ตอนที่ 612

The Divine Nine Dragon Cauldron

“ซือ…ซือ…หยู!”

 

ฉีหยุนเซี่ยงตัวสั่น นางปล่อยมือจากกิเลนน้อย

 

นางปิดปากร้องออกมา นางทั้งไม่เชื่อสายตาและแปลกใจ

 

ตรั้งแต่ที่ซือหยูถูกจ้าวเฉินยิ่งพาตัวไปจากคณะวิหคเพลิง เขาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ข่าวลือแพร่สะพัดว่าเขาตายในการต่อสู้กับเหล่าภูติ

 

ไม่มีข่าวคราวของเขามาตลอดสองปีเต็ม แต่ตอนนี้เขากลับมาปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา ฉีหยุนเซี่ยงน้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ

 

ตุ้บ

 

กิเลนน้อยที่ถูกปล่อยมือกระแทกลงกับพื้น มันร้องออกมาเพราะเจ็บ มันลูบก้นด้วยกีบเท้าเล็กๆและปีนขึ้นมาที่ตัวฉีหยุนเซี่ยงตามเดิม

 

มันตื่นเต็มที่จากแรงกระแทก มันกระโดดไปที่ไหล่ซือหยูและจ้องมองฉีหยุนเซี่ยงด้วยความโกรธเคือง

 

“อ๊ะ สัตว์วิญญาณของเจ้า ขอขอโทษ”

 

ฉีหยุนเซี่ยงประหลาดใจกับสัตว์วิญญาณที่มีสติปัญญาตัวน้อย นางหน้าแดงด้วยความอายเพราะความใจลอยเมื่อครู่

 

เมื่อเห็นดังนั้น กิเลนน้อยถอนหายใจแรง มันขยับกีบเท้าราวกับจะบอกว่ามันไม่เป็นไร

 

ท่าทางของมันทำให้ฉีหยุนเซี่ยงหัวเราะเสียงดัง สัตว์ตัวน้อยนี้แปลกกว่าสิ่งอื่นมาก

 

เมื่อทั้งคู่พูดคุย ชายในชุดเกราะกลอกตาดึงเอากระบี่ยาวออกมา เขาวางคมกระบี่ไปที่คอฉีหยุนเซี่ยงเพื่อพยายามจะใช้นางเป็นตัวประกัน

 

ฉีหยุนเซี่ยงตกใจและพยายามจะดิ้น แต่นางก็ไม่มีทางเร็วไปกว่าภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงอยู่แล้ว!

 

“ข้าบอกให้เจ้าขยับตอนไหน?”

 

ชายหนุ่มตะโกนมาจากข้างหลัง แสงสีทองปรากฏที่แขนของชายหนุ่มและล้อมรอบ

 

ฉั่วะ

 

แขนชายในชุดเกราะร่วงไปที่พื้น! กระบี่ของเขาตกไปพร้อมกับแขน เขาถูกกระบี่ฟันแขนขาด! ชายหนุ่มกรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเชือด

 

“เจ้าจะน่ารำคาญเกินไปแล้ว! ถ้าเจ้าตะโกนอีกรอบ ข้าจะตัดคอเจ้าซะ!”

 

ซือหยูขมวดคิ้ว

 

ชายหนุ่มหยุดร้อง เขาเอามืออีกข้างกำแขนที่เลือดไหลไม่หยุดเอาไว้ ความเจ็บปวดทำให้ใบหน้าเขาทุกข์ทรมาน

 

“ข้าจะถาม และเจ้าต้องตอบ เกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงที่เจ้าไล่ตามเมื่อวันก่อน? นางบาดเจ็บหรือไม่?”

 

ซือหยูเพิ่งจะได้รู้จากเมื่อครู่ว่าเซี่ยจิงหยูหนีไปได้สำเร็จ

 

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างลังเล ซือหยูเริ่มโกรธ

 

“ใครตอบช้าต้องตาย!”

