เมื่อผ่านการทดสอบเมื่อครู่ เขาก็ไม่สนใจอันใดในเนื้อหาของคัมภีร์อีก จึงทำได้เพียงปล่อยให้ต้นกำเนิดกิเลนเที่ยงแท้ถูกอสูรวิญญาณครวญดูดซับไปอย่างช้าๆ

 

อสูรวิญญาณครวญเป็นอสูรวิญญาณของเขา หากดูดซับแล้วพลังยุทธ์เพิ่มขึ้น ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง

 

ผลลัพธ์ดีกว่าให้ต้นกำเนิดจิตวิญญาณเที่ยงแท้ถือกำเนิดในอีกสองสามร้อยปีให้หลัง แล้วถ้าได้ตกอยู่ในมือของผู้ใด พลังยุทธ์ก็แข็งแกร่งเพิ่มไม่น้อย

 

หลังจากที่ขบคิดเช่นนั้น หานลี่ที่เดิมทีรู้สึกดีใจพลันรู้สึกโศกเศร้าผิดหวัง สุดท้ายก็ผ่อนคลายลง ทำให้สภาวะจิตใจค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ

 

ยกมือหนึ่งปล่อยไปทางอสูรวิญญาณครวญ ดูดอสูรวิญญาณครวญกลับมา

 

จากนั้นเขาพลันครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ขวดหยกสีเขียวที่ดูธรรมดาใบหนึ่งปรากฏออกมา

 

ขวดหยกใบนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่กลับแผ่ลำแสงสีเขียวอ่อนออกมา และยิ่งไปกว่านั้นปากขวดกลับมียันต์ต้องห้ามแปะอยู่หลายแผ่น

 

หานลี่ขมวดคิ้วโยนขวดนั้นขึ้นไปบนท้องฟ้า สะบัดแขนเสื้อ ธงอาคมเปล่งแสงสิบกว่าด้ามบินออกมา

 

ปากบริกรรมคาถา ชี้ไปทางธงอาคมเหล่านี้

 

ชั่วขณะนั้นเสียงร้องพลันดังขึ้น ธงอาคมเหล่านี้กลายเป็นลำแสงหลากสีสันสิบกว่าสาย เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ม่านลำแสงสีเหลืองอ่อนชั้นหนึ่งปรากฏออกมาจากในห้องลับ ผิวของมันมีอักขระตัวน้อยใหญ่ลอยพลิ้วอยู่

 

คาดไม่ถึงว่าหานลี่จะวางเขตอาคมขนาดเล็กห่อหุ้มตนเองเอาไว้

 

หลังจากที่เขาทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ถึงได้อ้าปากเป่าพายุหมุนกลุ่มหนึ่งออกมาใส่ขวดหยกสีเขียวอย่างสบายใจ

 

หลังจากเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น ยันต์ต้องห้ามสองสามแผ่นตรงปากขวดก็ร่อนลงมาหลังจากที่พายุพัดผ่านไป

 

ปากขวดเปิดออก ด้านในมีลำแสงกะพริบวาบอยู่รางๆ

 

หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นพลันยกมือขึ้นอย่างไม่ต้องขบคิด แล้วตะปบไปยังขวดหยกกลางอากาศ

 

ขวดหยกสีเขียวหมุนติ้วๆ แล้วเทลงมา หมอกลำแสงม้วนออกมา สิ่งประหลาดห้าสีสันพ่นออกมาจากปากขวด

 

รูปร่างเหมือนมนุษย์ ขนาดสองสามชุ่น แต่กลับนิ่งงัน ราวกับหุ่นเชิดมนุษย์หลากสีสัน

 

แต่หานลี่มองหุ่นเชิดกลับมิกล้าดูแคลนเลยแม้แต่น้อย ปากพลันบริกรรมคาถา ร่ายอาคมโจมตีไปอย่างต่อเนื่อง

 

ผิวของหุ่นเชิดมนุษย์เปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้น แค่กะพริบวาบๆ ก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นใบหน้าดังเดิม

 

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดร่างมนุษย์สูงสองจั้ง ใบหน้าเป็นสีเขียวมรกต แขนขาทั้งสี่กลับเป็นหนวดสีม่วงอ่อน

 

นั่นคือ ‘เห็ดเซียน’ ที่หานลี่ได้มาจากเทือกเขามารสีทองด้วยความบังเอิญ

 

มันในยามนี้ร่างกายมีอักขระต่างๆ ปรากฏอยู่ เรือนกายถูกตรึงเอาไว้แน่นหนา สองตาปิดสนิท จมเข้าสู่ในภวังค์การหลับใหล

 

