เมื่อได้ยินทีแรกเด็กสาวทั้งสองท่าทางโกรธมาก เตรียมจะด่ากลับ แต่เมื่อเห็นชัดว่าผู้พูดเป็นใคร ก็รีบหุบปากทันที ไม่กล้าให้คำด่าหลุดจากปากแม้แต่คำเดียว เฮ่อหว่านอีจ้องเขม็งไปที่เด็กสาวใจร้ายทั้งสอง ซึ่งตอนนี้สงบปากสงบคำลงได้ เธอส่งเสียงคำรามเบาๆ “ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”
ประกายตาเฉินจื่อเยียนวาววับขึ้นเมื่อเห็นเฮ่อหว่านอี ราวกับเธอไม่เชื่อว่าหญิงสาวที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือเฮ่อหว่านอีจริงๆ เธอจ้องมองเฮ่อหว่านอีอย่างพินิจพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอุทานอย่างตื่นเต้น “คุณหว่านอี! ฉันชอบงานแสดงของคุณมาก! ไม่คิดเลยว่าตัวจริงจะเป็นคนตรงไปตรงมา และเที่ยงธรรม เหมือนกับบทที่คุณแสดง!”
บทบาทการแสดงส่วนใหญ่ที่เฮ่อหว่านอีได้รับมักเป็นบทที่มีความเป็นผู้นำ และมีความเที่ยงตรงยุติธรรม ในบางบทบาทยังมีความกล้าหาญและเสียสละอีกด้วย มีข่าวออกมาอยู่บ่อยๆ ว่าเธอเป็นคนรักความยุติธรรมและคอยช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่าอยู่เสมอ เช่น เธอเคยช่วยปกป้องผู้ดูแลของนักแสดงหญิงคนหนึ่ง จากการถูกนักแสดงหญิงผู้นั้นกดขี่ หรือเรื่องอื่นๆ ทำนองเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เฉินจื่อเยียนปลื้มเธอมาก และตอนนี้ก็ยิ่งชอบเธอมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนอีกหลายเท่า
เฮ่อหว่านอีสวมชุดราตรีสีฟ้ามีชายแบบหางปลา อวดรูปร่างงดงาม แต่งหน้าในแบบที่ตั้งใจให้เข้ากับชุดที่สวมโดยเฉพาะ ทำให้เธอดูงดงามเป็นที่สุด เธอเพ่งมองเฉินจื่อเยียนแล้วยิ้มให้ “เธอด้วย เราสองคนเหมือนกัน”
เฉินจื่อเยียนหน้าแดงเมื่อได้รับคำชม เฮ่อหว่านอีมองเห็นรถตู้ของเธออยู่ไกลๆ แต่เธออยากทำให้เซียวโหรวแปลกใจ เลยไม่เดินไปที่รถตู้ เธอเพียงแค่ปรายตาเป็นเชิงเตือนไปทางเด็กสาวใจร้ายเหล่านั้น แล้วเดินไปที่พรมแดง
ดารานักแสดงหลายคนได้รับเชิญมาร่วมงานในวันนี้ ในฐานะตัวแทนศิษย์เก่าโรงเรียนมัธยมตี้อี หนิงเหยี่ยนและเฮ่อหว่านโจวก็มาด้วยเช่นกัน ดังที่สื่อมวลชนได้ออกข่าวไปว่า ในทุกๆ ปี ดาราและผู้กำกับการแสดงที่มีชื่อเสียงกว่าครึ่งหนึ่งของวงการบันเทิงในเมือง A ล้วนได้รับเชิญมาร่วมงานแสดงศิลปะประจำปีของโรงเรียนมัธยมตี้อี
แต่จุดสนใจที่สำคัญที่สุดของงานกลับตกอยู่ที่กรรมการบริหารทั้งสามของโรงเรียน และที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือ เฉียวเหลียงมาร่วมงานนี้ด้วย! เขาแทบไม่เคยออกงานสังคมเลย ยิ่งงานในโอกาสพิเศษอย่างวันนี้แล้วเขายิ่งไม่เข้าร่วม ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะมาร่วมงานคืนนี้!