 

น้ำเสียงซือหยูเต็มไปด้วยจิตสังหารสูงสุด

 

หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ในกระโจมเทพสวรรค์ จิตสังหารของซือหยูกล้าแกร่งยิ่งกว่าเดิม เขายังถูกพลังปีศาจส่งผลและเขาเองก็สังหารคนมามากเกินไป เขาเริ่มที่จะมองชีวิตผู้คนเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย

 

ทั้งสองเริ่มพูดออกมาพร้อมกัน

 

“เดี๋ยว ข้าจะบอก!”

 

“นางหนีไปได้! นางบาดเจ็บอยู่บ้าง แต่มันไม่ได้ร้ายแรง!”

 

หนึ่งในนั้นรายงาน

 

ฉีหยุนเซี่ยงตกใจฃ

 

“ซือหยู เจ้าถามถึงจ้าวยี่หยูของอาณาจักรทมิฬงั้นรึ?”

 

“เจ้ารู้เรื่องนางรึ? นางอยู่ไหน?”

 

ซือหยูถามอย่างรีบร้อน

 

ฉีหยุนเซี่ยงมองชายทั้งสองอย่างเย็นชา

 

“สองคนนี้โกหกเจ้า! จ้าวยี่หยูบาดเจ็บสาหัสและยังไม่ได้สติ จ้าววิหคเพลิงแห่งความตายยังพยายามยื้อชีวิตนางอยู่ ทีแรกนางตามพวกข้ากลับไปที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ แต่นางก็เปลี่ยนใจในคราสุดท้าย นางไปยังเขตอันตรายด้วยตัวนางเอง ตอนที่พวกเราเจอตัวนาง นางก็เกือบตายอยู่แล้ว!”

 

ชายทั้งสองหน้าซีดเมื่อได้ยินฉีหยุนเซี่ยง!

 

“ถูกทำร้ายจนหมดสติสินะ!”

 

เสียงของซือหยูเยอืกเย็นจนน่ากลัว

 

เขามองชายทั้งสอง จิตสังหารของเขาระเบิดออกมา เพลิงสีขาวไร้ลักษณ์พุ่งเข้าเผาวิญญาณของชายทั้งสองจนเป็นเถ้าถ่าน ทั้งคู่ตายในพริบตาโดยไม่ทันจะได้กรีดร้อง!

 

ปั้ง

 

ซือหยูโยนร่างไร้วิญญาณทั้งสองทิ้งไปอย่างเร่งรีบ

 

“ไปกันเถอะ พาข้าไปหานาง!”

 

เซี่ยจิงหยูกลับมาเพื่อเตือนเขา นางรู้ว่ามันอันตราย แต่นางก็ตั้งใจกลับมาเพื่อทิ้งข้อความไว้ให้กับซือหยู

 

หัวใจของซือหยูเจ็บแปลบเมื่อรู้เรื่องนี้ เขาติดหนี้เซี่ยจิงหยูจนมิอาจใช้ชั่วชีวิตตอบแทนได้

 

จิตของความเป็นสตรีบอกฉีหยุนเซี่ยงว่าระหว่างซือหยูกับเจ้ายี่หยูนั้นมิใช่แค่สหาย นั่นทำให้ฉีหยุนเซี่ยงอึดอัดใจ

 

“ไปกันเถอะ”

 

ระหว่างทาง กังต้าเหล่ยฟื้นฟูตัวเองและเริ่มรู้สึกดีขึ้นบ้าง เขาเห็นซือหยูที่ขมวดคิ้วจึงพยายามจะปลอม

 

“ซือหยู เจ้าไม่ต้องห่วง ท่านจ้าวคณะเป็นปรมาจารย์โอสถหมายเลขหนึ่งของทวีป ท่านรู้จักวิชาฟื้นฟู จ้าวยี่หยูต้องปลอดภัย”

 

ซือหยูสนใจเพียงความปลอดภัยของเซี่ยจิงหยูเท่านั้น เขาพยักหน้า

 

“ข้าก็หวังอย่างนั้น”

 

“ต้าเหล่ย แล้วหลิงเสี่ยวเทียนล่ะ? ข้าไปจากที่นี่สองปี ข้ารักษาพลังชีวิตไว้ไม่ได้ เขาตอนนี้…”

