ตอนที่ 1,596 : เที่ยงแท้ลำดับ 5 !
เมื่อเห็นถึงความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน เฟิ่งเทียนหวู่ก็ไม่คิดออมรั้งยั้งมืออะไรสืบไป!
นี่คือความเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนอย่างหมดใจ และบอกให้ผู้อื่นได้รู้ว่านางไม่ได้ออมมือแม้แต่น้อย!
นางไม่ได้ออมมือ และนางก็ไม่จำเป็นต้องออมมือ!
‘พลังฝีมือของเทียนหวู่กลับก้าวหน้ามาถึงขนาดนี้แล้ว…’
เมื่อเห็นเฟิ่งเทียนหวู่ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมด ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะอื้ออึงอยู่บ้าง ถึงแม้เขาจะรู้ว่านางสมควรแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้
หากเขาไม่ทะลวงมาถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ล่ะก็ น่ากลัวว่าต่อให้ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดก็ไม่น่าจะรับมือเฟิ่งเทียนหวู่ได้!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
……
หลังจากที่ได้เห็นซึ้งถึงพลังทั้งหมดที่เฟิ่งเทียนหวู่ปลดปล่อยออกมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงพลังฝีมือของนางชัดเจน เพียงห้วงคิด อาณาบริเวณกินรัศมี 100 หมี่รอบตัวเขาปานจะแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นทะเลกระบี่!
กระบี่นับพันนับหมื่นที่ผุดโผล่ออกมาล่องลอยในอากาศ ปานจะทรงพลังอำนาจสะบั้นได้ทุกสิ่ง ทุกที่ทางที่กระบี่ลอยล่องผ่าน คล้ายจะฉีกกระชากได้กระทั่งความว่าง บังเกิดเป็นเสียงดังครืนๆ!
และทันทีที่เขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาซ้อนทับกับเขตแดนเพลิงของเฟิ่งเทียนหวู่ กระบี่ทั้งหลายก็ปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่ากลัว พาลให้เขตแดนเพลิงของเฟิ่งเทียนหวู่เริ่มปริร้าวปานกระจกที่ถูกกระแทก!
เรียกว่าตอนนี้เขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนเปรียบได้กับค้อนอันเขื่อง ที่ฟาดทุบลงไปยังเขตแดนเพลิงของเทียนหวู่ไม่ต่างอะไรจากกระจกบาง!
ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ดึงขนเส้นเดียวสะท้านไปทั้งร่าง’ เขตแดนเพลิงของเฟิ่งเทียนหวู่ แม้จะถูกทำลายไปแค่เพียงส่วนที่ทับซ้อนกับเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน หากทว่าผลกระทบกลับลุกลามไปทั่วทั้งเขตแดนของนาง!
ทันใดนั้นเพียงชั่วพริบตาดุจละอองไฟสว่างวาบ เขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนที่ทรงพลังอำนาจครอบงำ ก็ทำลายเขตแดนเพลิงของเฟิ่งเทียนหวู่จนพินาศ!
อันที่จริงแล้วเขตแดนเพลิงของเฟิ่งเทียนหวู่นั้นร้ายกาจมาก!
อย่างไรก็ตามยังมีช่องว่างไม่น้อยหากจะนำมาเปรียบเทียบกับเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน เขตแดนเพลิงของนางกลับกลายคล้ายอ่อนแอถูกทำลายได้ง่ายดายปานเหยียบใบไม้แห้งกรอบ!
“ไม่จริงน่า! ล้อกันเล่นหรือไร!?”
เห็นฉากนี้ผู้ชมมากมายอดไม่ได้ที่จะคิดไปในแนวทางเดียวกัน!
“แม่นางเฟิ่ง กลับยั้งมือให้ต้วนหลิงเทียนจริงๆหรือ?!”
“เรื่องนี้ชัดเจนนัก! ต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนทั้งคู่ถึงแม้เขตแดนจะแข็งแกร่งกว่ากันจริงๆ แต่ก็ไม่มีทางสยบได้หมดจดถึงเพียงนี้ นี่พวกนางจะไม่เสแสร้งแสดงเกินจริงไปหน่อยรึไง?”