เฉินจื่อเยียนมองไปที่เฮ่อหว่านอี แล้วอุทานออกมาว่า “พระเจ้า เธอช่างเป็นนักแสดงที่สุดยอดจริงๆ แสดงก็เก่ง ดีกับคนรอบข้าง แล้วยังสวยมาก!” เด็กสาวพวกนั้นอยากจะหาเรื่องเถียง เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น แต่สุดท้ายก็ได้แต่ทำเสียงขึ้นจมูก แล้วเดินจากไป
ส่วนทางอีกด้านหนึ่ง ถังซีเพิ่งแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ช่างแต่งหน้ายังคงตื่นตะลึงกับความงามของเธอไม่หาย ถังซีพิจารณาดูตัวเองในกระจก ใบหน้าเธอหยุดเปลี่ยนแปลงแล้ว และกลายมาเป็นใบหน้าที่งดงามชวนให้ตะลึง หากเธอไม่ได้เคยชินกับการเห็นใบหน้านี้อยู่ทุกวัน ก็คงจะได้หลงเสน่ห์ใบหน้าตัวเองบ้างเหมือนกัน
นาทีนั้นนั่นเองโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ถังซีรับสาย “พี่จิ่ง มาถึงแล้วเหรอ”
ภายในรถอเนกประสงค์ เซียวจิ่งทำตาขวางมองเฉียวเหลียงซึ่งนั่งอยู่ข้างเขา และพูดใส่โทรศัพท์ว่า “ลงมาจากรถได้แล้ว พี่กำลังจะลงรถ ไปเดินพรมแดงด้วยกัน”
ถังซีตอบว่า “ได้เลยค่ะ”
ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับงานแสดงครั้งนี้มาก ที่โรงเรียนมัธยมตี้กั่วไม่มีการจัดงานแสดงแบบนี้ และไม่มีการเดินพรมแดง ถังซีจึงไม่เคยมีประสบการณ์การเดินพรมแดงมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เดินพรมแดง เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ณ ขณะนั้นนั่นเอง ก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาเปิดประตูรถ ถังซียิ้มกว้าง รัศมีเปล่งปลั่งส่องประกายความงามสง่าและมั่นใจ ทุกอณูบ่งบอกถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เจ้าหญิงแห่งเอ็มไพร์กรุปเท่านั้นที่จะมีได้ เฉียวเหลียงชะงักเมื่อเห็นถังซี ในชั่วขณะนั้นเอง เขาเกิดความมั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้คือคนที่เขารักเสมอมา ถังซีเองก็ตะลึงเมื่อเห็นว่าคนที่มาเปิดประตูรถคือเฉียวเหลียง เธอส่งมือให้เขาโดยไม่รู้ตัว เฉียวเหลียงจับมือเธอไว้ประคองให้ลงจากรถ ถังซีมองหน้าเขาและกำลังจะเอ่ยถามว่าทำไมจึงเป็นเขาที่มาแทนเซียวจิ่ง แต่ก็มีเสียงผู้คนฮือฮาดังขึ้นเสียก่อน เธอกวาดตาไปรอบๆ พบว่าทุกคนกำลังจ้องมองมาที่เธอและเขา ถังซีจึงล้มเลิกความคิดที่จะถาม แล้วยิ้มแย้มให้กับฝูงชนแทน
เฉินจื่อเยียนเฝ้ามองดูถังซีจากระยะไกล ถังซีในชุดราตรีสีแดง ดูราวกับองค์ราชินีที่เคียงคู่มากับเจ้าชายคู่อภิเษก ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกได้ว่าเมื่อกี้นี้เธอไม่มีความจำเป็นต้องกังวลใจใดๆ เลย ถังซีไม่เคยทำให้เธอผิดหวัง หรือในความเป็นจริงคือ ถังซีไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง
