DC บทที่ 358: การต่อสู้ข้างเดียวระหว่างยอดยุทธเขตอัมพรวิญญาณ

 

รับรู้ถึงพลังการฝึกปรือของผู้อาวุโสสูงสุดเหรินที่โถมทับใส่ร่างกายของเขาเหมือนกับเป็นภูเขาที่มองไม่เห็น ซูหยางพูดอย่างเยือกเย็นว่า “ทำไมเจ้าจึงทำท่าทางหยิ่งยะโสเช่นนั้นในเมื่อเจ้าเองก็เพิ่งอยู่แค่ระดับแรกของเขตอัมพรวิญญาณ ดูกระแสพลังของเจ้าข้าสามารถบอกได้เลยว่าเจ้าเกือบจะไม่ผ่านสู่เขตอัมพรวิญญาณแล้ว”

 

จากนั้นเขาก็ยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วแล้วกล่าวต่อว่า “ข้าเพียงใช้นิ้วเดียวเท่านั้นก็สามารถทำลายเจ้าได้แล้ว”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ถึงกับสามารถทำท่าเหมือนกับว่าเจ้านั้นมิอาจแตะต้องได้กระทั่งในสถานการณ์แบบนี้ ข้าอดมิได้ที่จะชื่นชมส่วนนั้นของเจ้า โชคร้ายที่ถึงแม้จะได้รับการชื่นชมจากข้าก็มิอาจที่จะช่วยชีวิตของเจ้าในวันนี้ได้”

 

จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “อย่างไรก็ตามถ้าเซียนที่ปกป้องนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ เขาอาจจะช่วยชีวิตที่ไร้ค่าของเจ้าได้ โอใช่ ยังมีเด็กหญิงคนนั้นที่ฆ่าศิษย์ของพวกเรา ทำไมเจ้ามิเรียกเธอมาที่นี่เพื่อที่ข้าจักสามารถเห็นได้ด้วยตนเองว่าเธอแข็งแกร่งเหมือนกับที่ผู้อาวุโสวันพูด”

 

“ข้าเกรงว่านั่นคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อเธอมิได้อยู่ที่นี่ในตอนนี้” ซูหยางส่ายหน้า

 

“เธอมิได้อยู่ที่นี่รึ ความจริงแล้วข้าคิดว่าเธอเป็นเหตุผลที่เจ้าทำตัวหยิ่งจองหอง” ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินเลิกคิ้ว “แต่นี่ย่อมจักทำให้ทุกสิ่งง่ายขึ้น”

 

“หือ… เจ้าคิดอย่างนั้นรึ” ซูหยางพลันปลดผนึกที่เก็บซ่อนพลังการฝึกปรือของเขาเอาไว้และปล่อยให้กระแสพลังเขตอัมพรวิญญาณระเบิดออกไปทุกทิศทาง

 

เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดเหรินเห็นเช่นนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ และร่างของเขาก็สั่นสะท้านเมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันที่ครอบคลุมเข้าใส่ตัวเขา

 

“น-น-นี่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เจ้าอยู่ในเขตอัมพรวิญญาณ อย่าว่าแต่ถึงระดับสอง” ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวเมื่อรู้สึกถึงการคุกคามจากกระแสพลังกดดันของซูหยาง

 

“มีอะไรรึเจ้าเด็กน้อย เจ้าได้พูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเซียนที่ปกป้องนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยมิใช่รึ เอาล่ะ เขายืนอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้วตอนนี้ เจ้าคิดว่าข้าสามารถรอดไหมในตอนนี้” ซูหยางเริ่มตรงเข้าไปหาผู้อาวุโสสูงสุดเหริน

 

อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสูงสุดเหรินก้าวถอยหลังทีละก้าวทุกครั้งที่ซูหยางก้าวไปข้างหน้า

 

“ทำไมเจ้าจึงต้องวิ่งหนีล่ะ เจ้าจะจับข้าได้อย่างไรถ้าเจ้ามิเข้ามาหาข้า”

 

“น-นี่เป็นเรื่องโกหก นี่ต้องเป็นกลอะไรบางอย่างของเจ้า ข้ามิเชื่อว่าเจ้าอยู่เหนือข้าในด้านการฝึกวิชาจริงๆ รับนี่ไป อัญเชิญพันงู” ผู้อาวุโสเหรินพลันใช้วิชาการต่อสู้เพื่อเรียกงูพันตัวมาจากความว่างเปล่า

