ตอนที่ 1595

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,595 : ก่อลักษณ์หงส์ไฟ!

 

“พี่ใหญ่ต้วน ท่านอย่าได้สนใจวาจาเหลวไหลของพวกมันเลย”

 

หลังได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน เฟิ่งเทียนหวู่ก็คิดว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกำลังรู้สึกเสียศักดิ์ศรีทำให้ตัดสินใจแบบนั้น จึงเร่งกล่าวออกมาทันที

 

ในสายตาของนาง ช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา พลังฝึกปรือของนางก้าวหน้าด้วยความเร็วอัศจรรย์!

 

ถึงแม้ในกาลก่อนพี่ใหญ่ต้วนจะร้ายกาจกว่านาง หากแต่ตอนนี้คงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของนางได้ ทำให้นางพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้ไปเสีย

 

เพราะสุดท้ายแล้วในที่นี้ก็มีขอบเขตเซียนอยู่มากมาย ทั้งหมดสมควรมองออกว่านางลงมือเต็มที่แล้วหรือไม่

 

หากนางจงใจอ่อนข้อยอมแพ้ให้ต้วนหลิงเทียน น่ากลัวจะยิ่งไม่ใช่เรื่องดีสำหรับต้วนหลิงเทียน

 

เป็นธรรมดาที่เฟิ่งเทียนหวู่จะคิดเหมือนกับคนอื่นๆ เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือไม่พอจะสู้กับนางตอนนี้ได้

 

อย่างไรก็ตามนางไม่เคยสนใจเรื่องพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนเลย นางไม่สนด้วยซ้ำต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะกลายเป็นคนธรรมดา เพราะใจที่นางมีให้ต้วนหลิงเทียนไม่มีวันแปรเปลี่ยน นางรักต้วนหลิงเทียนอย่างที่ต้วนหลิงเป็น

 

“เทียนหวู่ เจ้ายังไม่เข้าใจข้าหรือ…เจ้าก็รู้จักข้ามานานเคยเห็นข้าสนใจเสียงเห่าหอนของสุนัขหรือไม่? พวกมันจะคิดอะไรข้าไม่เคยสน…แต่ข้าได้ยินมาว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา เจ้าได้พยายามอย่างมากจนได้รับอันดับที่ 23 ในรายนามนภาของเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ข้าเลยอยากเห็นพลังฝีมือของเจ้าในตอนนี้ดู”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มสบายๆ ไม่คล้ายคนที่ถูกยั่วยุจากวาจาของผู้อื่นแต่อย่างใด

 

พอได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน เฟิ่งเทียนหวู่ก็มองสบตาต้วนหลิงเทียนไม่วาง และนางก็แลเห็นแต่เพียงความมั่นใจระคนตื่นเต้นเท่านั้น!

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นแววตานี้ของต้วนหลิงเทียน!

 

‘หรือพี่ใหญ่ต้วนพบพานวาสนาอันใด หลังจากที่เดินทางมาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?’

 

เฟิ่งเทียนหวู่ลอบคาดเดา

 

พอย้อนคิดดูเฟิ่งเทียนหวู่ก็ตระหนักได้ว่า ในเมื่อพี่ใหญ่ต้วนของนางเดินทางมาที่นี่ในฐานะแขกกิตติมิศักดิ์ของตระกูลซือถู อีกทั้งยังกล้าท้าทายนางทั้งๆที่สมควรได้ยินวีรกรรมของนางมาแล้วว่าพลังฝีมือสมควรก้าวหน้าจนติดอันดับ 1 ใน 10 รายนามนภา

 

อันที่จริงแล้วด้วยพลังฝีมือของนางตอนนี้ หากนางต้องการนางย่อมกลายเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของรายนามนภาได้ทุกเมื่อ

 

ดังนั้นภายใต้เรื่องราวเหล่านี้ แต่พี่ใหญ่ต้วนของนางกลับกล้าเดินทางมาประลองด้วย นั่นหมายความว่าพี่ใหญ่ค้วนของนางสมควรพบพานวาสนาบางอย่างในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!

