เห็ดเซียนที่อยู่ด้านข้างเห็นฉากนี้กลับมีสีหน้าอ่อนโยนเป็นพิเศษ ฉับพลันนั้นพลันก้าวไปข้างหน้ามือหนึ่งตะปบไปกลางอากาศทางกระต่ายขาว 

 

 

ลำแสงสีม่วงบินออกมาจากมือ ชั่วครู่ก็ม้วนเอารากที่อยู่บนพื้นพร้อมกับกระต่ายขาวขึ้นมาอยู่ตรงหน้า 

 

 

กระต่ายขาวที่อยู่ในม่านลำแสงยังคงกินเจ้าสิ่งนั้นไม่หยุด ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยสักนิด 

 

 

หลังจากเห็ดเซียนจ้องเขม็งไปยังกระต่ายขาวชั่วครู่ แววตาพลันเปล่งประกาย ยกมือขึ้นลูบไปทางไปในม่านลำแสงอย่างอดไม่ได้ 

 

 

แต่ไม่รอให้นิ้วของเขาสัมผัสกับขนปุกปุยของกระต่ายขาว ผิวของกระต่ายตัวนี้ก็เปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นเงาสายหนึ่งหายวับไป 

 

 

ครู่ต่อมากระต่ายขาวพลันปรากฏขึ้นบนพื้นดินอีกครั้ง แต่ขาหลังของมันกลับเหยียดตรง ขนสีขาวหิมะทั่วร่างก็ลุกชันขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่เห็ดเซียนไม่หยุด 

 

 

เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนไหวของเห็ดเซียนทำให้สมุนไพรวิญญาณต้นนี้โกรธเกรี้ยวขึ้นมา 

 

 

เห็ดเซียนเห็นเช่นนี้กลับหัวเราะ กลิ่นอายบนร่างเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกันลำแสงสีม่วงบนผิวกายก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต 

 

 

ไอวิญญาณไม้หนาแน่นแผ่ออกมาจากร่างของมัน 

 

 

กระต่ายขาวที่เดิมแยกเขี้ยวกางเล็บสัมผัสกับไอวิญญาณนี้ก็ตกตะลึง ปลายจมูกสีชมพูดมฟุดฟิด คาดไม่ถึงว่าสีหน้าจะผ่อนคลายลง แม้กระทั่งสายตาที่มองไปยังเห็ดเซียนก็ยังเปลี่ยนเป็นสนิทสนมขึ้นหลายส่วน 

 

 

“เจ้าตัวน้อย มานี่เถิด” เห็ดเซียนตบมือใช้มือหนึ่งเรียกกระต่ายขาว 

 

 

กระต่ายขาวดูเหมือนจะฟังคำพูดของเห็ดเซียนออกจริงๆ หลังจากลังเลเล็กน้อยสองขาก็ถีบตัวออกไป คาดไม่ถึงว่าจะกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของเขาจริงๆ 

 

 

เห็ดเซียนพลันดีใจยกใหญ่ ยื่นมือออกไปลูบหัวของกระต่ายขาวอย่างระมัดระวัง ท่าทางดีใจเป็นอย่างยิ่ง 

 

 

กระต่ายขาวหยีตาทั้งสองข้างลง เผยท่าทางพึงพอใจออกมาและแลบลิ้นเล็กๆ สีชมพูออกมาเลียนิ้วของเห็ดเซียน 

 

 

“เอาละๆ ดูแล้วมันใกล้จะได้เบิกเนตรแล้ว สหายหานในเมื่อพวกเดียวกับข้าเคลื่อนไหวอย่างอิสระอยู่ในสวนสมุนไพรของเจ้าได้ ก็เห็นได้ชัดว่าปกติแล้วเจ้าเอ็นดูมันมาก ถ้าเป็นเช่นนี้ข้าจะทำให้สติปัญญาของมันพัฒนาขึ้นอีกระดับ และถ่ายทอดความรู้ให้มันสักหน่อย เจ้าไม่มีความคิดเห็นอะไรสินะ!” เห็ดเซียนลูบกระต่ายขาวในอ้อมกอดไปพลางหันหน้ามาเอ่ยกับหานลี่อย่างจริงจัง 