 

ซือหยูมีอีกเรื่องที่กังวลใจ

 

กังต้าเหล่ยสีหน้าเปลี่ยนไป เขาแปลกใจ

 

“เราเคยเจอกันมาก่อนรึ? เจ้ารู้ชื่อข้าได้ยังไง? แล้วเจ้ากับหลิงเสี่ยวเทียนเป็นอะไรกัน? เจ้ารู้ได้ยังไงว่าหลิงเสี่ยวเทียนอยู่กับเรา? ราชาปีศาจหิมะทมิฬพาเขามา…”

 

เดี๋ยวก่อนสิ!

 

กังต้าเหล่ยกับฉีหยุนเซี่ยงหยุดนิ่งไปพร้อมกันและมองซือหยูด้วยความตกตะลึง! ตั้งแต่ที่ซือหยูหายตัวไป ราชาปีศาจหิมะทมิฬก็ได้ปรากฏตัวออกมาอย่างไร้วี่แวว!

 

จากนั้น ราชาปีศาจได้ไปยังกระโจมเทพสวรรค์มากกว่าสองปี และในช่วงเวลาที่เท่ากัน ซือหยูก็ได้หายตัวไปและกลับมาพร้อมกับพลังประหลาด!

 

หรือว่าราชาปีศาจหิมะทมิฬคือซือหยู?

 

“ใช่ ข้าเอง ตอนนั้น ชื่อซือหยูเป็นนามต้องโทษ เพื่อที่จะเคลื่อนไหวได้สะดวก ข้าต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์และแสร้งทำเป็นราชาปีศาจหิมะทมิฬ ข้าบอกความจริงกับพวกเจ้าไม่ได้ หวังว่าจะอภัยให้ข้านะ”

 

ซือหยูขอโทษโดยเฉพาะกับฉีหยุนเซี่ยง เพราะแค่เพียงมองหน้าก็บอกได้เลยว่านางได้รับผลกระทบมากแค่ไหนเมื่อเขาหายตัวไป

 

กังต้าเหล่ยพูดไม่ออก

 

“น้องหิมะทมิฬเป็นยอดฝีมือหมายเลขหนึ่งของทวีปตอนเหนือ หยินหยูงั้นรึ? ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลย! ข้าว่าคงไม่มีใครในเฉินหลงที่จะคิดได้ว่าซือหยูที่หายตัวไปเฉยๆ แต่ปลอมตัวมาเป็นราชาปีศาจหิมะทมิฬมาโดยตลอด เจ้าเดินอยู่ข้างข้ามาตั้งแต่ตอนนั้น!”

 

ฉีหยุนเซี่ยงไม่พอใจเลย ก่อนหน้านี้ เมื่อนางคิดว่าซือหยูตายเพราะเหล่าภูติในทวีป นางตกใจจนหมดสติ หลายเดือนหลังจากนั้น นางก็มิอาจก้าวข้ามผ่านมันไป และที่ทำให้นางโกรธยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่ราชาปีศาจหิมะทมิฬได้ไปที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ด้วยตัวเอง แต่ไม่พยายามที่จะหาตัวนางเลย

 

ซือหยูเห็นอารมณ์ที่ต่างออกไปจากทั้งสองคน เขาเงียบกริบ มีหลายอย่างที่เขามิอาจอธิบายได้

 

แต่ตอนนี้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมามหาศาล คนที่เป็นภัยต่อเขาในทวีปเฉินหลงลดน้อยลงเรื่อยๆ เขาไม่ต้องกังวลอีกแล้วว่าตัวตนของเขาเองจะส่งผลกับคนรอบข้าง หรือพูดอีกอย่างก็คือ…เขาไม่ต้องปิดบังตัวตนอีกแล้ว

 

“เดี๋ยวก่อนนะ! วันสุดท้ายของกระโจมเทพสวรรค์ เจ้าไม่ได้ปรากฏตัวที่นั่น พวกข้าคิดว่าเจ้า…”

 

กังต้าเหล่ยละคำพูดเอาไว้

 

