ตอนที่ 611

The Divine Nine Dragon Cauldron

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าซือหยูไม่ใช่ทวีปที่เขาคาดคิดเอาไว้ แต่มันคือรอยฝ่ามือยักษ์ใหญ่ ถ้าหากจะบอกให้ชัดกว่านี้ มันคือฝ่ามือขนาดมหึมาที่น่าเกรงขาม!

 

ดาราครามถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนามองเห็นดินแดนเพียงหนึ่งในสิบ และรูปร่างของทวีปในตอนนี้ก็ไม่ใช่อย่างที่เขาเคยเห็น แต่มันคือรูปร่าของรอยฝ่ามือ

 

ทวีปที่เป็นรอยฝ่ามือลึกมันคือตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักหลักอาณาจักรทมิฬ ส่วนสี่ทิศรอบข้างรอบฝ่ามือนั้นเป็นดินแดนของตำหนักรองทั้งสิ้น

 

ทุ่งหิมะอู่หลงที่อยู่มาเนิ่นนานในนอนเหนือ ดินแดนของพันธมิตรร้อยดินแดน คณะวิหคเพลิง และหอสดับหิมะล้วนอยู่ในเส้นทางของรอบฝ่ามือ

 

ส่วนดัชนีทั้งสี่ท่วมไปด้วยน้ำทะเล แต่มีเพียงส่วนเล็กๆที่เผยออกมา ส่วรที่เผยออกมาส่วนมากคือเกาะที่กระจัดกระจาย เกาะเฉินยี่เองเป็นเพียงเกาะเล็กๆเหนือนิ้วชี้

 

ภาพอันน่าตกตะลึงทำให้ซือหยูหวาดวิตก ทวีปเฉินหลงในตอนนี้ได้กลายเป็นเพียงรอยฝ่ามือมหึมา

 

ทวีปเฉินหลงที่เขาเคยรู้จักไม่ควรจะมีรูปร่างเช่นนี้ มันจะต้องเกิดขึ้นเพราะถูกฝ่ามือประหลาดที่ตบลงมา เขาคิดถึงรอยฝ่ามือที่คล้ายกันมากมายแบบนี้ในเกาะเฉินยี่ เขาจำมันได้แล้ว

 

อารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองนับไม่ถ้วนถูกฝ่ามือเช่นนี้ทำลายมาก่อน ซือหยูสงสัย…

 

ทวีปเฉินหลงเองก็เคยถูกฝ่ามือนี้ทำลายรึ?

 

ฝีมือใครกัน? ใครกันที่มีพลังน่าเกรงขามเช่นนี้?

 

คำตอบนั้นค่อนข้างชัดเจน มันจะต้องเป็นฝีมือของอสูรเนรมิตรที่มีพลังน่ากลัว

 

ซือหยูที่ตกตะลึงยังมีคำถามที่ไร้คำตอบมากมาย เขาถูกลำแสงสีเงินดึงตัวไป เขาตกไปที่ลานประลองลับสวรรค์

 

เมื่อถึงที่นั่น ฝุ่นควันพวยพุ่งขึ้นมาเต็มไปหมด ซือหยูปัดแขนเสื้อและพบว่ามีบางอย่างแปลกไป มันคงไม่แปลกถ้าจะไม่มีใครอยู่ที่นี่เพราะเขากลับมาช้า แต่ลานประลองที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะเช่นนี้ต่างหากที่แปลก ราวกับว่าไม่มีมาเหยียบที่นี่มากกว่าสองปี!

 

มันคือความแตกต่างของการไหลเวียนเวลารึ? ซือหยูคุ้นเคยกับพลังควบคุมเวลา เขาจึงเข้าใจปรากฏการณ์แปลกๆนี้ได้อย่างรวดเร็ว

 

“ไม่คิดเลยว่าความต่างของเวลาในสองดินแดนจะมากกว่าสิบเท่า!”

 

ซือหยูพูดอย่างไม่รู้คัว

 

“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จากทวีปเฉินหลงมามากกว่าสองปีแล้วสิ!”

