“ข้าไม่มีทางเลือก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เสนอเงื่อนไขเลยสักนิด!” สายตาของเห็ดเซียนเปล่งประกาย พลางเอ่ยอย่างแช่มช้า

 

 

“นายท่านมีเงื่อนไขอันใด ลองพูดมาให้ฟังสิ” หานลี่ฉีกยิ้ม ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สนใจ

 

 

“ง่ายมาก เนื้อหาตามที่เจ้าบอก ข้าบอกความลับเกี่ยวกับพลังปราณในร่างของเจ้าได้ ข้าจะปล่อยจิตวิญญาณดั้งเดิมของข้าให้สลายหาย ให้มันได้เข้าสู่วัฏสงสาร หากมีชาติหน้าล่ะก็ ก็มีโอกาสกลายเป็นมนุษย์อย่างพวกเจ้า แต่วิธีการแลกเปลี่ยนกลับต้องทำตามวิธีของข้า มิเช่นนั้นข้ายอมตายไปพร้อมกับร่างวิญญาณนี้ และจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาอย่างให้ผู้อื่นควบคุมแล้ว” เห็ดเซียนดูเหมือนว่าจะขบคิดเอาไว้ตั้งนานแล้ว จึงเอ่ยเช่นนี้ออกมารวดเดียว

 

 

“รูปแบบอันใด?” หานลี่เอ่ยถามตรงๆ

 

 

“ข้าจะใช้เคล็ดวิชาลับพรสวรรค์ แยกจิตวิญญาณเที่ยงแท้ออกเป็นสองส่วน ในนั้นจะมีจิตสัมผัสหลักของข้าผสมอยู่เกือบครึ่ง ส่วนน้อยจะเป็นความทรงจำของข้า เจ้าต้องปล่อยจิตวิญญาณส่วนใหญ่ของข้าไปก่อน ขอแค่เจ้าทำตามสัญญาจิตวิญญาณส่วนที่เหลือของข้าก็จะบอกความลับกับเจ้า จากนั้นหลังจากที่เจ้าได้ของมาแล้ว ค่อยส่งเศษเสี้ยวของจิตวิญญาณข้าเข้าสู่วัฏสงสาร หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลใดๆ แล้ว ข้าเองก็วางใจจะบอกเรื่องราวกับเจ้าแล้ว” เซียนเอ่ยด้วยใบหน้าราบเรียบ

 

 

“ไม่มีอันใดต้องกังวล ใช่ว่าจะเป็นเช่นนั้น! เจ้าไปโดยทิ้งจิตวิญญาณดั้งเดิมไว้กว่าครึ่ง หากหลังจากนี้มีอันใดเสียใจภายหลังจนไม่บอกข้า ข้าจะไม่เสียเปรียบหรือ” หานลี่ใจเต้น แต่สิ่งที่แสดงออกมากลับเป็นเพียงส่ายหน้า

 

 

“ยามที่เจ้าจับข้า เดิมข้าก็มีแผลอยู่แล้ว ยามนี้ต่อให้ไม่ตกอยู่ในมือเจ้า ก็ต้องถูกผู้อื่นจับเป็นไปในอีกไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นจึงไม่มีความแค้นอันใดกับเจ้า ข้าไม่มีทางเอาจิตวิญญาณดั้งเดิมส่วนเล็กๆ ของตนเองมาล้อเล่นกับร่างที่ไม่มีประโยชน์หรอก ถึงอย่างไรเสียผู้ใดจะรู้ว่าหากจิตวิญญาณดั้งเดิมที่ชำรุดเข้าสู่วัฏสงสาร จะเกิดปัญหาอันใดหรือไม่” เห็ดเซียนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม

 

 

หานลี่ลูบใต้คางไปมา แล้วพิจารณาเห็ดเซียนตรงหน้าสองสามแวบ ฉับพลันนั้นก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม : “เยี่ยม เอาตามที่เจ้าว่า ทำเช่นนั้นเถิด”

 

 

“เจ้าจะตอบรับง่ายๆ เช่นนี้หรือ?” เห็นหานลี่ตอบรับอย่างสบายใจ เห็ดเซียนกลับตกตะลึง แล้วเห็ดสีหน้าประหลาดใจออกมา

 

 

“อันใด สหายมีวิธีที่ดีกว่าหรือ?” มุมปากของหานลี่เผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมา

 

 

“ไม่มี ข้ายังนึกว่าแม้ว่านายท่านจะตอบรับเรื่องนี้ก็ยังต้องขบคิดอีกนาน” เห็ดเซียนเอ่ยอย่างแช่มช้า

 

 

“มีอันใดให้คิดมาก ความจริงแล้วจับนายท่านได้ เดิมก็เป็นเรื่องน่าตกตะลึงแล้ว เหตุใดข้าต้องขบคิดให้มากมายด้วย” หานลี่เอ่ยอย่างมีเลศนัยเมื่อได้ยินคำนี้ของหานลี่ เห็ดเซียนก็หน้าเปลี่ยนสี แต่ไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา

