เฮ่อหว่านอีรอถังซีอยู่ที่ปลายอีกด้านหนึ่งของพรมแดง เมื่อเห็นถังซีเดินเข้ามาหา เธอก็คว้ามือถังซีมากุมไว้ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “สวยมาก เธอสวยเหลือเกินวันนี้! พี่ว่าเธอน่าจะได้รับความสนใจมากกว่าพี่เสียอีก นี่โชคดีนะ ในงานนี้มีแต่ช่างภาพที่ต้องถ่ายภาพตามกำหนดการเท่านั้น ไม่อย่างนั้นพี่ต้องอับอายขายหน้าทั่ววงการบันเทิงแน่ ถ้ามีข่าวออกไปว่า พี่ ซึ่งเป็นดาราชื่อดัง ต้องพ่ายแพ้แก่สาวน้อยนักเรียนมัธยมปลาย”
ถังซียิ้มอายๆ เธอตีไหล่เฮ่อหว่านอีเบาๆ แล้วกล่าวว่า “พี่หว่านอีพูดอะไรคะ ฉันมั่นใจว่าพี่ดูสวยมากในชุดนี้” แล้วเธอก็ขยิบตาด้วยท่าทางซุกซน “ถึงจะไม่สวยเท่าฉันก็เถอะ ยังไงพี่ก็มีเสน่ห์มากในสายตาของแฟนๆ อยู่แล้ว”
เฮ่อหว่านอีแสร้งทำเป็นไม่พอใจ ตีไหล่เธอหนึ่งที แล้วทันใดเธอก็หันไปเห็นว่าเฉียวเหลียงกำลังนิ่วหน้าเพ่งมาที่เธอ เธอจึงรีบลดมือลง จับมือถังซีไว้แทน “โอ๊ย ท่าทางเย็นเยือกเป็นภูเขาน้ำแข็งเชียว เธอทนเขาได้ยังไงเนี่ย”
“อะไรนะคะ” ถังซีมองเฮ่อหว่านอีอย่างงุนงง อีกฝ่ายจึงส่งสายตาให้ถังซีมองไปทางเฉียวเหลียง ถังซียิ้มให้เฉียวเหลียง เขาเข้ามาจับมือเธอ กล่าวเสียงทุ้มเบาๆ ว่า “ได้เวลาเข้าไปในโรงละครแล้ว ไปกันเถอะ” กล่าวจบเขาก็จูงถังซีเดินเข้าไปในโรงละคร โดยไม่มองเฮ่อหว่านอีเลยด้วยซ้ำ
เฮ่อหว่านอีตะโกนไล่หลังเขา “เฮ้!” แล้วหัวเราะออกมาดังๆ เมื่อเห็นอย่างนั้นเฉินจื่อเยียนซึ่งกำลังจะเอ่ยปากชมความงามของถังซี ถึงกับสะอึกแล้วพึมพำว่า “เซียวโหรวเป็นอะไรไป”
เมื่อได้ยินเสียงบ่นพึมพำของเด็กสาว เฮ่อหว่านอีก็หัวเราะเบาๆ โอบแขนรอบไหล่เฉินจื่อเยียน “ไม่เข้าใจเหรอ ฉันอธิบายให้ฟังเอาไหม”
ดวงตาเฉินจื่อเยียนเป็นประกาย เธอมองหน้าเฮ่อหว่านอี แล้วเลิกคิ้วถาม “คุณอธิบายได้เหรอคะ”
เฮ่อหว่านอียักคิ้ว “แน่นอน” แล้วเธอก็พาเฉินจื่อเยียนเดินเข้าโรงละครด้วยท่าทีร่าเริงเบิกบานอย่างมาก และเสียงอุทานด้วยความประหลาดใจของเฉินจื่อเยียนก็ดังขึ้นเป็นระยะไปตลอดทาง…
ทางด้านหนิงเหยี่ยน แม้จะทำงานในวงการบันเทิง แต่เขาเกลียดการถูกสัมภาษณ์เป็นที่สุด เขากล่าวปฏิเสธเมื่อพิธีกรขอสัมภาษณ์สักสองสามคำ และเดินหลบออกด้านข้าง เมื่อเห็นเฉียวเหลียงกับถังซีเดินเคียงข้างกันเข้าไปในโรงละคร หนิงเหยี่ยนก็เลิกคิ้วถามเซียวจิ่งซึ่งเดินอยู่ข้างๆ ว่า “นี่นายยอมยกน้องสาวให้เฉียวเหลียงง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”