“สุดท้ายแล้วแม่นางเฟิ่งกลับอ่อนข้อให้มันจริงๆ!”
……
หลายคนเริ่มกระซิบกระซาบกล่าวออก
แน่นอนว่าในบรรดาพวกที่กล่าววาจาซุบซิบนินทาออกมาพวกมันมีเรื่องหนึ่งที่เหมือนกัน…พวกมันไม่ใช่ตัวตนในขอบเขตเซียน!
ส่วนตัวตนในขอบเขตเซียนทั้งหลายไม่เว้นประมุขนิกายอัคคีล่องลอยอย่างสื่ออวิ๋น ทุกคนต่างเงียบกริบ! ไม่มีผู้ใดปริปากแม้แต่คนเดียว!!
‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ มาจากทวีปมนุษย์แน่หรือ?!’
สื่ออวิ๋นมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาตะลึงลาน!
ถึงแม้นางจะมีคิดคาดเอาไว้บ้างแล้ว ว่าบุรุษที่ศิษย์ของนางมอบใจให้ต้องมิใช่ชนชั้นสามัญ แต่ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะน่ากลัวถึงขนาดนี้!
เพียงปลดปล่อยเขตแดน ก็ทำลายเขตแดนของเฟิ่งเทียนหวู่ได้ราบคาบ!
ในฐานะที่นางก็เป็นขอบเขตเซียนคนหนึ่ง ไหนเลยนางยังไม่รู้ได้ว่าศิษย์ของนางมิได้ออมรั้งยั้งมือแม้แต่น้อย! กระทั่งเขตแดนที่เฟิ่งเทียนหวู่ใช้ออก ยังเป็นการใช้ออกด้วยพลังสูงสุดแล้ว!
แต่กระนั้นทันทีที่ถูกเขตแดนของต้วนหลิงเทียนทับซ้อน ก็ถูกเขตแดนของต้วนหลิงเทียนบดขยี้ทำลายจนพินาศสิ้นทันที!
อีกทั้งนางยังมั่นใจถึงขีดสุดว่าต้วนหลิงเทียนไม่แม้แต่จะบรรลุครึ่งก้าวเซียนด้วยซ้ำ ทำให้นางตระหนักได้ทันทีว่าเขตแดนของต้วนหลิงเทียนมันร้ายกาจเพียงใด มันมิใช่เขตแดนธรรมดาๆเป็นแน่!
ต้องทราบด้วยว่าเขตแดนของเฟิ่งเทียนหวู่ศิษย์นางก็คือเขตแดนอัคคีระดับสูงแล้ว!
อีกทั้งสาเหตุที่เฟิ่งเทียนหวู่ทรงพลังเหนือผู้อื่น ส่วนหนึ่งแล้วก็มาจากเขตแดนเพลิงอันทรงพลังของนาง!
อนิจจาเขตแดนเพลิงระดับสูงอันทรงพลังของนาง ต่อหน้าเขตแดนกระบี่ประหลาดอันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียน กลับถูกทำลายลงได้อย่าง่ายดายในเวลาเพียงพริบตาเดียว ยังรวดเร็วจนผู้คนมากมายไม่อาจตระหนักได้ด้วยซ้ำ!
“เขตแดนของต้วนหลิงเทียนนั่น มันเป็นเขตแดนอันใดกันแน่!?”
ชายชรานามไป๋หยินจากนิกายคงเฉิน บัดนี้หน้าของมันซีดเป็นไก่ต้ม! พอได้เห็นเขตแดนของต้วนหลิงเทียน มันก็ตระหนักได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนทรงพลังมากพอจะเอาชนะเฟิ่งเทียนหวู่ได้สบาย!
มันเองก็เป็นตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนคนหนึ่ง สองตาย่อมแลเห็นชัด ว่าเฟิ่งเทียนหวู่ไม่ได้ผ่อนพลังยั้งกระบวนแม้แต่น้อย!
อนิจจาพลังอำนาจของเขตแดนต้วนหลิงเทียนกลับเหนือล้ำกว่ากันอย่างทาบไม่ติด!
เรื่องนี้ยังนำพาความตื่นตระหนกมาสู่ขอบเขตเซียนทั้งหลายเช่นกัน!
