้วยได้หรือไม่! หรืออาจจะมีวิธีการที่คล้ายคลึงกับวิธีนี้?!
แต่จู่ๆหลิงหยุนก็รีบส่ายหน้าไปมา! หากเขาทำเช่นนั้นจริงๆ เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำให้คนตระกูลเกากลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม เขาไม่ต้องฆ่าตัวตายเช่นนั้นหรือ! ไม่มีทาง.. เขาไม่มีวันทำเช่นนั้นแน!
อีกอย่าง..ตระกูลเกาก็มีสายเลือดของตระกูลเกา! หากต้องกลายมาเป็นบริวารของหลิงหยุน ก็ไม่เท่ากลับทำให้คนตระกูลเกาต้องกลายเป็นคนตระกูลหลิงไปหรอกหรือ!
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปถามพอลกับเจสเตอร์ต่อว่า“ตอนนี้พวกเจ้ายังรู้สึกหวาดกลัวแสงสว่างอยู่หรือไม่”
เรื่องนี้นับว่าสำคัญที่เดียว!หากแวมไพร์ทั้งสองตนไม่กลัวแสงสว่างแล้ว พวกมันก็จะสามารถตามหลิงหยุนไปใหนๆได้ทุกที่ทุกเวลาแม้แต่ตอนกลางวัน มีแวมไพร์เป็นบริวารที่ซื่อสัตย์ ถึงเวลานั้นเขาจะทำอะไรก็ง่ายขึ้น..
“เจ้านายที่เคารพ..พวกเราก็ยังไม่รู้เหมือนกันแต่พวกเรารู้สึกว่าเวลานี้แสงไฟจากไฟถนนก็ไม่ได้สร้างความรำคาญให้กับพวกเราเหมือนเมื่อก่อนแล้ว..” เจสเตอร์จ้องมองไฟถนนพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ
พอลเองก็ตอบกลับไปยิ้มๆ“เจ้านายที่เคารพ.. ตอนนี้ชีวิตและวิญญาณของข้าเป็นของท่านแล้ว หากท่านต้องการพิสูจน์ ข้าก็ยินดี!”
หลิงหยุนรับรู้ได้ถึงความจงรักภักดีของพอลเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามพอลไปว่า “เจ้ายินดีและเต็มใจให้ข้าพิสูจน์จริงๆงั้นรึ”
“ข้าเองก็ยินดี..”พอลกับเจสเตอร์ตอบพร้อมกัน
หลิงหยุนจึงเรียกยันต์อัคนีระดับต่ำออกมาแล้วโยนขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับสั่งยันต์ทำงาน ลูกไฟสีแดงสิบกว่าลูกรายล้อมร่างของพวกเขาทั้งสามคนไว้
ระหว่างที่เปลวไฟลุกโชติช่วงสว่างไสวนั้นทั้งพอลกับเจสเตอร์ต่างก็หลับตาแน่นตามสัญชาติญาณเดิม พร้อมกับสยายปีกปกป้องร่างของตนเองไว้!
นี่ไม่ได้แสดงถึงความไม่จงรักภักดีของแวมไพร์ทั้งสองตน!แต่มันเป็นสัญชาติญาณการเอาตัวรอดเท่านั้น พวกมันยินดีให้หลิงหยุนสังหารพวกมันได้ ขอเพียงแค่หลิงหยุนต้องการ!
แม้ว่ามันจะหวาดกลัวเปลวไฟและแสงอาทิตย์ แต่สิ่งที่พวกมันหวาดกลัวมากที่สุดก็คือหลิงหยุน!
แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง..พวกมันก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว เพราะเปลวไฟเหล่านั้นไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้
“ว้าว..”
“พระเจ้า..”
ร่างกายของแวมไพร์ทั้งสองตนไม่ได้รับอันตรายใดๆจากเปลวไฟที่ลุกโชนนี่เท่ากับว่าพวกมันไม่ต้องหวาดกลัวไฟอีกต่อไปแล้ว!
“น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว..”หลิงหยุนพึมพำยิ้มๆ พร้อมกับเรียกยันต์เตโชออกมาทำการทดสอบอีกครั้ง
ครั้งนี้..ลูกไฟมีขนาดใหญ่กว่าเดิมและสว่างกว่าเดิม ทั้งสามยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่างที่ลุกโชติช่วงส่องสว่างไปราวสิบกว่าเมตร แต่พอลกับเจสเตอร์กลับเพียงแค่หรี่ตาสีม่วงของพวกมันลงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ร่างกายของพวกมันกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด!