 

 

“เอาละ เจ้าสำแดงเคล็ดวิชาลับแยกจิตวิญญาณดั้งเดิมต้องใช้เวลาเท่าใด อย่าบอกข้าว่าต้องใช้เวลายี่สิบสามสิบปีหรือแม้กระทั่งร้อยปีหรอกนะ” หานลี่เอ่ยถามอีกครั้ง

 

 

“แน่นอนว่าไม่อาจใช้เวลานานขนาดนั้นได้ แต่เวลาที่เสียไปก็ไม่สั้นนัก น่าจะภายในเวลาหนึ่งปีถึงจะสำแดงเคล็ดวิชาลับนี้สำเร็จ แต่ในระยะเวลานี้เจ้าจำต้องถอนเขตอาคมในร่างข้าออกส่วนหนึ่ง” เห็ดเซียนมีสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก

 

 

“หนึ่งปี ได้ ให้เวลาเจ้าได้ และจะถอนอาคมในร่างเจ้าครึ่งหนึ่ง แต่นายท่านอย่าคิดเรื่องอื่นจะดีกว่า ข้าทำเช่นนี้เขตอาคมที่เหลืออยู่ก็จะลึกลับมากขึ้น หากเจ้าหนีได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้แซ่หานก็จะยอมรับว่าโชคร้ายเอง” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ

 

 

“ก่อนข้าถูกจับ บาดแผลในร่างยังไม่ถ่ายดี ยามนี้จึงไม่อาจฝืนระงับมันได้มากนัก ไหนเลยจะมีแรงหนีอีก” เห็ดเซียนได้ยินกลับหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา

 

 

หานลี่ได้ฟังคำนี้พลันหัวเราะหึๆ ออกมาไม่ได้เอ่ยอันใด แต่นิ้วพลันร่ายอาคม ลูกไฟสีทองและเงินสองลูกบินออกมาจากแขนเสื้อ

 

 

เห็ดเซียนเห็นเช่นนั้น รูม่านตาพลันเปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ จ้องเขม็งไปด้วยความฉงนสงสัย

 

 

เห็นเพียงลูกไฟสองลูกเป็นแมลงเกราะทองและวิหคเพลิงสีเงินขนาดจิ๋ว

 

 

ทั้งสองมีขนาดเท่าหัวแม่มือ เปล่งแสงระยิบระยับ ราวกับสร้างขึ้นจากทองคำและเงินบริสุทธิ์

 

 

“แมลงกลืนทอง”

 

 

วิหคเพลิงสีเงินนั้นก็ช่างเถิด เห็ดเซียนเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของแมลงเกราะสีทอง พลันหน้าถอดสี

 

 

“อ๋อ นายท่านเองก็รู้จักแมลงวิญญาณชนิดนี้ เช่นนั้นละก็ยิ่งดีใหญ่ สหายรู้จักความร้ายกาจของแมลงตัวเอง คิดดูแล้วก็น่าจะไม่มีความคิดอันใดอีก” หานลี่หัวเราะอย่างแผ่วเบาออกมา ยกมือขึ้นชี้ไปที่แมลงกลืนทองและวิหคเพลิงสีเงิน

 

 

ชั่วขณะนั้นทั้งสองลอยไปหาเห็ดเซียน

 

 

สีหน้าของเห็ดเซียนเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง

 

 

ความร้ายกาจของแมลงกลืนทอง มันจะไม่รู้ได้อย่างไร ตัวที่ยังไม่โตเต็มวัยตรงหน้า หากไม่ถูกกักไว้ในร่าง เกรงว่ามันคงคิดหนีไปตั้งนานแล้ว

 

 

แม้ว่าอีกฝ่ายจะทลายวิหคเพลิงสีเงินที่กลายเป็นเปลวเพลิงอีกลูกหนึ่งได้ แต่ปล่อยออกมาพร้อมกับแมลงกลืนทองได้ คิดดูแล้วแม้ว่าระดับความน่ากลัวจะเทียบไม่ได้ แต่ก็คงไม่ต่างกันเท่าใดแน่

 

 

ทว่ามองเห็นทั้งสองสิ่งมาอยู่ที่มุมปาก เห็ดเซียนแค่ขบคิดเล็กน้อยก็กัดฟันอ้าปากออก

 

 

ชั่วขณะนั้นแมลงเกราะทองและวิหคเพลิงสีเงินก็เปล่งแสงสว่างวาบ จมหายเข้าไปในปากของเขาพร้อมกัน

 

 

หานลี่ฉีกยิ้มน้อยๆ มือหนึ่งตะปบไปทางร่างของเห็ดเซียน

 