และในขณะที่พวกมันอุทานกันออกมาด้วยความตื่นตระหนก คนอื่นๆที่ไม่ใช่ขอบเขตเซียนที่หลงคิดว่าเฟิ่งเทียนหวู่ออมมือให้ต้วนหลิงเทียนจึงได้ทราบ ว่าสุดท้ายเป็นพวกมันที่เข้าใจผิด!
“หากแม่นางเฟิ่งมิได้ออมมือ…เช่นนั้นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น มันร้ายกาจจริงๆงั้นหรือ!?”
“นั่นสิ เช่นนั้นก็เกินจริงมากไป! ทันทีที่มันปลดปล่อยเขตแดนออกมา กลับบดขยี้เขตแดนของแม่นางเฟิ่งได้ทันที…อย่าได้ลืมกันไปว่าแม่นางเฟิ่งจะอย่างไรที่ติดอันดับรายนามนภาได้สูงเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นเพราะเขตแดนอันทรงพลังของนาง!”
“แม่นางเฟิ่งที่มิอาจมีเปรียบในด้านเขตแดน ก็ดั่งพยัคฆ์ไร้เขี้ยว…เช่นนั้นจักทำอันใดได้?”
……
หลายคนยากจะทำใจยอมรับเรื่องราวได้ เขตแดนของต้วนหลิงเทียนสร้างความตื่นตระหนกให้พวกมันมากเกินไป!
“พี่ใหญ่ต้วน เขตแดนของท่านคืออันใดกัน?!”
หลังจากที่เขตแดนของนางถูกบดขยี้ เฟิ่งเทียนหวู่ก็ตกตะลึงไม่น้อย หลังจากที่นิ่งไปพักหนึ่งก็เร่งกล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “ข้ารู้สึกว่าต่อหน้าเขตแดนของท่าน เขตแดนของข้ามิอาจต้านทานได้เลย!”
“เขตแดนหมื่นกระบี่น่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพร้อมยิ้มบางๆ
“เขตแดนหมื่นกระบี่…”
เฟิ่งเทียนหวู่ที่ได้ยินก็พยักหน้ารับ ไม่นานแววตานางพลันสว่างจ้าขึ้นมา
ถึงแม้ว่านางจะมั่นใจว่าพี่ใหญ่ต้วนของนางสมควรมีพลังฝีมือไม่ธรรมดาจากความมั่นใจที่เผยออก แต่เรื่องราวเมื่อครู่ยังทำให้นางตกตะลึงเกินไป!
เพียงพี่ใหญ่ต้วนสำแดงเขตแดนออกมา เขตแดนของนางก็ถูกทำลายลงแล้ว!
และพอลองย้อนคิดกลับไป ทันทีที่พี่ใหญ่ต้วนของนางเผยเขตแดนออกมา นางก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล ทว่าตอนนั้นนางยังไม่ทันตระหนักได้ถึงเรื่องนี้…
จนกระทั่งเขตแดนของนางถูกทำลายลงไปแล้ว นางจึงรับทราบได้ว่า..พลังของนางนั้นไม่อาจเทียบกับพี่ใหญ่ต้วนได้เลย!
การที่เขตแดนนางถูกทำลายไปแบบนี้ พลังรบของนางก็หายไปมากมาย!
หากต้องสู้กับพี่ใหญ่ต้วนสภาพนี้ นางมิอาจต่อสู้ได้…ยังต้องแพ้พ่ายอย่างอนาถแน่!
“เขตแดนหมื่นกระบี่?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเฟิ่งเทียนหวู่ ทุกคนที่อยู่ใกล้ๆก็ได้ยินคำพูดของเขาชัดเจน
“เขตแดนหมื่นกระบี่…ช่างสมชื่อนัก ในเขตแดนเต็มไปด้วยกระบี่นับพันนับหมื่นเล่ม อีกทั้งยังควบแน่นมีสภาพจนแทบมิต่างอันใดจากกระบี่จริงๆ!”
“ช่างเป็นเขตแดนที่ทรงพลังอำนาจสยบนัก…ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโลกหล้ายังมีเขตแดนทรงพลังพรรค์นี้ดำรงอยู่ด้วย!”
