ตอนที่ 266 เดินพรมแดง (1)

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

“ตกลง พี่จะรอดู ถ้าเธอทำให้พี่ประหลาดใจได้ในวันเดินพรมแดง พี่จะยอมเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ให้บริษัทเธอ และสัญญาว่าจะใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับที่บริษัทเธอออกแบบ ไปออกงานทุกงาน ตกลงไหม”

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว “จริงเหรอคะ”

 

 

เฮ่อหว่านอียักไหล่ กล่าวด้วยสำเนียงหยิ่งๆ “ครอบครัวพี่มีเงินทองมากมายให้พี่ใช้ไปได้อีกหลายชาติ ที่พี่มาเป็นนางแบบโฆษณาให้แบรนด์เนมหรูๆ เพราะไม่ต้องการให้พวกคนที่พี่ไม่ชอบมาทำท่าโอ้อวดใส่พี่ และที่พี่เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงก็เพราะพี่ชอบการแสดง เพราะฉะนั้นพี่สามารถช่วยเป็นตัวแทนโฆษณาเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้บริษัทเธอได้ โดยไม่คิดเงิน”

 

 

“ดีจังเลยค่ะ พี่หว่านอี! ฉันต้องทำให้พี่ยอมเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของบริษัทฉันโดยไม่คิดเงินให้ได้! แต่ถ้าสุดท้ายพี่ไม่ยอมช่วย ฉันก็คงต้องทำเอง การต้องเข้าสู่วงการบันเทิงเพื่อโฆษณาแบรนด์ของตัวเองก็ไม่ได้แย่อะไรนัก”

 

 

“ไม่เอาน่า พี่รู้สึกว่าถ้าเธอเข้าวงการบันเทิง แฟนคลับผู้ชายคงจะทิ้งพี่ไปหมด” เฮ่อหว่านอีกล่าวในเชิงล้อเลียน “หน้าที่สำคัญตอนนี้คือตั้งใจเรียนหนังสือ ฝึกฝนการออกแบบ และบริษัทของเธอให้ดี นี่พี่สงสัยว่าทำไมเธอถึงคิดก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา หรือเป็นเพราะ…”

 

 

ถังซีพยักหน้ารับ “เพื่อนๆ บอกว่างานออกแบบของฉันดูไม่แย่ ทุกคนเลยแนะนำให้ฉันเปิดบริษัทมารองรับงานออกแบบ ฉันไม่รู้วิธีบริหารงานบริษัทหรอกค่ะ เฉียวเหลียงเลยบอกว่าจะช่วยหาคนที่ชำนาญงานมาช่วยบริหาร ส่วนฉันทำหน้าที่ออกแบบไป ไม่ต้องกังวลใจกับเรื่องอื่นๆ”

 

 

“มีเฉียวเหลียงคอยช่วยเธอก็ไม่ต้องห่วงกังวลอะไรทั้งนั้น และพี่ชายทั้งสามของเธอเองก็เป็นอัจฉริยะในเรื่องธุรกิจ” เฮ่อหว่านอีเรียกพนักงานเสิร์ฟมาสั่งของว่างเพิ่ม “พี่ต้องทานอะไรสักหน่อย แล้วก็ต้องไปแล้ว คืนนี้พี่ต้องไปทำงาน”

 

 

 

 

ในที่สุดก็ถึงวันจัดงานแสดงประจำปีของโรงเรียนมัธยมตี้อี แห่งเมือง A บรรดานักเรียนชายล้วนสวมชุดสูทที่สั่งตัดจากแบรนด์หรู ส่วนนักเรียนหญิงก็สวมชุดสวยจากแบรนด์โปรดของแต่ละคน ทุกคนล้วนดูงดงาม และแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ขึ้นแสดงความสามารถของตนบนเวที พรมแดงถูกปูลาดตลอดทาง จากประตูโรงเรียนไปจนถึงหน้าเวที เหล่าช่างภาพต่างสาละวนอยู่กับการถ่ายรูป

 

 

เฉินจื่อเยียนอยู่ในชุดสีม่วงของแบรนด์ชาแนล วิ่งตรงมาที่รถถังซี ซึ่งที่จริงแล้วคือรถตู้สำหรับแต่งตัวที่เฮ่อหว่านอีให้ถังซียืมมา ภายในรถตู้กว้างขวางมาก ถังซีสวมเสื้อผ้าลำลองของ ZWS งีบหลับอยู่ในรถ ขณะที่ช่างแต่งหน้ากำลังตระเตรียมเครื่องสำอางเพื่อแต่งหน้าให้เธอ