 

ซือหยูรู้สึกว่าได้แยกจากโลกเฉินหลงมาหนึ่งชั่วอายุคน! เขาคิดหนัก…

 

พลังชีวิตที่เหลือไว้ให้เจ้าตำหนักหลิงเพียงพอที่จะให้เขามีชีวิตรอดได้แค่ครึ่งปี และตอนนี้ผ่านไปแล้วสองปี อย่าบอกนะว่า…

 

ซือหยูดึงสติกลับมา หัวใจของเขาเต้นแรง เขาแตะพื้นด้วยปลายเท้าและผ่านประตูมิติกลับสู่เฉินหลง

 

หลังจากที่ผ่านมิติกลับมา เขาพบว่าตัวเองอยู่ในยอดเขากว้างใหญ่ เมื่อก้มลงมองจะพบขุนเขาและแม่น้ำรอบตัว ซือหยูไม่มีเวลาจะชมความงามของสิ่งนี้ และเมื่อเขาจะบินก็มีเสียงสร้อยหยกดังขึ้นมา

 

เขาตกใจมาก เขาก้มลงมองไปยังทิศทางของเสียง เขาเห็นสร้อยหยกถูกวางอยู่บนยอดเขา มันเริ่มดังขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังมนุษย์!

 

เขาหยิบมันขึ้นมาทำลาย หมอกได้ไหลออกมาก่อตัวเป็นภาพของสตรีที่งดงามราวกับนางไม้!

 

เซี่ยจิงหยูรึ? เจ้าทิ้งมันเอาไว้รึ? ซือหยูแปลกใจ เขาได้ยินเสียงของผู้หญิงดังออกมา

 

“พี่หยู ถ้าพี่เจอข้อความที่ข้าทิ้งเอาไว้ จงรีบออกไปหาที่ซ่อน! อย่าปรากฏตัวออกมา ทวีปเฉินหลงตกอยู่ในมือศัตรูแล้ว…”

 

นางหยุดพูดไปกลางคัน เสียงของนางแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

 

เขาได้ยินเสียงตามมา

 

“ตามนังผู้หญิงนั่นไป ถ้ากล้ากลับมาที่นี่ลาะก็! ฮ่าๆๆๆ คืนนี้เราจะได้สนุกกัน!”

 

แกร๊ก!

 

สร้อยหยกแตกในมือของเขา ซือหยูร้อนรนใจ เขาเห็นคนที่กำลังไล่ล่าเซี่ยจิงหยูอย่างชัดเจน!

 

เกิดอะไรขึ้น? ใครกันในทวีปเฉินหลงที่กล้าหยามราชาแห่งความมืดได้เช่นนี้?

 

แล้วนางหมายความว่าอะไรกัน? ทวีปเฉินหลงตกอยู่ในมือศัตรูมันคืออะไร? แล้วตอนนี้นางจะเป็นอย่างไรบ้าง? นางจะถูกจับตัวไหม?

 

ซือหยูที่เพิ่งกลับมาเต็มไปด้วยความกังวล จู่ๆเขาก็คิดได้ถึงคำเตือนของราชาปีศาจที่บอกก่อนจะไปจิวโจว เขาบอกให้ซือหยูรีบออกจากเฉินหลงเพราะจะมีอันตรายใกล้เข้ามา!

 

เขารู้ว่าทวีปเฉินหลงจะต้องเผชิญหน้ากับภัยครั้งใหญ่นี้รึ?

 

ซือหยูเริ่มวิตกกังวล เขาบินขึ้นฟ้าไปยังทิศทางที่ภาพเซี่ยจิงหยูหนีไป

 

“หวังว่าข้าจะไปทันเวลานะ…”

 

สีหน้าของเขาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง

 

ด้วยฐานพลังของซือหยู เขาเดินทางข้ามภูเขาหลายล้านลูกได้ในเวลาไม่กี่อึดใจ และเขาก็ไล่ตามนางมาหลายชั่วยามแล้ว เขาบินไกลเกินกว่าสิบล้านลี้! เขารู้ว่ามันเป็นการหาแบบสุ่มที่เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องลองพยายาม!

 

เคล้ง!

 

เสียงคนต่อสู้กันดังมากับเสียงตะโกนอันอ่อนหวานของสตรีแล่นเข้าหู เขาคุ้นเสียงของผู้หญิงคนนี้ แต่เสียงก็ไม่ชัดนัก เขาไม่แน่ใจว่าเจ้าของเสียงคือใคร

 

นั่นจะใช่เซี่ยจิงหยูไหม? ซือหยูรีบบินไปตามเสียง

 

“ฮ่าๆๆ ดินแดนบ้านนอกที่ถูกปิดกั้นอย่างเฉินหลงก็ยังมีของดีอยู่บ้าง! ไม่เลว!”