 

 

“ช่วยมันเบิกเนตร?” หานลี่ตกตะลึงไปเล็กน้อย เผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา 

 

 

“ใช่แล้ว ข้าเป็นสมุนไพรวิญญาณที่บรรลุแล้วจึงมีอิทธิฤทธิ์และรู้จักเคล็ดวิชาอยู่บ้าง และมีเพียงพวกเดียวกันถึงเพียงจะถ่ายทอดไปได้ วันข้างหน้ามันจะได้ไม่ต้องเดินอ้อมไปมา หากเจ้าตัวนี้สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้เหมือนข้า วันข้างหน้าก็คงมีประโยชน์ต่อสหายไม่น้อย” แววตาของเห็ดเซียนพลันเปล่งประกาย พลางเอ่ยอย่างเชื่องช้า 

 

 

“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไรกับมันก็ต้องให้หุ่นเชิดของข้าคอยดูอยู่ด้วย และยิ่งไปกว่านั้นวันข้างหน้าหุ่นเชิดตัวนี้จะติดตามเจ้าไม่ห่างกาย” หลังจากที่หานลี่จ้องเขม็งไปที่เห็ดเซียนชั่วครู่ ในที่สุดก็พยักหน้าแต่เอ่ยเงื่อนไขของตัวเองออกมา 

 

 

“ย่อมไม่มีปัญหา สิ่งที่ข้าทำไม่ใช่ความลับอันใด” เห็ดเซียนเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา 

 

 

“งั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ในหนึ่งปีนี้นายท่านก็พักผ่อนอย่างสงบอยู่ที่นี่เถิด หากมีอะไรก็บอกหุ่นเชิดตัวนี้ได้เลย” หานลี่เอ่ยเสร็จก็พลิกฝ่ามือกวักเรียกไปด้านหลัง 

 

 

ชั่วขณะนั้น ‘หวาหวา’ ที่อยู่ด้านหลังพลันก้าวมาข้างหน้าแล้วเดินมาอยู่ด้านข้าง 

 

 

“ตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าก็ติดตามสหายเห็ดเซียนไป ห้ามห่างกายแม้แต่น้อย” หานลี่ออกคำสั่งอย่างเข้มงวด 

 

 

แม้ว่าหุ่นเชิดสะท้านฟ้าตัวนี้จะมีสติปัญญาไม่สูงส่ง แต่คำสั่งง่ายๆ เหล่านี้แน่นอนว่าย่อมฟังเข้าใจ 

 

 

แววตาของหวาหวาเปล่งประกายสองครั้งแล้วพยักหน้าด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก 

 

 

เห็ดเซียนเห็นเช่นนี้กลับหัวเราะออกมาเบาๆ สะบัดข้อมือข้างหนึ่ง หมอกสีม่วงม้วนวนออกมาส่งกระต่ายขาวออกจากอ้อมกอดลงบนพื้นอย่างนุ่มนวล 

 

 

ร่างของมันพลิ้วไหวปรากฏอยู่ห่างจากโสมวิญญาณสลับฟันปลาสองสามจั้ง สองเท้าแยกออกเรือนกายมีลำแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ แขนขาทั้งสี่กลายเป็นสีม่วงอ่อนอีกครั้ง และทะลวงเข้าไปในใต้ดิน 

 

 

และในยามนี้เองร่างของเห็ดเซียนก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตเปล่งแสงสีเขียวมรกตเจิดจ้าออกมา… 

 

 

หานลี่ยืนอยู่ที่เดิม รอจนเห็ดยักษ์สีม่วงสูงขึ้นสองสามจั้งปรากฏขึ้นตรงหน้าและนำรากทั้งหมดฝังลึกลงไปใต้ดินเท่าใดก็สุดจะรู้ได้ ถึงได้หันกายมาพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ แล้วออกจากสวนสมุนไพร 