 

 

เฉินจื่อเยียนเซ้าซี้เร่งถังซีเมื่อเห็นว่าถังซียังไม่ได้แต่งตัว “อีกไม่นานการเดินพรมแดงก็จะเริ่มแล้ว ฉันได้ยินมาว่าพวกขี้อิจฉาข้างนอกนั่นเตรียมจะข่มเธอเต็มที่คืนนี้ เธอยังจะมาแอบงีบอยู่ได้อีก แล้วนี่อะไร ทำไมยังไม่แต่งตัว ชุดเธออยู่ไหน”

 

 

ถังซียังไม่ยอมลืมตาขึ้นมอง จนกระทั่งได้ยินเสียงเฉินจื่อเยียน สาวน้อยคนนี้สวยน่ารักอยู่แล้ว ยิ่งได้แต่งตัวสวย เฉินจื่อเยียนก็ยิ่งดูสวยขึ้นไปอีก จนแทบจะส่องประกายเจิดจรัส ชุดสีม่วงขับผิวขาวใสให้ดูสวยสมบูรณ์แบบ ถังซียิ้มกว้าง “เธอดูสวยผุดผาดบาดตาไปเลยวันนี้”

 

 

“ฉันน่ะเหรอ…” เฉินจื่อเยียนจ้องหน้าถังซี “ฉันรู้ว่าฉันสวยมาก! แต่ที่ฉันกำลังบอกเธออยู่ก็คือ ถ้าเธอไม่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้ จะไม่ทันแล้วนะ! ฉันได้ยินมาว่าเฮ่อหว่านอีจะมาด้วยคืนนี้ ถงลู่กับฟังอี้หังก็จะมาด้วย โอ๊ย…ทั้งสองคนหล่อมากๆ! เธอไม่อยากเห็นพวกเขาหรือไง”

 

 

“หล่อเท่าเฉียวเหลียงได้หรือเปล่า หล่อแค่ไหนกันเมื่อเปรียบเทียบกับพี่ๆ ฉัน” ถังซีชำเลืองมองเฉินจื่อเยียนอย่างไม่ใส่ใจ กล่าวต่อไปว่า “ฉันเห็นผู้ชายรูปหล่อทุกวัน ชินแล้ว ไม่รู้สึกอะไรหรอก เธออยากจะไปดูพวกเขาก็ไปเถอะ ฉันไม่อยากดู”

 

 

เฉินจื่อเยียนจ้องหน้าถังซีเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง อึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอุทานออกมา “ให้ตายสิ เซียวโหรว จะกวนประสาทกันใช่ไหม เธอก็รู้ว่าฉันไม่มีพี่ชาย! ฉันเกลียดเธอจริงๆ! แล้วฉันก็อยากไปดูหนุ่มๆ รูปหล่อแล้ว!” เธอกระโดดลงจากรถตู้ แต่แล้วก็วิ่งกลับมาภายในสองวินาที “เร็วๆ เข้า” เธอบอก “การเดินพรมแดงกำลังจะเริ่มแล้ว พวกนักเรียนคนอื่นๆ ต้องคิดว่าเธอตื่นเวทีแน่ ถ้าพวกเขาไม่เห็นเธอ”

 

 

ถังซียิ้ม กล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันจัดเต็ม พี่ชายฉันขอให้ฉันเดินพรมแดงคู่กับเขา”

 

 

เซียวจิ่งกับเฉียวเหลียง ทั้งสองคนเป็นกรรมการผู้ถือหุ้นของโรงเรียน จึงต้องมาร่วมงานในคืนนี้ ทีแรกเธอคิดว่าพวกเขาคงไม่มา เพราะงานยุ่งมากตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เซียวจิ่งทำงานยุ่งยิ่งกว่าผึ้งงาน เธอได้วิดีโอคอลกับเฉียวเหลียงบ้าง ได้เจอเขาที่บ้านคุณป้าเฉียวบ้างเป็นบางครั้ง แต่เธอไม่ได้พบเซียวจิ่งเลยมาเป็นเวลาสองสัปดาห์เต็ม

 

 

เฉินจื่อเยียนทำริมฝีปากยื่น “มิน่าล่ะเธอถึงไม่รีบ จะไปเดินพรมแดงกับท่านประธานเซียวนี่เอง” กล่าวจบเฉินจื่อเยียนก็หันหลังเดินจากไป