 

งูแต่ละตัวมีกลิ่นอายของผู้ฝึกวิชาในเขตสัมมาวิญญาณ และมีจำนวนถึงพันตัว ถ้าซูหยางโกหกเรื่องพลังการฝึกปรือของเขา เช่นนั้นเขาก็จะไม่สามารถที่จะรอดพ้นวิชาไม้ตายนี้ได้

 

โชคร้ายสำหรับผู้อาวุโสเหริน เมื่อนี่ไม่ได้เข้าข่ายนั้น และกระแสพลังอันลึกล้ำรอบกายซูหยางก็ยิ่งยากที่จะทนได้กว่าเดิมในเวลาผ่านไป บดขยี้งูทุกตัวด้วยเพียงแค่แรงกดดันจากพลังการฝึกปรือของเขาเพียงอย่างเดียว

 

“ป-ป-เป็นไปไม่ได้”

 

เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดเหรินตระหนักว่างูของเขาทุกตัวถูกฆ่าโดยซูหยางในทันที เขาก็ใจหายไปเล็กน้อยจากความตระหนก

“นี่คือทุกสิ่งที่เจ้ามีแล้วงั้นรึ  ถ้านี่เป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า ข้าเกรงว่าเจ้าคงมิอาจจะสามารถจับข้าได้” ซูหยางตรงเข้าไปหาเขาอีกด้วยท่าทางเยือกเย็นและก้าวย่างที่ผ่อนคลาย

 

“ค่ายกลล้านอสรพิษ”

 

ผู้อาวุโสเหรินพลันตะโกนออกมาจนทำให้สถานที่นั้นเต็มไปด้วยปราณไร้ลักษณ์มากมายมหาศาล

 

หลังจากนั้นไม่นานงูหลายแสนตัวก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าปกคลุมพื้นที่หลายกิโลเมตรด้วยงูเหล่านั้น

 

“โอ” ซูหยางมองดูงูจำนวนมหาศาลตกลงใส่เขา ฝังทั้งร่างของเขาในทะเลงู

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าจะทำอะไรเล่าในตอนนี้” ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินหัวเราะขณะที่เขายืนอยู่บนฝูงงู

 

อย่างไรก็ตามเสียงของซูหยางตอบกลับเขาอย่างรวดเร็วหลังจากนั้นชั่วขณะ

 

“นี่มันวิชาขยะอะไรกัน เจ้ามิสามารถกระทั่งหลอกเด็กได้ด้วยภาพลวงตาประเภทนี้”

 

บูม

 

พลังงานรอบร่างซูหยางพลันระเบิดออกไปรอบข้างจนทำให้งูทุกตัวรอบกายของเขาปลิวออกไปด้วยพลังที่ทรงอานุภาพ

 

ครั้นเมื่อเขาไม่ได้ถูกฝังอยู่ในฝูงงูอีกต่อไป ภาพลวงตางูก็หายไปในทันที

 

“…”

 

ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินมองดูซูหยางด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ต่อให้ซูหยางเป็นยอดยุทธเขตอัมพรวิญญาณอย่างแท้จริง เขาก็ไม่ควรจะหนีออกจากภาพลวงตาได้ง่ายๆปานนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผู้อาวุโสสูงสุดเหรินเคยให้ฟูกวางเจ้านิกายล้านอสรพิษใช้วิชาเดียวกันกับตัวเองและทำให้เขาต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันในการหนีออกมา มันเป็นวิชาที่ทรงอานุภาพที่สุดของนิกายล้านอสรพิษ

 

“ว-วิชาที่ทรงอำนาจที่สุดของนิกาย… แตกสลายไปเพียงในชั่ววินาที… นี่มันเป็นไปได้อย่างไร” ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินสั่นสะท้านด้วยความตกใจ

 

“เจ้ามีอะไรอื่นอีกที่จะให้ความสำราญข้าหรือไม่ ถ้ามิมีแล้ว ข้าจักจัดการกับเจ้าโดยเร็วและกลับไปนอน” ซูหยางหาวอย่างไม่ใส่ใจ

 

ได้ยินคำพูดของซูหยาง ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินกัดฟันของตนเองอย่างแรงจนแตกและพึมพัมว่า “ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ข้ามิมีทางเลือกได้แต่ฆ่าเขาซะ”