ชุดราตรียาวสีแดง ออกแบบมาให้มีคอวีแหลม ด้านหลังเว้าลึก อวดเส้นเอวคอดบางสมบูรณ์แบบของถังซี ชายกระโปรงเป็นหางลากยาวงดงามเป็นที่สุด ชุดสีแดงนี้ไม่มีลวดลายอะไร แต่ก็ไม่ได้ทำให้น่าเบื่อ กลับดูงามสง่าล้ำค่า
ขณะยืนมองถังซีจากอีกฟากหนึ่งของพรมแดง เฮ่อหว่านอีก็ยิ้มพลางคิดว่า เธอควรเลิกสนับสนุนเครื่องแต่งกายแบรนด์หรูทั้งหลาย แล้วหันมาสนับสนุนแบรนด์ ‘เดอะควีน’ จะดีกว่า
เฉียวเหลียงซึ่งกำลังเดินเคียงข้างไปกับถังซีกลับกำลังคิดไปอีกเรื่องหนึ่ง เขารู้สึกว่าตนเองกำลังประกาศความเป็นเจ้าของในตัวถังซี โดยการเดินเคียงคู่เธอในการเดินพรมแดง เขากำลังประกาศให้ทุกคนรู้ว่าถังซีเป็นของเขา และคนทั้งสองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ทั้งคู่เดินไปยังบริเวณซึ่งจัดไว้ให้แขกผู้มีเกียรติลงนาม เฉียวเหลียงเซ็นชื่อ ในขณะที่พิธีกรกล่าวขึ้นว่า “คุณเซียวโหรวดูงดงามเป็นพิเศษในค่ำคืนนี้ วันนี้ผมตั้งใจว่าอยากจะขอใกล้ชิดกับท่านประธานเฉียว อัจฉริยะด้านธุรกิจของเราสักหน่อย แต่พอได้เห็นคุณเซียวโหรว ผมก็ลืมท่านประธานเฉียวไปเลย ช่วยขยับมาทางนี้หน่อยครับ ช่วยกล่าวอะไรกับผู้ชมของเราด้วยครับ”
เฉียวเหลียงก้าวยาวๆ นำหน้าถังซี ไปยืนอยู่ระหว่างพิธีกรและถังซี เขารับไมโครโฟนมาถือไว้ แล้วกล่าวเสียงเรียบ “นี่เป็นครั้งแรกของผมที่ได้มาร่วมงานประจำปีของโรงเรียน และได้มาเดินพรมแดง ผมรู้สึกดีมากครับ” กล่าวจบเขาก็ส่งไมโครโฟนให้ถังซีด้วยท่าทางของสุภาพบุรุษ
ถังซีรับไมโครโฟนมาแล้วยิ้มหวาน “เป็นครั้งแรกของฉันเช่นกันที่ได้มาร่วมงานรื่นเริงของโรงเรียน ฉันยินดีมากที่ได้มาร่วมสนุกกับทุกท่าน และคุณเฉียวก็เป็นสุภาพบุรุษรูปงามมาก ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมเดินพรมแดงกับเขาค่ะ” จากนั้นเธอก็ส่งไมโครโฟนคืนให้เฉียวเหลียง
พิธีกรยิ้มกว้าง “นี่เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกันครับ ที่ได้มาดำเนินรายการให้กับงานใหญ่เช่นนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่คุณทั้งสองมาร่วมในงานของเรา เท่าที่จำได้ คุณเซียวโหรวจะร่วมแสดงในคืนนี้ด้วยใช่ไหมครับ” เขาเอนตัวเข้ามาใกล้ถังซี
เฉียวเหลียงหุบยิ้ม ชักสีหน้าเย็นชาทันที ถังซีสังเกตเห็นจึงส่งสายตาให้เขา แล้วกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ ฉันจะเล่นเปียโน หวังว่าจะถูกใจทุกท่าน ขอบคุณค่ะ”
ทันทีที่เธอพูดจบ เฉียวเหลียงก็คว้ามือเธอ แล้วหันหลังจูงเธอเดินออกไป ทำให้พิธีกรซึ่งกำลังจะสัมภาษณ์เธอต่อต้องหยุดชะงัก เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้ได้เวลาแล้ว ขอเสียงปรบมือต้อนรับตัวแทนสมาคมศิษย์เก่าผู้เป็นเลิศเลอของเรา คุณหนิงเหยี่ยน คุณเฮ่อหว่านโจว คุณเฮ่อหว่านหนิง คุณเซียวจิ่ง และคุณเซียวส่าด้วยครับ!”