ท่ามกลางแสงไฟที่ลุกโชนพอลกับเจสเตอร์ยืนมองหน้ากัน น้ำตาของทั้งคู่ไหลเอ่อออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง..
แวมไพร์ทุกตนต่างก็รู้ดีว่าพวกมันต้องซ่อนตัวอยู่ในความมืดเท่านั้น และไม่เคยกล้าที่จะออกมเดินอยู่ท่ามกลางแสงแดด พวกมันมีชีวิตได้เพียงแค่ในยามค่ำคืนเท่านั้น..
สิ่งใดที่ขาดแคลนมากที่สุดมักจะเป็นสิ่งที่ผู้นั้นต้องการมากที่สุดเช่นกัน! ยกตัวอย่างเช่นเหล่ามวลมนุษย์ที่มีอายุขัยจำกัด มนุษย์จึงต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวและเป็นนิรันดร์ ในขณะที่แวมไพร์ผู้ซึ่งมีชีวิตนิรันดร์ แต่กลับไม่สามารถพบเจอแสงอาทิตย์ได้ พวกมันจึงพยายามหาทุกวิถีทางเพื่อทำให้ตนเองสามารถเดินอยู่ท่ามกลางแสงแดดเช่นเดียวกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไปได้
และแน่นอนว่าเหล่าแวมไพร์ก็มีการคิดค้นพัฒนาเช่นกันพวกมันได้พัฒนาอุปกรณ์ต่างๆขึ้นมามากมายเพื่อให้สามารถเดินอยู่ท่ามกลางแสงแดดได้ แต่อุปกรณ์ไฮเทคเช่นนั้น จะมีใช้เฉพาะในกลุ่มแวมไพร์ชั้นสูงเท่านั้น ดังนั้นจึงยากที่แวมไพร์ชั้นต่ำอย่างพอลกับเจสเตอร์จะมีโอกาสได้ใช้
แต่เลือดของหลิงหยุนเพียงแค่หยดเดียวกลับสามารถทำให้แวมไพร์กลายพันธุ์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ! พวกมันมีสัญญาณแห่งความเป็นมนุษย์เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังคงมีความสามารถในแบบของแวมไพร์ และนี่ก็นับว่าเป็นความมหัศจรรย์ที่แทบไม่มีทางเป็นไปได้ และยากที่จะจินตนาการถึง!
“ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่กลัวแสงสว่างแล้วสินะ..ข้าขอแสดงความยินดีด้วย!”
หลิงหยุนจ้องมองแวมไพร์ทั้งสองตนที่กำลังมีความสุขอย่างมากและในเมื่อเวลานี้พวกมันได้กลายเป็นบริวารที่ซื่อสัตย์ของหลิงหยุนแล้ว เขาก็ต้องแสดงความยินดีอย่างจริงใจ..
“ขอบคุณเจ้านาย..พวกเรายินดีรับใช้ท่าน!”
พอลกับเจสเตอร์เก็บปีกใหญ่ของตนเองพร้อมกับนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับโค้งศรีษะลงเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อหลิงหยุน
“พวกเจ้าสองคนไม่ต้องเรียกข้าว่าเจ้านายอีกแล้ว!จากนี้ไปให้เรียกข้าว่า ‘ลูกพี่’ อ่อ.. แล้วก็ไม่ต้องเพิ่มคำว่า ‘ที่เคารพ’ ต่อท้ายด้วยล่ะ เรียกข้าว่าลูกพี่ก็พอ.. พวกเจ้าเคารพข้าอยู่ในใจก็ได้ ไม่ต้องพูดพล่ามตลอดทั้งวัน..”
หลิงหยุนทนฟังทั้งคู่เรียกเขาว่า‘เจ้านายที่เคารพ’ ด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมานานแล้ว เมื่อได้โอกาสจึงสั่งบริวารทั้งคู่ของเขาใหม่พร้อมกับย้ำว่า..
“และเรื่องสำคัญที่สุด..ข้าขอให้พวกเจ้าทั้งคู่ทำตัวเหมือนเดิม เป็นตัวของตัวเอง คิดเห็นอะไรก็พูดออกมาได้ตามสบาย ไม่ต้องคอยระมัดระวังคำพูดกับข้า พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
“รับทราบเจ้านาย..อ่อ.. ลูกพี่!” ด้วยนิสัยขี้เล่นดั้งเดิมของเจสเตอร์ เขาจึงสามารถเรียกหลิงหยุนว่าลูกพี่ได้ไม่ยากนัก
ส่วนพอลนั้นเป็นคนที่สุขุมเขายังคงยืนนิ่งพร้อมกับตอบไปว่า “ครับลูกพี่!”