 

 

แม้ว่าเขาจะสนใจประโยชน์อันลึกลับของเห็ดเซียนตัวนี้ แต่ยามนี้กลับต้องออกจากถ้ำพำนักไปก่อนสักรอบ 

 

 

วันที่เซียนเซียนและเขานัดกันที่จะซ่อมแซมเกราะมารเหนือฟ้าใกล้จะมาถึงแล้ว 

 

 

เขารู้สึกรอคอยเกราะมารนี้เช่นกัน 

 

 

ทว่าเพื่อความระมัดระวังยามที่หานลี่ออกจากถ้ำพำนักก็ปล่อยอสูรเกล็ดมิคาทนและจิตวิญญาณดั้งเดิมที่สองไว้ในถ้ำพำนัก เปิดใช้เขตอาคมในถ้ำพำนักทั้งหมดแล้วถึงได้ออกไปอย่างวางใจ 

 

 

หลังจากผ่านไปสองสามชั่วยามเขาก็โดยสารรถอสูรคันหนึ่งมาปรากฏตัวที่ด้านหน้าร้านของหญิงสาวเผ่าผลึก 

 

 

ประตูของร้านค้ายังคงปิดสนิท ท่าทางเหมือนจะยังไม่เปิดต้อนรับลูกค้า 

 

 

หานลี่เองก็ยกมือข้างหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ ในแขนเสื้อมีลำแสงสีเพลิงปรากฏขึ้นชั่วขณะนั้นเพลิงลำแสงพลันบินออกมาเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในประตูอย่างไร้ร่องรอย 

 

 

จากนั้นเขาก็รออยู่ด้านนอกประตูอย่างเงียบๆ 

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ประตูใหญ่ก็เปล่งเสียง “แอ๊ด” เปิดออก ด้านในมีเสียงนุ่มนวลของหญิงสาวเผ่าผลึกดังออกมา 

 

 

“พี่หานช่างรักษาสัญญาจริงๆ เพิ่งจะครึ่งเดือนก็มาหาแล้ว” 

 

 

“ผู้แซ่หานเองก็ร้อนใจอยากซ่อมแซมเกราะมาร จึงใจร้อนไปหน่อยหวังว่าท่านเซียนจะไม่ถือสา!” หานลี่หัวเราะฮ่าๆ และสาวเท้าเดินเข้าไป 

 

 

ส่วนประตูใหญ่ก็พลิ้วไหวเล็กน้อยและปิดลงโดยอัตโนมัติ 

 

 

ภายในร้านค้าหญิงสาวผู้งดงามและอ่อนโยนคนหนึ่งกำลังมองมาทางหานลี่ด้วยรอยยิ้ม 

 

 

นั่นก็คือเซียนเซียนนั่นเอง  

 

 

หญิงสาวผู้นี้เห็นหานลี่ลงมาก็เม้มปากไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา มือหนึ่งร่ายอาคมชั่วขณะนั้นก็กระตุ้นเขตอาคมส่งตัว 

 

 

เห็นเพียงม่านลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบหานลี่และสตรีผู้นี้หายวับไปพร้อมกันจากกลางร้าน ถูกส่งตัวไปที่รอยแยกมิติเวลาหญิงสาวเผ่าผลึก 

 

 

เมื่อเท้าของหานลี่เดินออกจากเขตอาคมก็กวาดสายตาไปหยุดอยู่มุมหนึ่งกลางอากาศ 

 

 

ตรงนั้นมีเขตอาคมขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางสิบจั้งเศษติดตั้งอยู่ เป็นสีดำสนิทดุจน้ำหมึกรอบด้านมีผลึกหินสีดำเช่นเดียวกันสิบหว่าก้อนฝังอยู่ 

 

 

ตรงใจกลางเขตอาคมมีหม้อสัมฤทธิ์สีเขียวใบหนึ่งสูงครึ่งจั้งผิวของมันมีอักขระสลักอยู่อย่างซับซ้อน มีหมอกสีขาวแผ่ออกมาจางๆ 