 

จากนั้นเขาก็นำเอาแหวนสีเงินออกมาจากแหวนมิติ

 

เมื่อซูหยางเห็นแหวนสีเงิน เขาก็เลิกคิ้วขึ้นและกล่าวว่า “แหวนกัมปนาทรึ เจ้านิกายของเจ้าค่อนข้างจะใจกว้างยอมให้เจ้าถือมันไว้”

 

“เจ้านิกายให้แหวนกัมปนาทแก่ข้าเพียงในกรณีที่เด็กหญิงตัวเล็กนั่นปรากฏตัวขึ้น แต่ในเมื่อเธอมิอยู่ที่นี่ข้าก็จักใช้มันกับเจ้าแทน” ผู้อาวุโสสูงสุดเหรินกล่าวขณะที่เขาประจุพลังปราณไร้ลักษณ์ของตนเองเข้าไปในแหวนกัมปนาท จนทำให้มันเกิดประกายสายฟ้าขึ้น

 

“เช่นนั้นเราก็มาดูกันว่าอะไรแข็งแกร่งกว่ากัน สมบัตวิญญาณระดับอัมพรหรือว่าวิชาขั้นสุดยอดของตระกูลเทพอาชูร่าที่กระทั่งพระเจ้ายังต้องกลัวเกรง ดีไหม” ซูหยางยิ้มขณะที่เขานำเอากระบี่ระดับวิญญาณออกมาจากแหวนมิติ

 

“กระบี่นี้ก็ควรจะพอทนพลังของการโจมตีหนึ่งครั้งได้”

 

เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดเหรินเห็นกระบี่ระดับวิญญาณในมือของซูหยาง เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะราวกับคนบ้า

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าทำบ้าอะไรกับของเล่นนั่น เจ้าคิดจริงรึว่ามันจักช่วยชีวิตของเจ้าจากแหวนกัมปนาทของข้าได้”

 

“มิว่ามันจะใช้การได้หรือไม่ เราจักพบเห็นได้ในไม่นานต่อจากนี้” ซูหยางยิ้มขณะที่เขาประจุกระบี่นั้นด้วยพลังปราณไร้ลักษณ์จำนวนมหาศาล

 

ในเวลานั้นภายในเมืองหิมะร่วง ผู้ฝึกวิชาทุกคนที่กำลังฝึกฝนอยู่ต่างพากันหยุดฝึกฝนเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงพลังปราณภายในอากาศ มันเป็นปรากฏการณ์ที่ผิดธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นก็เพียงเมื่อยอดยุทธเขตอัมพรวิญญาณสองคนปะทะกันด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามี

 

“เกิดอะไรขึ้น ใครเป็นต้นเหตุของความปั่นป่วนนี้

“มียอดยุทธที่แข็งแกร่งสองคนต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งในตอนนี้ แต่ข้ามิอาจรู้ได้ว่าตำแหน่งของพวกเขานั้นอยู่ที่ไหนทั้งที่ปราณไร้ลักษณ์อันบ้าคลั่งของพวกเขานั้นถูกปลดปล่อยออกมา”

 

ไม่เพียงแต่ผู้ฝึกวิชายุทธในเมืองหิมะร่วงแต่กระทั่งตระกูลซีก็ตื่นตัวกับการไหลเวียนของปราณอันผิดธรรมชาตินี้

 

“ความรู้สึกนี้.. พี่ชายซูหยาง…” ซีซิงฟางพบเห็นความรู้สึกอันคุ้นเคยในอากาศและพลันนึกถึงซูหยาง

 

“ท่านเจ้า มีจอมยุทธสองคนต่อสู้กันที่ไหนสักแห่งใกล้เมืองหิมะร่วง แต่พวกเรามิสามารถกำหนดตำแหน่งของพวกเขาได้”

 

ทหารองครักษ์รายงานต่อเจ้าซี ผู้ซึ่งก็ถูกบังคับให้หยุดการฝึกวิชาอย่างบังเอิญ

 

“ข้าจักไปดูเรื่องนี้ด้วยตนเอง อย่าเพิ่งเคลื่อนไหวอะไรให้รอคำสั่งข้า” เจ้าซีสั่งคนของเขาก่อนที่จะมุ่งตรงออกไปภายนอกเมืองหิมะร่วงเพื่อตรวจสอบ