 

มีชายไม่กี่คนยืนอยู่ในกลุ่ม ซือหยูรู้จักสองคนในนั้น

 

เขาคือกังต้าเหล่ยที่เพิ่งจะกลับมาจากกระโจมเทพสวรรค์เมื่อห้าวันก่อน ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม นางคือฉีหยุนเซี่ยง

 

สองปีที่เขาไม่เจอนาง ฐานพลังของฉีหยุนเซี่ยงได้เพิ่มขึ้นจากขอบเขตมังกรมาสู่ขอบเขตผู้คุมสวรรค์ การเลื่อนระดับอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เขาประหลาดใจ

 

ฐานพลังของอีกสามคนนั้นอยู่ในขอบเขตผู้คุมสวรรค์เทียบเท่านาง ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะทำภารกิจบางอย่างโดยมีกังต้าเหล่ยเป็นผู้นำ

 

“หึหึหึ ตอนที่เจ้าพูดว่า ‘ของดี’ เจ้าได้พูดถึงพรสวรรค์ของพวกนี้รึเปล่า?”

 

ชายอีกคนที่สวมชุดเกราะสีขาวยิ้มอย่างชั่วร้ายและจ้องมองฉีหยุนเซี่ยง

 

“ฮ่าๆๆๆ ข้าพูดถึงสตรีต่างหาก ถึงนางจะด้อยกว่าคนที่เราไล่ล่าครั้งที่แล้ว นางก็ไม่เลวนัก เราปล่อยนังนั่นหนีไปได้ ฉะนั้นเราจะต้องไม่พลาดคนนี้! เราจะได้มีค่ำคืนดีๆกับคนอื่นบ้างเสียที”

 

ชายชุดเกราะที่พูดคนแรกหัวเราะคิกคัก

 

“เอาเถอะ จัดการไอ้หัวหน้าก่อนที่จะตกลงกัน กึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงอย่างมันถือว่าเป็นยอดฝีมือแห่งทวีป แต่ก็น่าเสียดายที่ต้องมาเจอกับพวกเรา”

 

หนึ่งในชายหนุ่มสองคนพูด ทั้งสองเหลือบมองกันก่อนจะร่วมมือกันจู่โจมกังต้าเหล่ย

 

“ฉีหยุนเซี่ยง พาพวกนั้นหนีไปกับเจ้า ข้าจะต้านพวกมันเอาไว้เอง”

 

กังต้าเหล่ยฉีกผ้าคลุมส่วนบนเผยให้เห็นหัวมังกรที่อัปลักษณ์

 

ภาพอันน่าตกใจทำให้ชายหนุ่มสองคนที่สวมชุดเกราะหวาดกลัว พวกเขาหยุดมือไป

 

ฉีหยุนเซี่ยงใช้จังหวะนี้นำกลุ่มคนหลบหนี

 

“ตามข้ามา! พอไปได้สามลี้ เราจะแยกกันหนีคนละทิศทาง เพราะพวกมันไล่ตามข้าแค่คนเดียว”

 

นางเด็ดเดี่ยวอย่างมากเพราะรู้ดีว่าไม่มีพลังช่วยกังต้าเหล่ย และนางเพิ่งจะทำให้เขาเสียโอกาสหนีเพราะเป็นห่วงนาง

 

แต่นางก็รู้ดีว่าโอกาสที่กังต้าเหล่ยจะหนีได้สำเร็จนั้นเกือบจะไม่มีอยู่เลย นั่นก็เพราะเขาเพิ่งจะเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวง การเผชิญหน้ากับกึ่งภูติสองคนคงเป็นสิ่งที่เขาไม่น่าจะรับมือได้

 

ปั้ง!

 

และก็เป็นดั่งที่นางคาด การปะทะอย่างเข้มข้นจากด้านหลังทำให้นางได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของกังต้าเหล่ย

 

“ข้ากลัวจริงๆนะเนี่ย เจ้ามันเป็นตัวบ้าอะไรกัน?”

 

ชายหนุ่มสองคนร่วมมือกันและตบกังต้าเหล่ยจมไปกับพื้นจนเกิดรอยแยกขนาดใหญ่ กังต้าเหล่ยกระอักเลือดออกมาด้วยความเกลียดชัง

 

“เอ๋? มันอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดอีก ข้าจะไปจับนังผู้หญิงนั่นแล้วฆ่าคนที่เหลือ เจ้าจัดการเจ้านี่ไปซะ”

 

หนึ่งคนพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ

 

“ก็ได้ แต่อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้ล่ะ คืนนี้ข้าอยากจะกอดสาวสวยให้สาแก่ใจ”

 

ชายอีกคนมองแผ่นหลังฉีหยุนเซี่ยงที่กำลังหนี

 

นางมีร่างกายผอมบางที่น่ารัก นางเองยังงดงามดั่งผีเสื้อ ถึงนางจะหนีอย่างไม่คิดชีวิต ท่าทางอันสง่างามและน่าหลงใหลก็มิอาจถูกปิดบังไว้ได้

 

แม้สตรีเช่นนี้จะมิใช่คนที่งดงามที่สุดในโลก นางก็นับว่าเป็นคนที่หายากและทรงเสน่ห์ ดังนั้นมันคงจะเป็นประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ถ้าได้นางอยู่ภายใต้และฟังเสียงครวญครางอันน่าหลงใหล!