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง พิจารณา ‘เห็ดเซียน’ ตรงหน้าขึ้นๆ ลงๆ ท่าทางเหมือนสนอกสนใจเป็นอย่างมาก

 

มิน่าล่ะเขาถึงได้มีท่าทีเช่นนี้

 

แม้ว่าหานลี่จะไม่เคยเห็นพวกสมุนไพรวิญญาณแปลงกายมาก่อน แม้กระทั่งโสมวิญญาณสลับฟันปลาก็สามารถทำให้เศษเสี้ยวของจิตวิญญาณกลายเป็นกระต่ายที่ดูสมจริงตัวหนึ่ง

 

แต่ ‘เห็ดเซียน’ ตัวนี้กลับแปลงสร้างภาพมายาให้กับร่างของตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้นยังอยู่ในร่างมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งที่สมุนไพรฟ้าดินอย่างโสมวิญญาณสลับฟันปลาจะเปรียบเทียบได้

ทว่าอย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้คิดจะปลุกสมุนไพรวิญญาณในทันที แต่กลับซ่อนเอาไว้ตรงนิ้วในแขนเสื้อแล้วดีดออกมา

 

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น กระบี่ลำแสงบางๆ สายหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไป วนล้อมรอบนวดสีม่วงของเห็ดเซียน

 

ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วพริบตาบาดแผลขนาดสองสามชุ่นพลันปรากฏออกมา ของเหลวสีขาวนวลสองสามหยดพลันไหลออกมา

 

กลิ่นยาเข้มข้นโชยเต็มห้องโถง

 

แววตาของหานลี่ฉายแววเย็นเยียบ ชูมือข้างหนึ่งขึ้น ขวดเล็กขนาดเท่าหัวแม่มืออีกขวดที่เตรียมการเอาไว้นานแล้วบินออกมา

 

ในเวลาเดียวกันก็อ้าปากออกพ่นหมอกลำแสงออกมา

 

หมอกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ ม้วนเอาทุ่งหญ้าสีขาวบนหนวดของเห็ดเซียนขึ้นมา แล้วหมุนวนรอบหนึ่ง พร้อมกับบรรจุลงไปในขวด คาดไม่ถึงว่าจะไม่พลาดแม้แต่หยดเดียว

 

และในยามนั้นบาดแผลบนหนวดของเห็ดเซียนกลับเปล่งแสงสีม่วงจางๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ ราวกับว่าไม่เคยดำรงอยู่อย่างไรอย่างนั้น

 

หานลี่กลับดูเหมือนว่าจะคาดการณ์สถานการณ์เช่นนี้ได้ตั้งนานแล้ว และไม่ได้เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่ใช้มือหนึ่งกวักออกไปกลางอากาศ

 

ชั่วขณะนั้นพลังไร้รูปร่างกลุ่มหนึ่งพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศและห่อหุ้มลงมา

 

เสียง “สวบ” ดังขึ้น ขวดใบเล็กที่บรรจุของเหลวสีขาวนวลพุ่งออกมากลางอากาศ และถูกเขาตะปบเอาไว้ในมือ และหยิบขึ้นมาดมเล็กน้อย

 

“พลังวิญญาณที่บริสุทธิ์มาก!”

 

หานลี่เอ่ยพึมพำ ดูเหมือนจะถอนหายใจ แต่ใบหน้ากลับไม่ได้เผยสีหน้าตกตะลึงระคนดีใจออกมา

 

แต่อีกมือหนึ่งพลันตะปบไปกลางอากาศ ลำแสงสีเงินกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นขวดทรงกลมขนาดครึ่งฉื่อ

 

ผิวของสิ่งนี้เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ ลวดลายที่สลักอยู่ดูวิจิตรงดงามราวกับไม่ใช่ของธรรมดา

 

หานลี่เทขวดเล็กในมือลงในขวดขวดสีเงิน

 

ชั่วขณะนั้นของเหลวสีขาวนวลหยดหนึ่งพลันหยดออกมา และเปล่งแสงสว่างวาบพร้อมกับหยดลงไป

 

จากนั้นหานลี่พลันสะบัดแขนเสื้อไปบนพื้น กำไลเก็บของบินออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็พ่นหมอกลำแสงกลุ่มหนึ่งออกมาจากในนั้น

 

หลังจากที่หมอกลำแสงม้วนผ่านไป บนพื้นพลันมีอุปกรณ์บรรจุอย่างกล่องและขวดหลากหลายรูปแบบปรากฏออกมา

 

หานลี่กวาดสายตาไป ตะปบไปยังกล่องหยกหนึ่งในนั้น

 