 

ครู่หนึ่งแววตาเฟิ่งเทียนหวู่ก็เปลี่ยนไป นางพยักหน้ารับ ไม่คิดปฏิเสธอีกต่อไป

 

ทันใดนั้นทุกผู้คนไม่เว้นสื่ออวิ๋นประมุขนิกายอัคคีล่องลอย อดไม่ได้ที่จะจับจ้องมองไปยังเรื่องราวบนเวทีประลองด้วยสองตาลุกวาว!

 

ขวับ! ขวับ!

 

ครู่ต่อมาทุกคนที่อยู่ใกล้ๆเวทีประลองพลันก้าวถอยออกมา เพื่อเว้นระยะห่างให้ทั้งคู่ได้ประมือกันอย่างสะดวก!

 

และตอนนี้ทุกสายตาก็จับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนที่กำลังเผชิญหน้ากับเฟิ่งเทียนหวู่อย่างไม่ให้คลาดสายตา!

 

“ข้าไม่คิดเลยว่าแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู กลับยืนกรารประลองกับแม่นางเฟิ่งต่อจริงๆทั้งๆที่นางปล่อยให้มันชนะไปแล้ว นี่มันมั่นใจจริงๆรึ…ว่าจะเอาชนะแม่นางเฟิ่งได้?”

 

หลายคนที่ไม่ได้มองต้วนหลิงเทียนว่ามีหวังสักเท่าไหร่ในตอนแรก เริ่มมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกครั้ง

 

“ก็มิแน่หรอก! บางทีต้วนหลิงเทียนคงคิดว่าแม่นางเฟิ่งจะออมมือให้ล่ะมั้ง มันก็แค่จะเล่นละครให้พวกเราดูเท่านั้น!”

 

บางคนกล่าวขึ้นมา

 

“เล่นละคร? เฮอะ! เหลวไหลสิ้นดี ที่นี่มีขอบเขตเซียนอยู่ตั้งเท่าไหร่…ไหนเลยยังมองมิออกว่าแม่นางเฟิ่งออมมือหรือไม่!”

 

“นั่นน่ะสิ! ข้าว่าหากแม่นางเฟิ่งออมข้อให้มันจริงๆ มันจะยิ่งขายหน้ามากกว่าเดิม!”

 

……

 

เสียงกระซิบของผู้คนแม้จะไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่มันก็ดังชัดเจนในหูของต้วนหลิงเทียนและเฟิ่งเทียนหวู่

 

จังหวะนี้เฟิ่งเทียนหวู่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วคู่งามจนบึ้งตึง

 

สำหรับต้วนหลิงเทียนยังคงมีสีหน้าท่าทางสบายๆ คล้ายวาจาผู้อื่นเป็นดั่งลมที่ผายออกมา…

 

อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้สนใจวาจาอะไรของพวกมันแม้แต่น้อย

 

อ่อนข้อให้?

 

ถึงแม้เขาจะไม่ทราบว่าตอนนี้พลังฝีมือที่แท้จริงของเฟิ่งเทียนหวู่เป็นอย่างไร แต่เขาก็มั่นใจในพลังฝีมือของตัว!

 

ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้กล่าวอย่างขอไปที

 

เขาอยากจะรู้พลังฝีมือของเฟิ่งเทียนหวู่จริงๆ เขารู้ว่าพลังฝีมือของเฟิ่งเทียนหวู่นั้นก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันสุดที่ไหนกันแน่

 

“เทียนหวู่มาเถอะ ไม่ต้องออมรั้งยั้งมือ…”

 

ต้วนหลิงเทียนมองเฟิ่งเทียนหวู่ ค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้มวาดหวัง

 

“พี่ใหญ่ต้วนท่านแน่ใจนะ…ตอนนี้พลังฝีมือของข้า คิดชิง 10 อันดับแรกในรายนามนภาก็มิใช่เรื่องยากเย็น..”