 

สาวสวยเอ๋ย เจ้าทำให้ข้าชอบใจจริงๆ ข้าจะต้องได้ลิ้มรสเจ้าในคืนนี้

 

ฟึ่บ!

 

ชายในชุดเกราะกลายเป็นสายลมที่เร็วดั่งสายฟ้า เขาไล่ล่านางและตามนางทันในพริบตา ใบหน้าของฉีหยุนเซี่ยงทั้งโกรธแค้นและละอายใจ ความเศร้าหมองเอ่อล้นออกมา นางจะต้องอดทนกับความอัปยศก่อนที่จะตายจริงๆงั้นรึ

 

เมื่อชายคนนั้นยื่นมือเข้าหานางอย่างตื่นเต้น หมอกสีชมพูดก็ได้ปรากฏออกมา กิเลนน้อยเดินอ้าปากหาวออกมาจากหมอกสีชมพู

 

มันมีเกลบ็ดสีชมพูและเขาที่สง่างาม มันดูน่ารักราวกับสัตว์เลี้ยง ดูเหมือนมันเพิ่งจะตื่นนอน ดวงตากันงดงามสีม่วงสดใสทำให้ชายคนนั้นมองอย่างสงสัย

 

เขาตัวแข็งทื่อขณะที่สงสัยว่าสัตว์อสูรนี้มาจากที่ใด? และเมื่อกลับมาได้สติก็พบว่าโลกตรงหน้ามืดลงเมื่อถูกกีบเท้าของกิเลนน้อยกระทืบบนใบหน้า

 

“อ๊าากกก!”

 

เสียงกรีดร้องดังออกมา เขากระอักเลือดออกมาในทันที ฟันนั้นร่วงออกมาสองซี่!

 

เขากลิ้งไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เพราะกิเลนน้อยที่กระทืบเขานั้นได้กลายร่างเป็นร่างลังในพริบตา แรงโต้กลับจากการปะทะถึงไม่เกิดขึ้นเลย

 

กิเลนน้อยหาวอย่างเกียจคร้าน มันคิดว่ามันกำลังฝันอยู่ เมื่อมองรอบๆเห็นฉีหยุนเซี่ยงก็วิ่งเข้าไปซบอกนาง มันใช้หัวคลุกคลีอยู่กับอกอันอิ่มเอิบของนาง

 

ฉีหยุนเซี่ยงรีบยื่นมือกอดมันเอาไว้ กิเลนน้อยหาวหลายครั้งก่อนจะทิ้งทั้งตัวลงแนบอก ฉีหยุนเซี่ยงยังคงสับสน นางยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่รู้จะทำอะไร

 

สัตว์อสูรประหลาดนี่มาจากไหนกัน? มันน่าอัศจรรย์มากที่กำจัดกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงได้ด้วยการกระทืบครั้งเดียว!

 

“ไอ้สัตว์อสูรนั่นมาจากไหน?”

 

ชายที่โดนกระทืบหน้าไม่พอใจมาก เขาตะโกนเสียงดังโดยไม่หันกลับ

 

“พี่ใหญ่ ทำไมยังจัดการไอ้ขยะนั่นไม่เสร็จอีกเล่า? มีสัตว์อสูรแปลกอยู่ที่นี่ รีบมาช่วยกันเร็ว”

 

เสียงอันเยือกเย็นดังตอบมาจากข้างหลัง

 

“ไม่ต้องห่วง ข้าพามันมาให้เจ้าแล้ว”

 

ชายในชุดเกราะตกตะลึง สีหน้าของเขาหม่นหมอง มีคนอยู่ข้างหลังโดยที่เขาสัมผัสไม่ได้เลย

 

เขาหันไปมองและกลัวจนตัวแข็งทื่อ เขาเห็นชายหนุ่มรูปงามที่มีผมสีเงิน ชายผมสีเงินยืนอยู่ในจุดที่เขาเคยยืนเมื่อครู่

 

เขาแบกคนหนึ่งคนไว้ที่มือแต่ละข้าง หนึ่งในนั้นคือกังต้าเหล่ยที่บาดเจ็บ ส่วนอีกคนเป็นคนของชายในชุดเกราะที่ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่กล้าจะขยับเขยื้อน