สิ่งที่อยู่ตรงหน้าซือหยูไม่ใช่ทวีปที่เขาคาดคิดเอาไว้ แต่มันคือรอยฝ่ามือยักษ์ใหญ่ ถ้าหากจะบอกให้ชัดกว่านี้ มันคือฝ่ามือขนาดมหึมาที่น่าเกรงขาม!
ดาราครามถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนามองเห็นดินแดนเพียงหนึ่งในสิบ และรูปร่างของทวีปในตอนนี้ก็ไม่ใช่อย่างที่เขาเคยเห็น แต่มันคือรูปร่าของรอยฝ่ามือ
ทวีปที่เป็นรอยฝ่ามือลึกมันคือตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักหลักอาณาจักรทมิฬ ส่วนสี่ทิศรอบข้างรอบฝ่ามือนั้นเป็นดินแดนของตำหนักรองทั้งสิ้น
ทุ่งหิมะอู่หลงที่อยู่มาเนิ่นนานในนอนเหนือ ดินแดนของพันธมิตรร้อยดินแดน คณะวิหคเพลิง และหอสดับหิมะล้วนอยู่ในเส้นทางของรอบฝ่ามือ
ส่วนดัชนีทั้งสี่ท่วมไปด้วยน้ำทะเล แต่มีเพียงส่วนเล็กๆที่เผยออกมา ส่วรที่เผยออกมาส่วนมากคือเกาะที่กระจัดกระจาย เกาะเฉินยี่เองเป็นเพียงเกาะเล็กๆเหนือนิ้วชี้
ภาพอันน่าตกตะลึงทำให้ซือหยูหวาดวิตก ทวีปเฉินหลงในตอนนี้ได้กลายเป็นเพียงรอยฝ่ามือมหึมา
ทวีปเฉินหลงที่เขาเคยรู้จักไม่ควรจะมีรูปร่างเช่นนี้ มันจะต้องเกิดขึ้นเพราะถูกฝ่ามือประหลาดที่ตบลงมา เขาคิดถึงรอยฝ่ามือที่คล้ายกันมากมายแบบนี้ในเกาะเฉินยี่ เขาจำมันได้แล้ว
อารยธรรมที่เคยรุ่งเรืองนับไม่ถ้วนถูกฝ่ามือเช่นนี้ทำลายมาก่อน ซือหยูสงสัย…
ทวีปเฉินหลงเองก็เคยถูกฝ่ามือนี้ทำลายรึ?
ฝีมือใครกัน? ใครกันที่มีพลังน่าเกรงขามเช่นนี้?
คำตอบนั้นค่อนข้างชัดเจน มันจะต้องเป็นฝีมือของอสูรเนรมิตรที่มีพลังน่ากลัว
ซือหยูที่ตกตะลึงยังมีคำถามที่ไร้คำตอบมากมาย เขาถูกลำแสงสีเงินดึงตัวไป เขาตกไปที่ลานประลองลับสวรรค์
เมื่อถึงที่นั่น ฝุ่นควันพวยพุ่งขึ้นมาเต็มไปหมด ซือหยูปัดแขนเสื้อและพบว่ามีบางอย่างแปลกไป มันคงไม่แปลกถ้าจะไม่มีใครอยู่ที่นี่เพราะเขากลับมาช้า แต่ลานประลองที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะเช่นนี้ต่างหากที่แปลก ราวกับว่าไม่มีมาเหยียบที่นี่มากกว่าสองปี!
มันคือความแตกต่างของการไหลเวียนเวลารึ? ซือหยูคุ้นเคยกับพลังควบคุมเวลา เขาจึงเข้าใจปรากฏการณ์แปลกๆนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่คิดเลยว่าความต่างของเวลาในสองดินแดนจะมากกว่าสิบเท่า!”
ซือหยูพูดอย่างไม่รู้คัว
“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จากทวีปเฉินหลงมามากกว่าสองปีแล้วสิ!”
ซือหยูรู้สึกว่าได้แยกจากโลกเฉินหลงมาหนึ่งชั่วอายุคน! เขาคิดหนัก…
พลังชีวิตที่เหลือไว้ให้เจ้าตำหนักหลิงเพียงพอที่จะให้เขามีชีวิตรอดได้แค่ครึ่งปี และตอนนี้ผ่านไปแล้วสองปี อย่าบอกนะว่า…
ซือหยูดึงสติกลับมา หัวใจของเขาเต้นแรง เขาแตะพื้นด้วยปลายเท้าและผ่านประตูมิติกลับสู่เฉินหลง
หลังจากที่ผ่านมิติกลับมา เขาพบว่าตัวเองอยู่ในยอดเขากว้างใหญ่ เมื่อก้มลงมองจะพบขุนเขาและแม่น้ำรอบตัว ซือหยูไม่มีเวลาจะชมความงามของสิ่งนี้ และเมื่อเขาจะบินก็มีเสียงสร้อยหยกดังขึ้นมา
เขาตกใจมาก เขาก้มลงมองไปยังทิศทางของเสียง เขาเห็นสร้อยหยกถูกวางอยู่บนยอดเขา มันเริ่มดังขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังมนุษย์!