 

เฟิ่งเทียนหวู่อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามย้ำ

 

“เอาหน่า เจ้าไม่ต้องกังวลไป”

 

การตอบคำด้วยท่าทีสบายๆของต้วนหลิงเทียน ทำให้เฟิ่งเทียนหวู่สงบใจลงได้

 

ตอนนี้เองเฟิ่งเทียนหวู่พลันเริ่มลงมือ มือทั้ง 2 พลันยกขึ้นตั้งท่า ปราณแท้พวยพุ่งปะทุออกมาลุกโหมไปทั่วร่าง!

 

กำลังลุกโหมจริงๆ!

 

ปราณแท้ของเฟิ่งเทียนหวู่กลับแตกต่างจากผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าขอบเขตสู่เซียนทั่วไป มันกเปล่งกลิ่นอายร้อนลวกแผดเผา พาลให้ผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆ สัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนอันระอุ!

 

“ปราณแท้แฝงคุณสมบัติ…พลังฝึกปรือของแม่นางเฟิ่งกลับบรรลุครึ่งก้าวเซียน ขาดอีกเพียงเล็กน้อยก็จะทะลวงขอบเขตเซียนได้แล้ว!!”

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงปราณแท้ร้อนระอุของเฟิ่งเทียนหวู่ ขอบเขตเซียนทั้งหลายในลานประลองอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก

 

ในฐานะที่พวกมันเป็นถึงขอบเขตเซียน จะดีจะร้ายพวกมันก็มีสัมผัสพลังต่างจากขอบเขตสู่เซียน จึงรู้ดีว่าจากปราณแท้ที่แผ่ออกมาจากร่างเฟิ่งเทียนหวู่ตอนนี้ น่ากลัวอีกไม่ถึงปีนางก็จะทะลวงผ่านขอบเขตเซียนได้แล้ว!

 

วินาทีนี้กระทั่งไป๋หยินจากนิกายคงเฉินยังอดไม่ได้ที่จะหน้าซีดเผือด! มันรู้สึกเสียใจนักที่ไปกล่าววาจาว่าร้ายต่อต้วนหลิงเทียน!!

 

หากมันรู้ว่าพรสวรรค์เฟิ่งเทียนหวู่กลับเหนือคิดคาดกระทั่งเจียนบรรลุเซียนแล้วแบบนี้ มันไม่กล้ากล่าวแซะบุรุษของนางเด็ดขาด!!

 

น่าเสียดายที่โลกหล้าไม่มีโอสถรักษาอาการเสียใจ!

 

ยามเมื่อปราณแท้แผ่กลิ่นอายพลังร้อนลวกแผดเผาของเฟิ่งเทียนหวู่ปะทุออกมา พวกมันก็เริ่มพวยพุ่งขึ้นไปควบรวมเป็นกระบี่เพลิงเล่มเขื่อง กลิ่นอายพลังคมกล้าจากกระบี่ไฟปานจะผ่าเผาได้ทุกสรรพสิ่ง!

 

นอกจากกระบี่เพลิงเล่มเขื่องแล้ว ไม่ไกลยังเริ่มปรากฏรูปลักษณ์สัตว์ร้ายมหึมาก่อตัวขึ้นมาเช่นกัน!

 

ยามเมื่อสัตว์ร้ายดังกล่าวก่อตัว ทั่วร่างมันก็เริ่มแผ่กลิ่นอายของปราณโลหิต ไอพลังสีแดงท่วมไปทั่วกาย นอกจากนั้นยังมีเปลวเพลิงลุกติดพรึ่บขึ้นเร่าๆ ราวกับปราณของมันคือไฟที่ผลาญเผาได้ทุกสิ่ง!