เซียวจิ่งพ่นลมออกทางจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ ทีแรกพวกเขาก็ลังเล แต่เฉียวเหลียงได้ขโมยหัวใจน้องสาวพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ยอมให้เธอคบกับเฉียวเหลียง น้องสาวอาจจะตัดพี่ตัดน้องกับพวกเขาก็เป็นได้ เมื่อคิดถึงตรงนี้เซียวจิ่งก็ยิ่งโมโห หนิงเหยี่ยนดูออกจากสีหน้าถมึงทึงของเซียวจิ่ง ว่าเขาคงพ่ายแพ้ให้แก่เฉียวเหลียงแล้วเป็นแน่ เขาจึงยิ้ม เอามือซุกในกระเป๋ากางเกงถามต่อไปว่า “ที่นายขายน้องสาวให้เฉียวเหลียงแบบนี้ ครอบครัวเธอว่ายังไงบ้างล่ะ ฉันได้ยินมาว่าพ่อแม่แท้ๆ ของเธอจัดการให้เธอหมั้นหมายไว้กับหลิวเฉิงอวี่ แล้วนี่หลิวเฉิงอวี่รู้หรือเปล่าว่าเธอกำลังคบกับเฉียวเหลียง”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย!” เซียวจิ่งถลึงตาใส่หนิงเหยี่ยน แล้วพ่นลมหายใจออกทางจมูกอีก ถึงแม้ตอนนี้โหรวโหรวจะไปอยู่ที่บ้านคุณลุงฉัน แต่ก็เพื่อไปรักษาอาการคุณป้าเท่านั้น อย่าคิดอะไรให้มันวุ่นวาย! ถ้าพวกเขาจะแย่งโหรวโหรวกลับคืนไป ฉันสู้ขาดใจแน่!”
หนิงเหยี่ยนยักไหล่ แล้วส่งสัญญาณให้เซียวจิ่งมองไปทางอีกด้านหนึ่ง “ดูนั่นสิ ผู้ชายคนนั้นดูเหมือนมองหาใครอยู่ เขาน่าจะกำลังมองหาน้องสาวนายนะ”
เซียวจิ่งมองตาม จึงได้เห็นว่าหลิวเฉิงอวี่กำลังเดินตรงมาทางพวกเขา จากทางอีกฟากหนึ่งของโรงละคร ท่าทางราวกำลังมองหาอะไรอยู่ แล้วทันใดนั้นเขาก็เห็นเซียวจิ่ง เขาหยุดชะงักและกล่าวอะไรบางอย่างกับพวกหัวหน้านักเรียนที่เดินตามมา อีกฝ่ายพยักหน้าและเดินจากไป หลิวเฉิงอวี่เดินตรงมาที่เซียวจิ่ง ซึ่งกำลังมองตรงไปที่เขา เซียวจิ่งกระตุกยิ้มมุมปาก แล้วถามดังๆ กับทุกคน “ยังไม่เข้าไปกันอีกเหรอ” แล้วออกเดินนำหน้าไปทันที
เมื่อเห็นเซียวจิ่งเดินนำหน้าไปก่อน เซียวส่าจึงรีบตามไปจนทัน “เฮ้ย จิ่ง รอด้วยสิ จะรีบไปไหน!”
เฮ่อหว่านโจวผู้ไม่ได้ยินบทสนทนาใดๆ ของใครทั้งสิ้น รู้สึกแปลกใจที่เห็นพวกเขาเดินแยกไปอย่างเร่งรีบเช่นนั้น จึงถามหนิงเหยี่ยนว่า “มีอะไรหรือ ทำไมพวกเขาต้องวิ่งหนีด้วยล่ะ”
หนิงเหยี่ยนมองไปทางหลิวเฉิงอวี่แล้วเลิกคิ้ว “พวกเขาอาจเห็นใครบางคนที่ไม่อยากเจอ…”
เฮ่อหว่านโจวส่งเสียงคำรามในลำคอเบาๆ เมื่อเห็นหลิวเฉิงอวี่ แล้วตะโกนเสียงดังว่า “อ้าว ประธานหลิว เดี๋ยวก่อนสิ! คราวก่อนคุณแนะนำนักแสดงหญิงคนหนึ่งให้ผม หล่อนทำละครผมพังไม่เป็นท่าเลย ผมขาดทุนมหาศาลเพราะเธอคนนั้นเลยนะ คุณจะชดใช้ให้ผมยังไง!” แล้วเขาก็เดินพุ่งตรงไปหาหลิวเฉิงอวี่
เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวเฉิงอวี่ซึ่งกำลังไล่ตามพี่น้องตระกูลเซียวอยู่ก็ต้องหยุดชะงัก หากเขายังคงไล่ตามไป คนอื่นๆ จะต้องเข้าใจว่าเขากำลังพยายามหลบหน้าเฮ่อหว่านโจว…