เขาหยิบมันขึ้นมาทำลาย หมอกได้ไหลออกมาก่อตัวเป็นภาพของสตรีที่งดงามราวกับนางไม้!
เซี่ยจิงหยูรึ? เจ้าทิ้งมันเอาไว้รึ? ซือหยูแปลกใจ เขาได้ยินเสียงของผู้หญิงดังออกมา
“พี่หยู ถ้าพี่เจอข้อความที่ข้าทิ้งเอาไว้ จงรีบออกไปหาที่ซ่อน! อย่าปรากฏตัวออกมา ทวีปเฉินหลงตกอยู่ในมือศัตรูแล้ว…”
นางหยุดพูดไปกลางคัน เสียงของนางแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เขาได้ยินเสียงตามมา
“ตามนังผู้หญิงนั่นไป ถ้ากล้ากลับมาที่นี่ลาะก็! ฮ่าๆๆๆ คืนนี้เราจะได้สนุกกัน!”
แกร๊ก!
สร้อยหยกแตกในมือของเขา ซือหยูร้อนรนใจ เขาเห็นคนที่กำลังไล่ล่าเซี่ยจิงหยูอย่างชัดเจน!
เกิดอะไรขึ้น? ใครกันในทวีปเฉินหลงที่กล้าหยามราชาแห่งความมืดได้เช่นนี้?
แล้วนางหมายความว่าอะไรกัน? ทวีปเฉินหลงตกอยู่ในมือศัตรูมันคืออะไร? แล้วตอนนี้นางจะเป็นอย่างไรบ้าง? นางจะถูกจับตัวไหม?
ซือหยูที่เพิ่งกลับมาเต็มไปด้วยความกังวล จู่ๆเขาก็คิดได้ถึงคำเตือนของราชาปีศาจที่บอกก่อนจะไปจิวโจว เขาบอกให้ซือหยูรีบออกจากเฉินหลงเพราะจะมีอันตรายใกล้เข้ามา!
เขารู้ว่าทวีปเฉินหลงจะต้องเผชิญหน้ากับภัยครั้งใหญ่นี้รึ?
ซือหยูเริ่มวิตกกังวล เขาบินขึ้นฟ้าไปยังทิศทางที่ภาพเซี่ยจิงหยูหนีไป
“หวังว่าข้าจะไปทันเวลานะ…”
สีหน้าของเขาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
ด้วยฐานพลังของซือหยู เขาเดินทางข้ามภูเขาหลายล้านลูกได้ในเวลาไม่กี่อึดใจ และเขาก็ไล่ตามนางมาหลายชั่วยามแล้ว เขาบินไกลเกินกว่าสิบล้านลี้! เขารู้ว่ามันเป็นการหาแบบสุ่มที่เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องลองพยายาม!
เคล้ง!
เสียงคนต่อสู้กันดังมากับเสียงตะโกนอันอ่อนหวานของสตรีแล่นเข้าหู เขาคุ้นเสียงของผู้หญิงคนนี้ แต่เสียงก็ไม่ชัดนัก เขาไม่แน่ใจว่าเจ้าของเสียงคือใคร
นั่นจะใช่เซี่ยจิงหยูไหม? ซือหยูรีบบินไปตามเสียง
“ฮ่าๆๆ ดินแดนบ้านนอกที่ถูกปิดกั้นอย่างเฉินหลงก็ยังมีของดีอยู่บ้าง! ไม่เลว!”