 

 

ถังซียิ้ม ตอนนั้นเองที่ช่างแต่งหน้าจัดเตรียมเครื่องสำอางพร้อมแล้ว และกล่าวกับถังซีว่า “คุณหนูเซียวคะ ช่วยเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ ฉันจะได้แต่งหน้าทำผมให้ค่ะ” กล่าวจบเธอก็หันหลังลงจากรถ เพื่อให้ถังซีเปลี่ยนเสื้อผ้า ถังซีเลิกคิ้ว หันไปเปิดฝากล่องที่ดูเหมือนกล่องของขวัญ หยิบชุดสีแดงสดออกมา

 

 

เมื่ออยู่ในชุดราตรีสีแดง ถังซียิ่งดูงามระยับ ใบหน้าเธอเจือชมพูระเรื่อดุจกลีบดอกไม้ ถังซีดูงดงามชวนตะลึง แม้จะยังไม่ได้แต่งหน้า เธอเปิดประตูรถให้ช่างแต่งหน้ากลับเข้ามา ฝ่ายหลังถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นถังซี เธออึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนจะพึมพำว่า “คุณหนูเซียวคะ คุณไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าเลย”

 

 

ถังซียิ้มให้ “ฉันก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ แต่การแต่งหน้าเป็นมารยาทสังคมสำหรับผู้หญิงนี่คะ ช่วยเขียนคิ้วกับทาลิปสติกให้ฉันก็พอค่ะ”

 

 

“ได้ค่ะ” ช่างแต่งหน้าแต่งให้ตามที่ถังซีบอกโดยไม่ลังเล แล้วยื่นกระจกให้เธอ ถังซีมองเงาในกระจกแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจให้กับช่างแต่งหน้า “ฉันชอบมาก ขอบคุณค่ะ”

 

 

“ยินดีค่ะ แต่คุณไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าเลยจริงๆ ค่ะ คุณหนูเซียว” เธอเคยเห็นดารามามากมายที่มีผิวพรรณผุดผ่องไร้ไฝฝ้า แต่ยังไม่เคยพบเห็นผู้หญิงคนไหนที่มีผิวพรรณสวยงามสมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้

 

 

ทางด้านเฉินจื่อเยียน เธอกำลังรอถังซีอยู่ด้านนอกของบริเวณพรมแดง มีพวกอิจฉาถังซีบางคนกำลังพูดจาถากถางเธออยู่ เด็กสาวชุดแดงดูมีจริตคนหนึ่งหันมาทางเฉินจื่อเยียน กล่าวกับเธอว่า “นี่ เฉินจื่อเยียน เธอกำลังรอยายบ้านนอกนั่นอยู่เหรอ แม่นั่นจะรู้จักการเดินพรมแดงหรือเปล่านะ หล่อนควรจะระวังให้ดี ไม่ให้ตกส้นสูงจนข้อเท้าแพลง!”

 

 

คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่แถวนั้นพากันหัวเราะขำถ้อยคำเสียดสีของเด็กสาวชุดแดง “นั่นสิ” เด็กสาวอีกคนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหัวเราะ “ฉันละงงจริงๆ ว่าทำไมพวกเด็กห้อง 1A ถึงได้ยกย่องแม่นั่นเป็นเทพธิดา หล่อนเอาแต่เล่นเหลวไหลไปวันๆ เสื้อผ้าก็มีแต่แบรนด์ ZWS พื้นๆ มีหล่อนอยู่ในโรงเรียนน่ะทำให้พวกเราดูตกต่ำไปด้วย ยายบ้านนอกนั่นจะรู้จักสวมชุดราตรี ใส่รองเท้าส้นสูงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันว่าหล่อนน่าจะไปซ่อนตัวที่ไหนสักแห่งจะดีกว่า ไม่ควรออกมาทำให้ตัวเองขายหน้า!”

 

 

เด็กสาวที่พูดนี้สวมชุดสีดำของดิออร์ ใบหน้าเธอน่าเอ็นดู และดูมีเสน่ห์มากในชุดที่สวมอยู่

 

 

เฉินจื่อเยียนหรี่ตาจ้องหน้าเด็กสาวทั้งสอง และกำลังจะเอ่ยปากตอบโต้ ทว่ามีเสียงเย็นเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน “แล้วพวกเธอล่ะ คิดว่าตัวเองเป็นใคร เจ้าหญิงงั้นเหรอ”