 

 

กลางอากาศเหนือหม้อสัมฤทธิ์ขึ้นไปสองสามฉื่อมีสิ่งหนึ่งถูกหมอกสีขาวบางๆ ห่อหุ้มเอาไว้ขนาดเท่ากำปั้นแผ่แสงสีดำเจิดจ้าออกมาและลอยอยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน 

 

 

หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้สองตาก็อดที่จะหรี่ลงไม่ได้ 

 

 

แม้ว่ารูปร่างของของที่อยู่ในหม้อจะเปลี่ยนแปลงไปแต่ไอมารเย็นเยียบที่แผ่ออกมา กลับไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด เป็นแกนมารระดับศักดิ์สิทธิ์ของวานรมารตัวนั้น 

 

 

แต่ยามนี้แกนมารมีสีสันแวววาวแล้ว ราวกับว่าเป็นผลึกวารีสีดำก้อนหนึ่ง 

 

 

“สหายคิดว่าอย่างไร ช่วงนี้ข้าก็ไม่ได้พักเลย เสียแรงไปมากแถมยังทุ่มเทวัตถุดิบล้ำค่าไปไม่น้อยถึงได้กำจัดร่องรอยของวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ในแกนมารได้ และไอมารที่แฝงอยู่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเกินยากจะควบคุม” หลังจากเดินออกมาจากเขตอาคมส่งตัวเช่นเดียวกันเซียนเซียนก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม 

 

 

“อ๋อ เช่นนี้ท่านเซียนเซียนก็ไม่ได้คิดจะฝังแกนมารทั้งหมดเข้าไปในเกราะมารสินะ แต่เตรียมจะหลอมมันให้หมดแทน” หานลี่ลูบใต้คางพลันเอ่ยถาม 

 

 

“คิดไม่ถึงว่าพี่หานเองจะเชี่ยวชาญด้านการหลอมยุทธภัณฑ์ ใช่แล้วน้องหญิงคิดเช่นนั้นจริงๆ การฝังแกนมารลงไปในเกราะมารย่อมสามารถซ่อมแซมร่องรอยที่ใหญ่ๆ ได้ แต่ร่องรอยเล็กๆ กลับทำไม่ได้ พี่หานคงไม่หวังว่าในยามที่ใช้เกราะมารต่อกรกับศัตรูจะเหลือโอกาสงามๆ เอาไว้ให้ศัตรูสินะ” หญิงสาวเผ่าผลึกตกตะลึงเล็กน้อยแต่ปากก็เอ่ยอธิบายออกมา 

 

 

“ในด้านการหลอมยุทธภัณฑ์นั้น ข้าน้อยก็พอรู้มาบ้างเท่านั้น สหายทำตามแผนเดิมเถอะ ข้าน้อยมั่นใจในการหลอมยุทธภัณฑ์ของเผ่าผลึกมาก” หานลี่เอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา 

 

 

“อีกเดี๋ยวยามที่ซ่อมแซมเกราะมาร ข้าน้อยจะเปิดเขตอาคมของมิติเวลานี้ และยิ่งไปกว่านั้นถึงยามนั้นอาจจะต้องให้สหายช่วยอีกแรง เดาว่าหากทุกอย่างราบรื่นสามวันให้หลังก็จะซ่อมแซมสำเร็จ” เมื่อได้เห็นท่าทางถ่อมตัวของหานลี่เซียนเซียนก็ฉีกยิ้มเบิกบานไม่ได้เอ่ยซักไซ้อะไร กับใช้น้ำเสียงนุ่มนวลอธิบายกับหานลี่ 

 

 

“สามวันก็ไม่นับว่ายาว และยิ่งไปกว่านั้นการซ่อมแซมสมบัติของข้าน้อยผู้แซ่หานต้องออกแรง ย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้อยู่แล้ว” หานลี่ไม่มีท่าทีใส่ใจเลยสักนิด 

 

 

“ในเมื่อพี่หานไม่มีข้อขัดแย้งเช่นนั้นพวกเราก็เริ่มกันเถอะ” 