“ดีมาก..พวกเจ้าจัดการใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเตรียมตัวออกไปข้างนอกกับข้าได้แล้ว..” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับชี้ไปที่ร่างเปลือยเปล่าของแวมไพร์สองตน
และนับจากนี้..หลิงหยุนไม่ต้องกังวลหรือเป็นห่วงเรื่องแวมไพร์สองตนนี้อีกต่อไปแล้ว..
ทั้งสามหนุ่มเดินกลับขึ้นไปบนรถและเจสเตอร์ก็ทำหน้าที่เป็นคนขับรถเช่นเคย แล้วรีบขับออกไปทันที
“เจสเตอร์..รถของเจ้ายี่ห้ออะไร เมื่อครู่เจ้าขับชนเสาไฟ แต่รถกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย..”
ทันทีที่ขึ้นไปนั่งบนรถหลิงหยุนก็ร้องถามออกมาด้วยความสงสัยทันที..
“ลูกพี่..นี่เป็นรถรุ่นพิเศษที่ผลิตขึ้นมาสำหรับเหล่าแวมไพร์อย่างพวกเราเท่านั้น พวกเราไม่สามารถเดินทางมาโดยเครื่องบินได้ เพราะต้องผ่านการตรวจสอบรักษาความปลอดภัยมากมาย พวกเราจึงต้องเดินทางมาที่ประเทศจีนด้วยเรือสำราญหรูหรา ส่วนรถคันนี้ก็นำเข้ามา และเมื่อถึงขั้นตอนศุลกากร ก็เป็นหน้าที่ของตระกูลเฉิน ดูเหมือนพวกเขาจ่ายเงินไปมากเลยทีเดียวล่ะ..”
พอลอธิบายให้หลิงหยุนฟังยิ้มๆ
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับถามต่อว่า“พวกเจ้าสองคนอยู่บนโลกใบนี้มาตั้งนาน นอกจากดื่มเลือดแล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่พวกเจ้าสองคนสนใจมากเป็นพิเศษบ้าง ใหนลองเล่าให้ข้าฟังซิ!”
แวมไพร์นั้นมีวงจรชีวิตที่ยืนยาวมากหากไม่ถูกฆ่าเสียก่อนและการมีชีวิตที่ยืนยาวมากๆ ก็ย่อมเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายไม่น้อย เหล่าแวมไพร์จึงต้องมีงานอดิเรกที่ตนเองชื่นชอบ ไม่เช่นนั้นคงต้องคลั่งตายแน่..
“ให้ฉันเล่าก่อน..ให้ฉันเล่าก่อน..”
ทันทีที่หลิงหยุนถามเรื่องนี้เจสเตอร์ก็รีบแย่งพอลพูดทันที และเมื่อได้ฟังหลิงหยุนก็ถึงกับอึ้งไปเช่นกัน..
ชกต่อยเสพยา เที่ยวผู้หญิง ค้าอาวุธ แล้วก็…. และดูเหมือนว่างานอดิเรกของเจสเตอร์นั้น ทำให้เขาได้ฉายาในอเมริกาว่าปีศาจ!
“นี่ลูกพี่!ฉันรู้จักอาวุธปืนทุกชนิดดี และสามารถแยกชิ้นส่วน ประกอบ แล้วก็โมดิฟายปืน และอาวุธได้หลากหลายชนิด ฉันทำมันเป็นธุรกิจ แล้วก็เป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้อย่างมากทีเดียว..”
เจสเตอร์ขับรถไปด้วยแล้วก็โม้ไปด้วย..
“ดีเลย!ข้าเองก็กำลังอยากลองปืนพิเศษๆสักหน่อย หวังว่าเจ้าจะช่วยข้าได้!”
หลิงหยุนไม่ถามอะไรมากมายแล้วหันไปถามพอลต่อ..
“แล้วเจ้าล่ะพอล..”
“ลูกพี่..ฉันชื่นชอบชีวิตหรูหรา อย่างเช่นการเล่นดนตรี วาดภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างไวน์แดง.. ฉันว่าลูกพี่ก็น่าจะชอบดื่มเหมือนกัน!”