ฝากล่องหยกบินออกมาโดยอัตโนมัติ จากนั้นของเหลวสีฟ้ากลุ่มหนึ่งพลันบินออกมาจากด้านใน กลายเป็นเส้นบางๆ สายหนึ่งตกลงไปถึงขวดสีเงิน

 

ครู่ต่อมาก็บินออกมาจากขวดอีกครั้ง และตรงไปหาขวดสีเงิน…

 

หลังจากผ่านไปสามสี่ชั่วยามเต็มๆ ทั้งห้องลับก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของยา แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบพลางจ้องเขม็งไปยังสิ่งที่อยู่ในขวดสีเงินที่ถืออยู่อย่างนิ่งๆ

 

ดูเหมือนว่าของที่อยู่ด้านในในยามนี้จะดึงดูดความสนใจทั้งหมดของเขาเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่เสียงหัวเราะอย่างขมขื่นก็ดังออกมาจากในห้องลับ จากนั้นในมือของหานลี่พลันเปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ ขวดสีเงินสลายหายไป

 

“ดูแล้วหากนำมาปรุงยา แม้ว่าโลหิตของเห็ดเซียนจะมีอิทธิฤทธิ์ไม่น้อย แต่คงไม่มีทางดึงดูดความสนใจของสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ขนาดนี้แน่ ดูแล้วมันคงมีอิทธิฤทธิ์ที่มหัศจรรย์ด้านอื่น” หานลี่นั่งลงอีกครั้ง แต่ก็เอ่ยพึมพำอย่างมีความคิด

 

เมื่อสิ้นเสียง เขาพลันเลื่อนสายตาไป อดที่จะมองไปยังเห็ดเซียนที่ลอยนิ่งอยู่ตรงหน้าไม่ได้

 

หานลี่ลูบใต้คางหลังจากที่แววตาเปล่งประกายสว่างวาบ ฉับพลันนั้นนิ้วทั้งสิบพลันร่ายอาคมอีกครั้ง

 

เส้นไหมสีเงินยี่สิบสามสิบสายพุ่งออกไปเปล่งแสงสว่างวาบแล้วทยอยกันจมหายเข้าไปในร่างของเห็ดเซียนอย่างไร้เงา

 

จากนั้นหานลี่พลันหยุดนิ้ว หดสองมือเข้าไปในแขนเสื้อ มองเห็นเห็ดเซียนไม่เคลื่อนไหวใดๆ อีก

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เห็ดเซียนที่เดิมนิ่งงันก็เปล่งแสงเจิดจ้า ลำแสงสีม่วงจางๆ ชั้นหนึ่งปรากฏออกมา

มันขยับเปลือกตาเบิกตาขึ้นอย่างช้าๆ และสบตากับสายตาของหานลี่ที่มองมา

 

เห็นเพียงดวงตาเป็นสีเขียวอ่อน รูม่านตากลับมีแสงสีเงินไหลวนโคจรอยู่ เห็นได้ชัดว่าแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

 

“ดูแล้ว ข้าคงต้องอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว บอกข้าได้หรือไม่ ที่นี่คือที่ใดหรือ?” นอกเหนือความคาดหมายของหานลี่ เห็ดเซียนไม่ได้เผยสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวออกมา กลับเอ่ยอย่างราบเรียบ ราวกับว่าเหมือนพูดคุยกับคนบนถนนธรรมดาๆ คนหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หานลี่พลันเลิกคิ้ว ใบหน้าเผยสีหน้าอมยิ้มออกมา แต่ก็ตอบกลับอย่างไม่มีเจตนาจะปิดบังเลยสักนิด

 

“ที่นี่คือเมืองเมฆาที่อยู่ไม่ไกลกับเทือกเขามารสีทอง! ดูแล้วเจ้าคงจะเบิกเนตรไปตั้งนานแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะยังเยือกเย็นถึงเพียงนี้ได้”

 

“ข้าไม่เยือกเย็นแล้วจะทำอย่างไรได้ หรือว่าหากข้าเอ่ยปากขอร้อง เจ้าก็จะปล่อยข้าไป?” เห็ดเซียนเงียบขรึม แล้วถึงได้เอ่ยอย่างราบเรียบออกมา

 

“นั่นมันก็ใช่ นายท่านเป็นสมุนไพรฟ้าดินที่แปลงกายเป็นมนุษย์ได้ ทั้งแดนวิญญาณคงมีอยู่น้อยมาก ปล่อยเจ้าไปย่อมเป็นไปไม่ได้” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา กลับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

 