 

เสียงแหวกอากาศดัง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น เส้นไหมสีเงินยี่สิบสามสิบสายบินออกมาจากร่างของเห็ดเซียน แค่เปล่งแสงสว่างวาบก็จมหายไปในแขนเสื้อของเขาอย่างไร้ร่องรอย

 

 

จากนั้นเสียงบริกรรมคาถาพลันดังขึ้น หมอกลำแสงหลากสีสันพวยพุ่งออกมาจากร่างของเห็ดเซียน กลายเป็นยันต์วิเศษห้าสีสลายหายไปกลางอากาศ

 

 

เมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นแววตาของเห็ดเซียนพลันมีลำแสงสีเงินไหลวนโคจร ลำแสงสีม่วงที่ผิวเจิดจรัสขึ้นมาในพริบตา และสีเขียวมรกตบนใบหน้าก็อ่อนแสงลงครึ่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นหนวดสีม่วงตรงแขนขาทั้งสี่ก็พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะเป็นแขนขาเหมือนคนธรรมดาอย่างไรอย่างนั้น

 

 

“จุ๊ๆ คู่ควรกับที่เป็นสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินจริงๆ แม้ว่าก่อนหน้าจะได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนั้น ยามนี้ก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้เองถึงขั้นนี้” หานลี่หัวเราะร่าออกมา

 

 

“ที่นี่มีสวนสมุนไพรสินะ ข้าจะฝังรากลงไปในสวนสมุนไพรของเจ้าก่อน เช่นนั้นละก็จะได้อาศัยยืมไอวิญญาณของสมุนไพรวิญญาณอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียง เพื่อสำแดงเคล็ดวิชาลับแยกจิตวิญญาณดั้งเดิมได้เร็วขึ้นสักหน่อย” เห็ดเซียนกลับเอ่ยซักถามขึ้นมาตรงๆ เสียเลย

 

 

“สวนสมุนไพรนั้นแน่นอนว่ามีอยู่แล้ว สหายตามข้ามาเถิด” คำพูดของเห็ดเซียนกลับอยู่ในความคิดของหานลี่ ทันใดนั้นจึงตอบพร้อมกับพยักหน้า

 

 

หากเห็ดเซียนตัวนั้นอาศัยอยู่ในสวนสมุนไพร แน่นอนว่าย่อมสามารถออกคำสั่งให้ ‘หวาหวา’ คอยจับตาดูอยู่ข้างๆ ได้ ถึงอย่างไรเสียพลังของเห็ดเซียนก็ไม่ได้สูงมากนัก ประกอบกับได้รับบาดเจ็บและถูกร่ายอาคมกักไว้ในถ้ำพำนัก จากพลังยุทธ์ระดับหลอมสุญตาขั้นต้นของหวาหวา ย่อมดูแลได้แน่

 

 

เมื่อขบคิดเช่นนั้นหานลี่ก็หยัดกายลุกขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นพลันโบกมือ ลำแสงสีเขียวม้วนวนพุ่งออกมา เก็บขวดและกระป๋องด้านหน้าไปจนเกลี้ยง

 

 

ในเวลาเดียวกันพื้นผิวของประตูหินของห้องลับพลันเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ แล้วค่อยๆ เปิดออกอย่างช้าๆ

 

 

ทันใดนั้นหานลี่พลันสาวเท้ายาวๆ ล่วงหน้าออกไป

 

 

หลังจากเห็ดเซียนครุ่นคิดเล็กน้อยก็ตามไป

 

 

เมื่อเดินออกจากประตูหิน ด้านนอกด้านหนึ่งกลับมีหญิงสาวที่มีใบหน้าไร้ความรู้สึกยืนอยู่เงียบๆ คนหนึ่ง มีไอเย็นเยือกแผ่ออกมาจางๆ นั่นคือหุ่นเชิดสะท้านฟ้าที่ถูกหานลี่ใช้จิตสัมผัสเรียกออกมา ‘หวาหวา’

 

 

เมื่อเห็นหานลี่ออกมาหญิงสาวก็ค้อมตัวลงในทันใดและหยัดตัวขึ้นด้วยสีหน้าแข็งทื่อ

 

 

หานลี่พยักหน้าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาก็สาวเท้าตรงไปยังสวนสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้า

 

 

จากระดับความน้อยนิดของถ้ำพำนักในเมืองเมฆาแน่นอนว่าสวนสมุนไพรของหานลี่จึงไม่ใหญ่นัก มีขนาดแค่สองสามร้อยจั้งเท่านั้น

 

 

แต่เมื่อเห็ดเซียนเดินตามหานลี่มาถึงประตูสวน กลับเอ่ยด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ

 

 

“ไม่เลว! แม้ว่าที่นี่จะไม่ใหญ่นัก แต่ก็มีไอวิญญาณเข้มข้น สหายเลือกสถานที่ดีจริงๆ”