 

 

เซียนเซียนดูเหมือนว่าจะไม่อยากพูดพร่ำอะไรให้เสียเวลาอีก ทันใดนั้นมือเรียวของเซียนเซียนก็ชูขึ้น จากนั้นจานอาคมก็บินออกมาจากฝ่ามือลอยหมุนคว้างอยู่เหนือหัว 

 

 

ม่านลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ อาคมหลากสีสันบินออกมาจากด้านบนเป็นสายๆ เปล่งแสงสว่างวาบและหายวับไปกลางอากาศ 

 

 

ครู่ต่อมากลางอากาศพลันมีพายุก่อตัวขึ้น เมฆสีดำสนิททะลักออกมา ในเวลาเดียวกันกำแพงทั้งสี่ด้านก็เปล่งเสียงคำรามปรากฏไอสีเทาออกมาเป็นชั้นๆ 

 

 

บรรยากาศทั้งหมดเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ด้านหลังมองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า ราวกับตกอยู่ในหุบเขามารโรยอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้กับแววตาเปล่งประกายสว่างวาบ สะบัดแขนเสื้อ ดวงแสงขนาดเท่าไข่ไก่บินออกมาวนล้อมรอบร่างกายของเขาเอาไว้ 

 

 

ทำให้รอบด้านสว่างไสวขึ้นไม่น้อย 

 

 

และในยามนี้เองเซียนเซียนกับเดินนวยนาดไปอยู่ตรงหน้าเขตอาคมขนาดใหญ่ตั้งนานแล้ว 

 

 

หานลี่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ไม่ได้ปริปากใดๆ แต่ร่างกายพลันเคลื่อนไหว 

 

 

ดูเหมือนจะแค่ก้าวอย่างแช่มช้าสองก้าว คนกลับมาปรากฏอยู่ตรงด้านหลังหญิงสาวเผ่าผลึกราวกับเคลื่อนย้ายกายอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

เซียนเซียนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นกับเรื่องนี้ แค่ยกมือขึ้นร่ายอาคมไปยังเขตอาคมตรงหน้าสายหนึ่ง 

 

 

ชั่วขณะนั้นพลันมีเสียงหึ่งๆ เปล่งออกมา จากนั้นลำแสงสีดำสนิทก็หมุนวนเขตอาคมทั้งหมดถูกกระตุ้น 

 

 

หานลี่ชักสีหน้า 

 

 

เขายังมองไม่ออกว่าเขตอาคมนี้มีประโยชน์อันใด แต่จากไอมารที่แผ่ออกมาจากเขตอาคมเป็นระลอกๆ แล้วกลับบริสุทธิ์จริงๆ และไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปรวบรวมไอมารที่บริสุทธิ์แบบนี้มาจากที่ใด 

 

 

และในยามนั้นเองเซียนเซียนพลันบริกรรมคาถา จากนั้นเงากิเลนลวงตาสีเขียวบนร่างก็เริ่มเคลื่อนไหว แผ่นหลังมีเงาลวงตากิเลนสีเขียวสองสามจั้งปรากฏขึ้น 

 

 

ยามแรกเงากิเลนลวงตานั้นไม่ได้เคลื่อนไหว แต่เมื่อคาถาที่หญิงสาวเผ่าผลึกร่ายออกมากระชั้นขึ้นในที่สุดก็ค่อยๆ อ้าปากออกพ่นดวงแสงเพลิงขนาดเท่าศีรษะออกมา 

 

 

ดวงแสงเพลิงนี้แปลกประหลาดมาก คาดไม่ถึงว่าจะมีสีดำและเขียวผสมกัน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปยังหม้อสัมฤทธิ์ตรงใจกลางเขตอาคม 

 

 

เสียง “ฟู่ๆ” ดังขึ้น ผิวของหม้อสัมฤทธิ์มีเปลวเพลิงสีดำเขียวปรากฏขึ้นและลุกไหม้อย่างโชติช่วง