มีชายไม่กี่คนยืนอยู่ในกลุ่ม ซือหยูรู้จักสองคนในนั้น
เขาคือกังต้าเหล่ยที่เพิ่งจะกลับมาจากกระโจมเทพสวรรค์เมื่อห้าวันก่อน ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม นางคือฉีหยุนเซี่ยง
สองปีที่เขาไม่เจอนาง ฐานพลังของฉีหยุนเซี่ยงได้เพิ่มขึ้นจากขอบเขตมังกรมาสู่ขอบเขตผู้คุมสวรรค์ การเลื่อนระดับอย่างรวดเร็วนี้ทำให้เขาประหลาดใจ
ฐานพลังของอีกสามคนนั้นอยู่ในขอบเขตผู้คุมสวรรค์เทียบเท่านาง ดูเหมือนว่าคนกลุ่มนี้จะทำภารกิจบางอย่างโดยมีกังต้าเหล่ยเป็นผู้นำ
“หึหึหึ ตอนที่เจ้าพูดว่า ‘ของดี’ เจ้าได้พูดถึงพรสวรรค์ของพวกนี้รึเปล่า?”
ชายอีกคนที่สวมชุดเกราะสีขาวยิ้มอย่างชั่วร้ายและจ้องมองฉีหยุนเซี่ยง
“ฮ่าๆๆๆ ข้าพูดถึงสตรีต่างหาก ถึงนางจะด้อยกว่าคนที่เราไล่ล่าครั้งที่แล้ว นางก็ไม่เลวนัก เราปล่อยนังนั่นหนีไปได้ ฉะนั้นเราจะต้องไม่พลาดคนนี้! เราจะได้มีค่ำคืนดีๆกับคนอื่นบ้างเสียที”
ชายชุดเกราะที่พูดคนแรกหัวเราะคิกคัก
“เอาเถอะ จัดการไอ้หัวหน้าก่อนที่จะตกลงกัน กึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงอย่างมันถือว่าเป็นยอดฝีมือแห่งทวีป แต่ก็น่าเสียดายที่ต้องมาเจอกับพวกเรา”
หนึ่งในชายหนุ่มสองคนพูด ทั้งสองเหลือบมองกันก่อนจะร่วมมือกันจู่โจมกังต้าเหล่ย
“ฉีหยุนเซี่ยง พาพวกนั้นหนีไปกับเจ้า ข้าจะต้านพวกมันเอาไว้เอง”
กังต้าเหล่ยฉีกผ้าคลุมส่วนบนเผยให้เห็นหัวมังกรที่อัปลักษณ์
ภาพอันน่าตกใจทำให้ชายหนุ่มสองคนที่สวมชุดเกราะหวาดกลัว พวกเขาหยุดมือไป
ฉีหยุนเซี่ยงใช้จังหวะนี้นำกลุ่มคนหลบหนี
“ตามข้ามา! พอไปได้สามลี้ เราจะแยกกันหนีคนละทิศทาง เพราะพวกมันไล่ตามข้าแค่คนเดียว”
นางเด็ดเดี่ยวอย่างมากเพราะรู้ดีว่าไม่มีพลังช่วยกังต้าเหล่ย และนางเพิ่งจะทำให้เขาเสียโอกาสหนีเพราะเป็นห่วงนาง
แต่นางก็รู้ดีว่าโอกาสที่กังต้าเหล่ยจะหนีได้สำเร็จนั้นเกือบจะไม่มีอยู่เลย นั่นก็เพราะเขาเพิ่งจะเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวง การเผชิญหน้ากับกึ่งภูติสองคนคงเป็นสิ่งที่เขาไม่น่าจะรับมือได้
ปั้ง!
และก็เป็นดั่งที่นางคาด การปะทะอย่างเข้มข้นจากด้านหลังทำให้นางได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของกังต้าเหล่ย
“ข้ากลัวจริงๆนะเนี่ย เจ้ามันเป็นตัวบ้าอะไรกัน?”
ชายหนุ่มสองคนร่วมมือกันและตบกังต้าเหล่ยจมไปกับพื้นจนเกิดรอยแยกขนาดใหญ่ กังต้าเหล่ยกระอักเลือดออกมาด้วยความเกลียดชัง
“เอ๋? มันอ่อนแอกว่าที่ข้าคิดอีก ข้าจะไปจับนังผู้หญิงนั่นแล้วฆ่าคนที่เหลือ เจ้าจัดการเจ้านี่ไปซะ”
หนึ่งคนพูดขึ้นมาอย่างมั่นใจ
“ก็ได้ แต่อย่าปล่อยให้นางหนีไปได้ล่ะ คืนนี้ข้าอยากจะกอดสาวสวยให้สาแก่ใจ”
ชายอีกคนมองแผ่นหลังฉีหยุนเซี่ยงที่กำลังหนี
นางมีร่างกายผอมบางที่น่ารัก นางเองยังงดงามดั่งผีเสื้อ ถึงนางจะหนีอย่างไม่คิดชีวิต ท่าทางอันสง่างามและน่าหลงใหลก็มิอาจถูกปิดบังไว้ได้
แม้สตรีเช่นนี้จะมิใช่คนที่งดงามที่สุดในโลก นางก็นับว่าเป็นคนที่หายากและทรงเสน่ห์ ดังนั้นมันคงจะเป็นประสบการณ์อันน่าอัศจรรย์ถ้าได้นางอยู่ภายใต้และฟังเสียงครวญครางอันน่าหลงใหล!