 

ทันทีที่วิหกเพลิงตัวเขื่องปรากฏ บรรยากาศบริเวณลานประลองก็ร้อนระอุขึ้นมาทันที!

 

กระทั่งศิษย์บางคนของนิกายอัคคีล่องลอยที่มีด่านพลังฝึกปรืออ่อนด้อยยังไม่อาจรั้งอยู่สืบไป! จำต้องเร่งล่าถอยออกไปให้ห่างอย่างไว เพราะพวกมันไม่อาจทานทนไอร้อนที่แผ่ออกมาจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ของเฟิ่งเทียนหวู่ได้! ทำได้เพียงมองนางด้วยสายตาชื่นชมห่างๆ!!

 

นี่คือแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยของพวกมัน เป็นดั่งความภาคภูมิใจสูงุสดของนิกายพวกมัน!

 

กระทั่งพวกมันเองยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปลาบปลื้ม ที่ได้เป็นคนของนิกายอัคคีล่องลอย!

 

“นี่มัน…หงส์ไฟ?”

 

พอเห็นวิหกตัวเขื่องที่ก่อร่างเหนือศีรษะเฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจ เพราะมันช่างละม้ายคล้ายกับหงส์เพลิงอมตะ หรือนกฟีนิกซ์ในโลกเก่าของเขานัก! อย่างน้อยๆมันก็ละม้ายคล้ายกัน 7-8 ส่วน!!

 

“ท่านผู้เฒ่าหั่ว…นั่นคือหงส์ไฟใช่หรือไม่?”

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ

 

ผู้เฒ่าหั่วคืออีกาทองคำ 3 ขา วิหกเทพสุริยันจากโบราณกาลความรู้ย่อมมีมากมายมหาศาล…เช่นนั้นแล้วในสายตาของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วย่อมรู้แน่ว่า สัตว์ปราณมีสภาพจากปราณแท้ก่อลักษณ์ของเฟิ่งเทียนหวู่..ใช่ หงส์ไฟ หรือนกฟีนิกซ์ที่เขารู้จักหรือไม่!

 

“หืม? นั่นคือวิหกไฟสายพันธุ์ย่อยของหงส์ไฟ…ดูเหมือนโลกใบนี้จักมิได้มีแค่มังกรเทพยาดา หากแต่ยังมีหงส์ไฟดำรงอยู่ด้วย”

 

เสียงของผู้เฒ่าหั่วดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนทันที “แม่นางผู้นี้นับว่ามีวาสนาดีไม่น้อย กลับได้รับแก่นแท้โลหิตของวิหกไฟมาหลอมผสาน…ทั้งน่ากลัวว่าจะมิใช่วิหกไฟธรรมดา”

 

วิหกไฟ!

 

สายพันธุ์ย่อยของหงส์ไฟ!

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเฟิ่งเทียนหวู่ไปพบพานวาสนาปาฏิหาริย์อะไรมา แต่เขาก็รู้สึกยินดีและมีความสุขกับนางนัก!

 

และทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่าอาณาบริเวณรอบกายเฟิ่งเทียนหวู่ ในพื้นที่รัศมี 100 หมี่พลันเริ่มร้อนระอุขึ้นมาในฉับพลัน ทั้งยังมีไอพลังแดงฉานปานเปลวไฟแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่ว!

 

กระทั่งตัวเขาก็ตกอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว!

 

พริบตาต่อมา มันก็ไม่ใช่เพียงแค่ไอพลังแดงฉานปานเปลวไฟอีกต่อไป หากแต่กลับเป็นเปลวไฟจริงๆ! ยังแผดเผาไปทั่วพื้นที่รัศมีโดยมีเฟิ่งเทียนหวู่เป็นจุดศูนย์กลาง ถึงแม้เปลวเพลิงนี้จะไม่ได้ร้อนแรงอะไรมากมาย แต่พอผสานรวมเข้ากับกลิ่นอายพลังระอุของนาง มันก็ยิ่งทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น!!