 

 

“หึๆ ข้าไม่ได้เลือกสถานที่ดีอันใดหรอก แต่ไอวิญญาณของภูเขาวิญญาณทั้งลูกนั้นไม่เลวต่างหาก นายท่านหาที่ฝังรากลงเถิด” หานลี่กลับเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ

 

 

“งั้นหรือ เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” เห็ดเซียนพยักหน้าทันที ร่างกายพลิ้วไหวชิงมาอยู่ตรงหน้าของหานลี่และเดินไปยังส่วนลึกของสวนสมุนไพรอย่างตามอำเภอใจ

 

 

มุมปากของหานลี่กระตุกแล้วเดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน หวาหวาเองก็ตามอยู่ด้านหลังเองอย่างเงียบเชียบ

 

 

เห็ดเซียนเดินไปพลาง สายตาก็กวาดไปมองส่วนต่างๆ ของสวนสมุนไพรไม่หยุดไปพลาง ผลคือแค่ผ่านไปชั่วครู่ใบหน้าของเขาก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

 

 

สมุนไพรวิญญาณเต็มสวนนี้ไม่ต้องพูดถึงระดับความหายากของมัน คาดไม่ถึงว่ากว่าครึ่งในนั้นล้วนมีอายุหมื่นปีขึ้นไป ส่วนที่เหลือพันปี สองสามร้อยปีก็มีอยู่มากมาย

 

 

ทั้งสวนสมุนไพรกลับมีกลิ่นยาเข้มข้น หากคนธรรมดาลอยอยู่ในสวนสมุนไพรนี้ชั่วครู่ แม้ว่าจะไม่อาจพูดได้ว่าอายุขัยจะเพิ่มขึ้นทันที แต่ก็อาจจะรักษาโรคได้สารพัดโรค

 

 

เห็ดเซียนตกตะลึงไปเล็กน้อยในใจมีความคิดอยากสำรวจทั้งสวนสมุนไพรรอบหนึ่ง ดังนั้นแม้ว่าจะผ่านใจกลางของสวนสมุนไพรมาก็ยังคงเดินไปข้างหน้าต่อ

 

 

หานลี่เห็นสถานการณ์นี้อยู่ด้านหลัง แค่ตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ

 

 

สวนสมุนไพรเล็กเช่นนี้ หลังจากผ่านไปชั่วครู่เห็ดเซียนก็เดินไปตามทางเล็กๆ ตรงกลางและมาถึงสุดอีกด้านของสวนสมุนไพร

 

 

แต่ในยามนั้นเงาสีขาวพลันเปล่งแสงสว่างวาบของขนาดครึ่งฉื่อกระโดดออกมาจากสมุนไพรด้านข้าง

 

 

จากนั้นพลันบิดกายกระโดดเข้าไปในถนนเล็กๆ อีกด้านของสวนสมุนไพร

 

 

เป็นกระต่ายหยกสีขาวบริสุทธิ์

 

 

นั่นคือจิตวิญญาณดั้งเดิมของโสมวิญญาณสลับฟันปลาที่แปลงเป็นกระต่ายขาวต้นนั้น

 

 

“นี่คือ?” เห็ดเซียนเห็นกระต่ายหยกตัวนี้ชัดเจน ร่างกายสั่นเทา ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้งใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนดีใจ

 

 

“เหตุใดสหายถึงตกใจเพียงนี้หรือก่อนหน้านี้ไม่เคยพบผู้ที่แปลงกายได้เช่นเดียวกันหรือ?” หานลี่กลับประหลาดใจไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยอย่างแปลกใจอยู่ด้านหลัง

 

 

“แน่นอนว่าเปล่า ปกติแล้วพวกเราจะซ่อนตัวอยู่ในที่ที่รกร้างและอันตราย” ในเวลาเดียวกันก็พบจุดที่โสมวิญญาณสลับฟันปลาฝังร่างเอาไว้ จิตวิญญาณดั้งเดิมของมันกลายเป็นกระต่ายขาวกำลังหมอบแทะรากที่มาจากส่วนใดของสวนสมุนไพรก็สุดจะรู้ได้ พลางกัดไปคำใหญ่เมื่อมันเห็นหานลี่และพวกมาก็แค่กวาดสายตาที่ดูเหมือนศิลาสีแดงไปแวบหนึ่งอย่างไม่สนใจ แล้วกัดกินสิ่งที่อยู่ในปากต่อท่าทางเหมือนไม่มีผู้ใดอยู่ตรงนั้น

 

 

ท่าทางหวาดกลัวดุจหนูที่เคยแสดงออกต่อหน้าหานลี่ในยามนี้ไม่พบเห็นเลยสักนิด

 

 

หานลี่เห็นเช่นนั้นก็ลูบหน้าผากอดที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้