……
สายตาของทุกผู้คนล้วนกำลังจับจ้องไปยังกระบี่นับหมื่นเล่มที่ลอยล่องอยู่ในเขตแดนของต้วนหลิงเทียน พวกมันแต่ละเล่มล้วนเปล่งกลิ่นอายพลังคมกล้า มากล้นไปด้วยอานุภาพทำลาย!
กระบี่วิเศษทั้งหลายห้อมล้อมเวียนวนปานจะสร้างโลกกระบี่รอบต้วนหลิงเทียน!
“เขตแดนหมื่นกระบี่!?”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ด้านสื่ออวิ๋นก็อดไม้ได้ที่จะหรี่ตาลง ‘หากนั่นเป็นเขตแดนหมื่นกระบี่จริง…อย่าได้บอกข้าเชียวว่าเขาเป็นผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1!’
ภายในใจของสื่ออวิ๋นมีความลับประการหนึ่งที่กักเก็บเอามาไว้แสนนาน
นั่นคือวาสนาที่นางบังเอิญพบพานครั้งยังเยาว์!
การพบพานกับวาสนาโดยบังเอิญครั้งนั้น ทำให้สื่ออวิ๋นได้รับมรดกตกทอดชุดหนึ่ง ในหยกบันทึกเสียงบ่งบอกว่าเจ้าของมรดกนี้เป็นอิสตรียังบอกอีกว่า ตัวนางคือผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 5 หงส์ฟ้าจรัสแสง แห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่เคยลือชื่อในครั้งโบราณ!
สุดท้ายสื่ออวิ๋นที่บังเอิญพบมรดกนี้ นางก็ได้กลายเป็นผู้สืบทอดของหงส์ฟ้าจรัสแสง!
และเพราะวาสนาโดยบังเอิญครั้งนี้ ทำให้พลังฝีมือของนางก้าวหน้าขึ้นครั้งใหญ่ ยังทำให้ศักยภาพของนางทะลุขีดจำกัดดั้งเดิม กลายเป็นยอดฝีมือที่แม้แต่ราชวงศ์ของประเทศฝูเฟิงก็จำต้องหวั่นเกรง!
นางรู้ดีว่าหากนางไม่ได้รับสืบทอดมรดกเคล็ดบำเพ็ญจิตนั่นมา อย่าได้กล่าวถึงเรื่องกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนที่กระทั่งตระกูลราชวงศ์ยังยำเกรงเลย กระทั่งด่านพลังขอบเขตเซียนนางก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะบรรลุได้หรือไม่!
เรียกว่าทั้งชีวิตของนางได้แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และนั่นทำให้นางรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณจากมรดกของสตรีลึกลับนัก และนางก็จำคำสั่งเสียที่อีกฝ่ายบันทึกไว้ในหยกบันทึกเสียงได้เป็นอย่างดี
ข้อความที่บันทึกกล่าวเอาไว้ชัด ว่าหลังจากที่ตัวนางได้รับสืบทอดมรดกไปแล้ว นางต้องส่งต่อมรดกนี้ให้สืบทอดต่อไปอย่าให้สาบสูญ และจงเฝ้ารอวันที่ 7 ทวาราเที่ยงแท้จะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
และเมื่อ 7 ทวาราเที่ยงแท้ปรากฏตัวขึ้น ผู้สืบทอดของหงส์ฟ้าจรัสแสงอย่างนางก็ต้องกลับไปรวมตัวกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้ทันที และเพื่อ 7 ทวาราเที่ยงแท้แล้ว ต่อให้นางต้องสละทุกสิ่งก็จำต้องกระทำ!