ด้วยเหตุนี้หลิวเฉิงอวี่จึงหันไปมองเฮ่อหว่านโจว ยิ้มให้เขาแล้วกล่าวว่า “ประธานเฮ่อ บังเอิญจริงๆ ผมกำลังจะโทรไปขอนัดพบคุณวันพรุ่งนี้อยู่พอดี”
…
ทางอีกด้านหนึ่ง ถังซีกับเฉียวเหลียงกำลังเดินเข้าไปในโรงละคร เฉียวเหลียงรับหน้าที่เป็นกรรมการตัดสิน จึงควรไปนั่งที่โต๊ะสำหรับคณะกรรมการ เพื่อจะได้ให้คะแนนตัดสินการแสดงของนักเรียน แม้ถังซีจะต้องแสดงเปียโนในคืนนี้ แต่เธอก็เป็นเพียงนักเรียนคนหนึ่ง เธอจึงควรไปนั่งทางด้านหลัง เฉียวเหลียงต้องการให้เธอมานั่งข้างๆ เขา แต่ถังซีปฏิเสธ เธอไม่อยากให้ดูเป็นการโอ้อวด เฉียวเหลียงเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ จึงต้องยอมให้เธอไปนั่งในที่ของเธอทางด้านหลัง
เมื่อเห็นอย่างนั้นเฮ่อหว่านอีก็ดีใจรีบฉวยโอกาส เธอไม่ได้เป็นกรรมการในคืนนี้ จึงได้นั่งในแถวหน้าสุด มีหน้าที่แค่ชมการแสดง และขึ้นเวทีไปกล่าวอะไรเล็กน้อยในตอนจบเท่านั้น ทันทีที่ถังซีเดินมาจากเฉียวเหลียง เธอก็รีบโบกมือเรียกถังซีมานั่งข้างๆ …
ที่นั่งแถวหน้าสุดจัดไว้สำหรับแขกผู้มีเกียรติสูงสุดเท่านั้น จึงมีเก้าอี้ว่างหลายที่ข้างๆ เฮ่อหว่านอี และเฉินจื่อเยียนก็นั่งอยู่ข้างเฮ่อหว่านอีด้วย ถังซีจึงเดินเข้าไปหา เฮ่อหว่านอีชี้ให้เธอนั่งลง ถังซียิ้มกว้างให้ทั้งสองคน เฉินจื่อเยียนส่งสายตาตัดพ้อให้ถังซี “โหรวโหรว เธอทำให้ฉันเสียใจมาก ฉันอุตส่าห์คิดเสมอว่าเธอเป็นพี่สาวที่แสนดี แต่เธอไม่เคยบอกฉันเลยว่าเธอรู้จักกับพี่หว่านอี!”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะยิ้มให้ “ก็เธอไม่เคยบอกนี่ว่าเธอชอบพี่หว่านอี” แล้วหันไปหาเฮ่อหว่านอี “พี่หว่านอีคะ ยายนี่นินทาอะไรฉันหรือเปล่า”
“เปล่าเลยจ้ะ” เฮ่อหว่านอีเลิกคิ้ว “แค่บ่นให้พี่ฟังเรื่องพวกนักเรียนหญิงตัวร้ายที่คอยอิจฉาเธอ อยากเห็นเธอทำให้ตัวเองขายหน้า และเล่าว่าตัวเองเฝ้ารอให้เธอปรากฏตัวขึ้นมาด้วยท่วงท่าสง่างามราวกับราชินี มาตบหน้าสั่งสอนนังตัวร้ายพวกนั้น จื่อเยียนตื่นเต้นมากเลยนะ ที่รู้ว่าเธอกับพี่สนิทกัน และยังขอถ่ายรูปพี่พร้อมกับลายเซ็นไปเยอะมาก บอกว่าจะเอาไปขายต่อ”
เฉินจื่อเยียนมองถังซีแล้วยิ้มอวด “ไงล่ะ อิจฉาละสิ”
ถังซียิ้มขำ “เธอน่าจะขอรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของฉันด้วยนะ เพราะฉันอาจจะเป็นที่นิยมมากกว่าพี่หว่านอีก็ได้ หลังจากได้เข้าวงการบันเทิง”
“พระเจ้า!” เฮ่อหว่านอียกมือขึ้นปิดปาก เบิกตาโพลง “เฮ้ พี่ยังนั่งอยู่ตรงนี้นะจ๊ะ เห็นกันหรือเปล่าเนี่ย”