เมื่อเห็นหานลี่มีท่าทีสงบและผ่อนคลายเช่นนี้ ใบหน้าของเห็ดเซียนกลับเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นสายตาก็กวาดไปยังบาดแผลบนหนวดที่ถูกหานลี่กรีดไปก่อนหน้าแวบหนึ่ง แล้วแค่นเสียงหึด้วยความเย็นชาพร้อมกับหลับตาทั้งสอง ท่าทางไม่อยากพูดอันใดอีก

 

“ทว่าแปลกใจอยู่บ้าง นอกจากนายท่านจะเป็นสมุนไพรปรุงยาแล้ว ยังมีประโยชน์ด้านใดอีก มิเช่นนั้นจะถูกชนชั้นสูงไล่ตามอย่างไม่ลดละได้อย่างไร” หานลี่กลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด แค่เอ่ยถามอย่างไม่สนใจอีกฝ่าย

 

เห็ดเซียนได้ยินหานลี่เอ่ยถามเช่นนี้ มุมปากก็เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา กลับยังคงปิดปากเงียบไม่มีท่าทีจะตอบกลับ

 

“ในเมื่อนายท่านเบิกเนตรแล้ว ก็คงมีจิตวิญญาณดั้งเดิมของตนเองสินะ คงไม่อยากให้ข้าใช้วิชาค้นจิตวิญญาณหรอกกระมัง” หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งขณะเอ่ย

 

“ค้นวิญญาณ?” เห็ดเซียนได้ยินกลับหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา

 

หานลี่ได้ฟังอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

 

ในแดนวิญญาณแม้ว่าเคล็ดวิชาที่เหมือนกับเคล็ดวิชาลับรัดวิญญาณของเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้จะมีไม่มาก แต่ก็ไม่อาจบอกว่าน้อยได้ เห็ดเซียนที่ไม่รู้ว่ามีชีวิตมากี่ปีแล้ว รู้จักเคล็ดวิชานี้ ก็นับว่าไม่ได้แปลกประหลาดอันใด

 

เขาขบคิดอย่างรวดเร็วไม่หยุด แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลง ดูไม่ออกถึงความผิดปกติเลยสักนิด

 

“นายท่านไม่อยากพูดก็ไม่เป็นอันใด ข้าจะเอาตัวเจ้าใส่เข้าไปในยา ก็สามารถหลอมยาลูกกลอนระดับสุดยอดออกมาได้เช่นกัน แต่จากที่ข้ารู้มาปราณแท้แปลงกายของสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินอย่างเจ้า มีประโยชน์ต่อการฝึกฝนเคล็ดวิชาลับเฉพาะของผู้บำเพ็ญเพียรเป็นอย่างมาก นายท่านเองก็ฝึกฝนมาตั้งไม่รู้กี่ปีถึงได้มีสติปัญญา หากตกอยู่ในมือผู้อื่น เกรงว่าการฝึกฝนอย่างหนักในอดีตคงไร้ผล” หลังจากที่หานลี่กะพริบตาปริบๆ ฉับพลันนั้นก็เอ่ยเช่นนี้ออกมา

 

“เจ้ากำลังข่มขู่ข้า!” ร่างของเห็ดเซียนสั่นเทาเบาๆ เบิกตาทั้งสองข้างขึ้น เอ่ยถามด้วยความโหดเ**้ยม

 

“นับว่าข่มขู่มิได้ แค่ข้าน้อยเสี่ยงอันตรายขนาดนี้เข้าไปในเทือกเขามารสีทอง หากไม่ได้สิ่งตอบแทนที่เพียงพอ ก็ทำได้เพียงต้องใช้ประโยชน์สูงสุดแล้ว” หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา แต่ในสายตากลับไม่มีความรู้สึกเลยสักนิด

 

“หากข้าบอก เจ้าจะยอมสัญญาว่าจะปล่อยจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าไปหรือ? เจ้าจะเอาอันใดมาให้ข้าเชื่อคำพูดเจ้า” เห็นได้ชัดว่าเห็ดเซียนฟังเจตนาของหานลี่ออก รูม่านตามีลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ พลางเอ่ยถามอย่างเย็นชา

 

“ปล่อยจิตวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าไปย่อมไม่ได้ ข้ากลัวว่าเจ้าจะชิงร่างแล้วไปเกิดไป หรือถูกคนอื่นจับเป็นไป แล้วแพร่งพรายอันใดไป แต่กลับแก้ปัญหาให้เจ้าได้ ส่งเจ้าเข้าไปในวัฏสงสาร ส่วนปัญหาเรื่องจะเชื่อหรือไม่ หรือว่านายท่านยังมีทางเลือกอื่นหรือ?” หานลี่หัวเราะอย่างเบิกบานขณะเอ่ยถาม