สื่ออวิ๋นเองก็รู้ตัวดีว่าศักยภาพและพรสวรรค์ดั้งเดิมของนางนั้นมันแค่ค่าเฉลี่ยเท่านั้น ยากที่จะปรบสบความสำเร็จอะไรในชีวิตได้ถึงแม้จะขยันบ่มเพาะฝึกปรือต่อไปก็ตาม! ด้วยเหตุนี้นางจึงพยายามเฟ้นหาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่สามารถเป็นผู้สืบทอด หงส์ฟ้าจรัสแสงต่อจากนางได้มาโดยตลอด…
และเฟิ่งเทียนหวู่ก็คืออัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่นางค้นพบ นางจึงตัดสินใจถ่ายทอดมรดกทั้งหมดให้เฟิ่งเทียนหวู่ทันที! แม้จะมาจากทวีปมนุษย์ก็ตาม…หากแต่ศักยภาพพรสวรรค์ของเฟิ่งเทียนหวู่ก็ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!
สิ่งที่ทำให้สื่ออวิ๋นประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เมื่อเฟิ่งเทียนหวู่บ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดบำเพ็ญจิต หงส์ฟ้าจรัสแสง ก็ประสบความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ราวกับเคล็ดบำเพ็ญจิตนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนาง!
เมื่อได้เห็นเฟิ่งเทียนหวู่ประสบผลสำเร็จจากการบ่มเพาะด้วยเคล็ดบำเพ็ญจิตหงส์ฟ้าจรัสแสง ภายในเวลาแค่ไม่กี่ปี นางก็รู้ดีว่าบัดนี้ได้พบพานผู้สืบทอดที่แท้จริงของหงส์ฟ้าจรัสแสงแล้ว หากตายไปนางก็สามารถเชิดหน้าชูตาได้อย่างภาคภูมิใจยามพบกับสตรีที่ทิ้งมรดกนี้ไว้!
ด้วยพรสวรรค์ที่ไม่ดีเด่อะไรของนาง ย่อมไม่อาจแบกรับนามผู้สืบทอดของหงส์ฟ้าจรัสแสงได้!
อย่างไรก็ตามศิษย์นางกลับทำได้ยอดเยี่ยมนัก!
นางยังถึงกับเชื่อมั่นว่าศิษย์ของนางผู้นี้ ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้อีก 5 ลำดับที่เหลือแน่ แน่นอนว่าในนั้นไม่นับผู้สืบทอดของหมอกพิรุณ!
นางไม่กล้ายกเฟิ่งเทียนหวู่ไปเปรียบเทียบกับผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ!
นั่นเพราะในข้อความที่อยู่ในบันทึกที่สตรีลึกลับทิ้งไว้ให้ ได้บอกกล่าวข้อมูลของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ให้นางรับทราบอย่างละเอียด รวมถึงเรื่องทวาราเที่ยงแท้ลำดับ 1!
หมอกพิรุณ ในฐานะทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 นั้น..แตกต่างจากเที่ยงแท้ลำดับอื่นๆทั้ง 6!
นั่นเพราะนามนี้สามารถดำรงอยู่ได้หลายพันปีโดยไม่จำเป็นต้องมีผู้สืบทอด กระทั่งอาจจะดำรงอยู่หลายหมื่นปี กระทั่งร้อยพันปีได้โดยไร้ผู้สืบทอด อย่างไรก็ตามยามที่ผู้สืบทอดปรากฏตัว นั่นหมายถึงอรุณรุ่งแห่งยุคใหม่กำลังจะสาดแสง!
ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า
ผู้สืบทอดของหมอกพิรุณ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 เพียงโบกมือก็เรียกลมสั่งฝน สะท้านสะเทือนไปทั้งแดนดิน!
และประโยคดังกล่าวครั้งหนึ่งก็เคยเป็นที่ยอมรับไปทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เช่นนั้นทำให้ทุกคนรับทราบกันดีว่าผู้สืบทอดหมอกพิรุณเป็นตัวตนเช่นไร และ 7 ทวาราเที่ยงแท้เป็นขุมพลังอันใด!
“กล่าวกันว่าผู้สืบทอดนามหมอกพิรุณก่อนหน้า…ก็คือสุดยอดฝีมือที่เรียกหาตัวเองว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยาง เขตแดนที่เชี่ยวชาญก็มิใช่ใดอื่นนอกจาก เขตแดนหมื่นกระบี่!”
นี่คือเหตุผลที่ทำให้สื่ออวิ๋นตกใจนัก เมื่อพบว่าเขตแดนที่ต้วนหลิงเทียนใช้คือเขตแดนหมื่นกระบี่!