สาวสวยเอ๋ย เจ้าทำให้ข้าชอบใจจริงๆ ข้าจะต้องได้ลิ้มรสเจ้าในคืนนี้
ฟึ่บ!
ชายในชุดเกราะกลายเป็นสายลมที่เร็วดั่งสายฟ้า เขาไล่ล่านางและตามนางทันในพริบตา ใบหน้าของฉีหยุนเซี่ยงทั้งโกรธแค้นและละอายใจ ความเศร้าหมองเอ่อล้นออกมา นางจะต้องอดทนกับความอัปยศก่อนที่จะตายจริงๆงั้นรึ
เมื่อชายคนนั้นยื่นมือเข้าหานางอย่างตื่นเต้น หมอกสีชมพูดก็ได้ปรากฏออกมา กิเลนน้อยเดินอ้าปากหาวออกมาจากหมอกสีชมพู
มันมีเกลบ็ดสีชมพูและเขาที่สง่างาม มันดูน่ารักราวกับสัตว์เลี้ยง ดูเหมือนมันเพิ่งจะตื่นนอน ดวงตากันงดงามสีม่วงสดใสทำให้ชายคนนั้นมองอย่างสงสัย
เขาตัวแข็งทื่อขณะที่สงสัยว่าสัตว์อสูรนี้มาจากที่ใด? และเมื่อกลับมาได้สติก็พบว่าโลกตรงหน้ามืดลงเมื่อถูกกีบเท้าของกิเลนน้อยกระทืบบนใบหน้า
“อ๊าากกก!”
เสียงกรีดร้องดังออกมา เขากระอักเลือดออกมาในทันที ฟันนั้นร่วงออกมาสองซี่!
เขากลิ้งไปกองกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เพราะกิเลนน้อยที่กระทืบเขานั้นได้กลายร่างเป็นร่างลังในพริบตา แรงโต้กลับจากการปะทะถึงไม่เกิดขึ้นเลย
กิเลนน้อยหาวอย่างเกียจคร้าน มันคิดว่ามันกำลังฝันอยู่ เมื่อมองรอบๆเห็นฉีหยุนเซี่ยงก็วิ่งเข้าไปซบอกนาง มันใช้หัวคลุกคลีอยู่กับอกอันอิ่มเอิบของนาง
ฉีหยุนเซี่ยงรีบยื่นมือกอดมันเอาไว้ กิเลนน้อยหาวหลายครั้งก่อนจะทิ้งทั้งตัวลงแนบอก ฉีหยุนเซี่ยงยังคงสับสน นางยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่รู้จะทำอะไร
สัตว์อสูรประหลาดนี่มาจากไหนกัน? มันน่าอัศจรรย์มากที่กำจัดกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงได้ด้วยการกระทืบครั้งเดียว!
“ไอ้สัตว์อสูรนั่นมาจากไหน?”
ชายที่โดนกระทืบหน้าไม่พอใจมาก เขาตะโกนเสียงดังโดยไม่หันกลับ
“พี่ใหญ่ ทำไมยังจัดการไอ้ขยะนั่นไม่เสร็จอีกเล่า? มีสัตว์อสูรแปลกอยู่ที่นี่ รีบมาช่วยกันเร็ว”
เสียงอันเยือกเย็นดังตอบมาจากข้างหลัง
“ไม่ต้องห่วง ข้าพามันมาให้เจ้าแล้ว”
ชายในชุดเกราะตกตะลึง สีหน้าของเขาหม่นหมอง มีคนอยู่ข้างหลังโดยที่เขาสัมผัสไม่ได้เลย
เขาหันไปมองและกลัวจนตัวแข็งทื่อ เขาเห็นชายหนุ่มรูปงามที่มีผมสีเงิน ชายผมสีเงินยืนอยู่ในจุดที่เขาเคยยืนเมื่อครู่
เขาแบกคนหนึ่งคนไว้ที่มือแต่ละข้าง หนึ่งในนั้นคือกังต้าเหล่ยที่บาดเจ็บ ส่วนอีกคนเป็นคนของชายในชุดเกราะที่ดวงตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและไม่กล้าจะขยับเขยื้อน