ซอืหยูพูดอย่างเย็นชา

 

“มีเรื่องเกิดขึ้นที่นั่น ข้าต้องอยู่ต่อครึ่งวัน เรื่องเป็นแบบนี้แหละ”

 

กังต้าเหล่ยเชื่อเขาเพียงแค่ครึ่งเดียว

 

“พวกเจ้าจะบอกข้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉินหลง? ชายสองคนนั้นเป็นใครกัน? ทำไมกึ่งภูติที่มีแก้วพลังชีวิตสองดวงถึงมาอยู่ในทวีปเฉินหลงได้? ทวีปเฉินหลงล่มสลายแล้วจริงๆรึ?”

 

ซือหยูถาม

 

ความรู้สึกยินดีของทั้งสองที่ได้เจอกับซือหยูอีกครั้งค่อยๆหายไปเมื่อได้ยินคำถาม ทั้งสองขมวดคิ้วขึ้นมา

 

“ซือหยู…ไม่มีทวีปเฉินหลงอีกแล้ว”

 

กังต้าเหล่ยลังเลอยู่นานก่อนจะพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

 

ดวงตาของฉีหยุนเซี่ยงแทนที่ด้วยความเศร้า

 

“สองปีที่เจ้าไม่อยู่ เกิดหลายเรื่องนักในทวีปเฉินหลง มันไม่เหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว เจ้าก็สัมผัสได้ แม้แต่บรรยากาศของโลกใบนี้ก็แทนที่ด้วยความเศร้า”

 

บรยากาศรึ? ตอนที่ซือหยูสัมผัสถึงการกลับมาในครั้งแรก เขาเป็นกังวลกับความปลอดภัยของเซี่ยจิงหยูโดยไม่สนใจเรื่องบรรยากาศเลย

 

และเมื่อเขาได้สังเกตมันดีๆ เขาเริ่มงุนงง

 

“เอ๋? เกิดอะไรขึ้น? อากาศของทวีปเฉินหลงมีพลังวิญญาณเข้มข้นกว่าเดิม”

 

กังต้าเหล่ยตอบ

 

“มันไม่ได้เพิ่มขึ้นน้อยๆ มันเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า! ข้าก็รู้สึกไม่ได้แบบเจ้าในทีแรกเพราะข้าอยู่ในกระโจมเทพสวรรค์ที่มีพลังวิญญาณเข้มข้น ข้าเลยไม่รู้ตัวว่ามีการเปลี่ยนแปลงของพลังวิญญาณในเฉินหลง”

 

ฉีหยุนเซี่ยงเอามือลูบคาง

 

“ใช่ มันเพิ่มขึ้นมาสิบเท่า ยอดฝีมือในเฉินหลงได้มีโอกาสบ่มเพาะพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ข้ายังได้เป็นผู้คุมสวรรค์ในแค่ไม่กี่ปีก็เพราะเรื่องนี้ มันเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ตอนที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในก้นบึ้งมังกรเก้านรก”

 

เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในก้นบึ้งมังกรเก้านรกงั้นรึ? ซือหยูสับสน

 

ถ้าหากพูดถึงดินแดนที่ลึกลับมากที่สุดในทวีปเฉินหลง ที่นั่นก็คงจะเป็นก้นบึ้งมังกรเก้านรก ในตอนนั้น หางมังกรที่น่ากลัวได้ปรากฏในแอ่งน้ำ ผนึกที่ขังก้นบึ้งมังกรได้แตกออกทำให้จางตี๋เก้อหนีออกมาได้

 

แอ่งน้ำทมิฬตรงนั้นคือสิ่งที่ซือหยูยังไม่ลืมมาจนถึงตอนนี้…

 

“ตอนที่กระโจมเทพสวรรค์เริ่มขึ้น ก้นบึ้งมังกรได้ถูกเปิดออกมา! ผู้เฒ่าจิวกับคนอื่นที่อยู่ในลานประลองลับสวรรค์กลับมาไม่ทัน ยอดฝีมือในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ต้องลงมือ พวกนั้นเข้าไปตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น”

 