 

เฟิ่งเทียนหวู่ที่อยู่กลางเขตแดนเปลวไฟ เป็นดั่งเสมือนเทพธิดาอัคคีไม่มีผิด!

 

เพลิงไฟในใต้หล้า ปานจะอยู่ใต้บัญชานาง!

 

ไม่ว่าจะเป็นกระบี่เพลิงจากศาสตราปราณแท้ก่อลักษณ์ หรือปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ กระทั่งเขตแดนจากปราณแท้ก่อเขตแดน เฟิ่งเทียนหวู่ก็สำแดงทั้งหมดออกมาในเวลาเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ยังรวดเร็วเสียคนคนส่วนใหญ่แทบไม่อาจจับความเคลื่อนไหวได้ทัน!!

 

ซู่ม!

 

ทันใดนั้นเองเฟิ่งเทียนหวู่พลันลงมือเคลื่อนไหวอีกครา เปลวเพลิงในเขตแดนพลันผนึกควบรวมสู่ร่างดั่งเกราะคลุมกาย! ร่างคนยังทะยานเข้าหาต้วนหลิงเทียนปานดาวตกร่วงฟ้า!

 

ทุกที่ทางที่เคลื่อนผ่าน ประหนึ่งอุกกาบาตเพลิงที่ผลาญเผา กลิ่นไหม้ฟุ้งตลบไปในอากาศ!

 

“นางมิได้ออมรั้งยั้งมือ!!”

 

เมื่อเห็นการลงมือของเฟิ่งเทียนหวู่ ตัวตนในขอบเขตเซียนทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาด้วยความตกตะลึง สองตายังทอแสงจ้า!

 

ในฐานะที่พวกมันบรรลุถึงขอบเขตเซียนแล้ว พวกมันย่อมสัมผัสได้ว่าเฟิ่งเทียนหวู่ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดจริงๆ! นอกจากนั้นจากพลังฝีมือที่เผยออก…น่ากลัวว่าต่อให้เป็น 5 อันดับแรกในรายนามนภา นางก็สามารถคว้ามาได้ไม่ยากเย็น!!

 

“ประมุขสื่ออวิ๋นได้รับศิษย์อันประเสริฐนัก!!”

 

เหล่าตัวตนในขอบเขตเซียนของขุมพลังต่างๆใบไม่ได้ที่จะหันมองไปยังสื่ออวิ๋นประมุขนิกายอัคคีล่องลอยด้วยใบหน้าแววตาเปี่ยมล้นไปด้วยความอิจฉา!

 

ไม่เพียงแต่สื่ออวิ๋นจะทรงพลังถึงขั้นบดขยี้พวกมันได้ง่ายดาย กระทั่งศิษย์ของนางก็ร้ายกาจข่มศิษย์ของพวกมันจนหงอ ยามนี้พวกมันอิจฉาผู้คนจนตาแดงก่ำแล้ว!

 

“แม่นางเฟิ่งแข็งแกร่งยิ่ง!”

 

“จากการลงมือของนาง ท่าทางจะมิได้ยั้งมืออะไร! ข้าอยากรู้นักแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูจักรับมือได้หรือไม่!!”

 

“รับได้กับผีเถอะ! ไม่มีวันซะล่ะ!!”

 

……

 

ทั้งหลายจับจ้องมองฉากเรื่องราวเบื้องหน้าอย่างใจจดจ่อ พวกมันใคร่รู้นักว่าชะตากรรมของต้วนหลิงเทียนจะเป็นอย่างไร เมื่อต้องเผชิญกับแม่นางเฟิ่งที่ร้ายกาจขนาดนี้

 

อีกทั้งพวกมันหลายคนยังคล้ายจะมองเห็นภาพต้วนหลิงเทียนแพ้พ่ายอย่างอนาถเรียบร้อยแล้ว!!