ฉีหยุนเซี่ยงตอบ

 

นางพูดต่อ

 

“แต่ยอดฝีมือกลุ่มแรกที่เข้ามาตายหมด เหลือแค่หัวหน้าฟู่กังซานที่รอดมาได้ เขาบอกว่ามียอดฝีมือกลุ่มใหญ่ที่ไม่รู้ที่มาปรากฏตัวในก้นบึ้งมังกร เมืองในก้นบึ้งมังกรก็ว่างเปล่า ทุกคนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย! จากนั้นพวกเขาก็ถูกกึ่งภูติที่ไม่รู้จักจู่โจม!”

 

เขาบอกตากว้างเมื่อสรุปเรื่องที่นางเล่า

 

“ยอดฝีมือทั้งกองทัพเกือบตายหมด! ฟู่กังซานโชคดีที่รอดมา เขานำคนที่รอดออกมาจากก้นบึ้งมังกร”

 

กังต้าเหล่ยพูดต่อจากฉีหยุนเซี่ยง

 

“เรื่องก็เป็นอย่างนี้แหละ! ตอนที่อาจารย์ข้ารู้เรื่องนี้ เขาก็รีบกลับมาโดยหวังว่าจะได้ปิดผนึกมันอีกครั้ง แต่ก็มีภูติปรากฏตัวขึ้นมาสามคน! แต่ละคนเป็นภูติระดับห้า!”

 

เขาพักหายใจและสรุปเรื่องด้วยแววตาจริงจัง

 

“อาจารย์ข้าสู้กับพวกนั้นด้วยตัวเอง แต่ท้ายสุดเขาก็พ่ายแพ้และกลับมา เขามีแค่เวลาให้หยิบของสำคัญบางอย่างเท่านั้น นั่นรวมถึงหลิงเสี่ยวเทียนกับโลงศพมังกรด้วย เขาถอยกลับไปที่ทวีปกับกลุ่มผู้เฒ่ายอดฝีมือ!”

 

ซือหยูเริ่มโล่งใจเมื่อทราบชะตาของหลิงเสี่ยวเทียน

 

แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังพูดไม่จบ

 

“ตั้งแต่ตอนนั้น ยอดฝีมือมากมายก็ได้ออกมาจากก้นบึ้งมังกรเป็นกลุ่มใหญ่ ยอดฝีมือของทวีปเฉินหลงเราได้พยายามหลายครั้งเพื่อที่จะโต้กลับให้พวกมันถอยกลับไป แต่พวกภูติก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นอีก! รายงานสุดท้ายที่ได้คือพวกมันมีภูติมากกว่าสามสิบคนแล้ว!”

 

เขาหายใจเข้าลึกและพูดต่อ

 

“นักรบของจิวโจวไม่บาดเจ็บหนักก็ถูกฆ่าตาย หลงจื้อชิงแห่งพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ก็บาดเจ็บสาหัส เขายังพักฟื้นมาจนถึงตอนนี้ คนตายทั้งสองฝั่งเพิ่มขึ้นทุกวัน นี่เป็นการพ่ายแพ้ที่ล้างผลาญทวีปเฉินหลงไปมากที่สุดในประวัติศาสตร์! และนี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้ร่วมมือต่อสู้กับพวกมัน”

 

เขายังพูดต่ออีก

 

“ครึ่งปีผ่านไป เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ในทวีปเฉินหลง! ยอดฝีมือจากต่างโลกได้บุกเข้ามาครอบครองทวีปตอนเหนือ รวมถึงหอสดับหิมะ คณะวิหคเพลิง พันธมิตรร้อยดินแดน ขุมกำลังใหญ่ถูกยึดครองในคืนเดียว!”

 

ดวงตาของเขาเบิกกว้างจนเกือบจะหลุดจากเบ้า

 

“จากนั้นพวกมันก็เข้ายึดฝั่งตะวันออก ทางใต้ แล้วก็มาตะวันตก! ยกเว้นกลางทวีปที่เป็นของอาณาจักรทมิฬ พวกมันยึดครองเอาไปหมด!”