ตอนที่ 283 สองฝ่ายร่วมงานกัน / ตอนที่ 284 ถ่ายวิดีโอ

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 283 สองฝ่ายร่วมงานกัน

 

 

หลังจากที่หลี่หมิงฉวีเห็นเหยียนเฟิง สีหน้าก็บิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม ท่าทางอ่อนโยนอย่างหนุ่มเจ้าสำราญในตอนแรกเจือไปด้วยความดุร้าย เมื่อเห็นสายตาของเหยียนเฟิงแล้วก็เหมือนเห็นเหยียนเค่อผ่านเขา บนใบหน้าปรากฏสีหน้าเคียดแค้นปานจะกลืนกิน

 

 

เหยียนเฟิงทรงตัวให้มั่น ยกมือกุมใบหน้าของตน ยังคงความสง่างามของท่าทางไว้ได้ หลี่หมิงฉวีนึกถึงรอยยิ้มเบาสบายของเหยียนเค่อตอนที่อยู่กับซย่าเสี่ยวมั่วแล้ว ความโกรธแค้นในใจก็ผลักดันให้เขาเดินต่อจนเสร็จ

 

 

หลี่หมิงฉวีร้องโอดครวญตลอดทาง แหกปากร้องจนเหยียนเฟิงแสบแก้วหู หลังจากเดินเสร็จแล้วก็ลงไปนอนกับพื้นทันที

 

 

หลี่หมิงเจ๋อเป็นพี่ชายที่ดี เขาไปส่งหลี่หมิงฉวีกลับห้องผู้ป่วยด้วยตนเอง ปลอบโยนอยู่สักพักจึงมาต้อนรับเหยียนเฟิง

 

 

“เมื่อกี้เจ็บหรือเปล่า นายก็ไม่หลบเนาะ” หลี่หมิงเจ๋อใส่ใจเหยียนเฟิงจากใจจริง จริงใจมากกว่าที่เขาปฏิบัติต่อหลี่หมิงเจ๋อ

 

 

เหยียนเฟิงขอถุงน้ำแข็งประคบจากพยาบาล ก่อนจะยิ้มพลางโบกปัด “ตั้งตัวไม่ทันน่ะ แต่ไม่เป็นอะไรมากหรอก”

 

 

ได้ยินเช่นนี้แล้วหลี่หมิงเจ๋อจึงวางใจ “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ถึงต่อยหน้านายจนเบี้ยวเพื่อหลี่หมิงฉวีที่นอนเดี้ยงอยู่ตรงนั้นก็ได้ไม่คุ้มเสียหรอก”

 

 

หลี่หมิงเจ๋อกับเหยียนเฟิงสนิทกันมาก ทั้งคู่อายุเท่ากันและเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกันมาตลอด คนที่สนับสนุนหลี่หมิงเจ๋อก็คือเหยียนเฟิง แต่พ่อของเขาที่เป็นเจ้าบ้านตระกูลหลี่ในตอนนี้คิดว่าเหยียนเฟิงยากที่จะประสบความสำเร็จ จึงรอดูเจ้าบ้านตระกูลเหยียนคนต่อไปไปก่อน แต่พอเกิดเรื่องหลี่หมิงฉวีขึ้น จึงเกิดความแค้นขึ้นระหว่างบ้านสองและเหยียนเค่อ เขาเองก็ถูกบีบให้ต้องตัดสินใจล่วงหน้า เขาจึงต้องเดิมพันกับเหยียนเฟิงเช่นกัน

 

 

“นายกับหลี่หมิงฉวีเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ” เหยียนเฟิงตบบ่าเขา

 

 

หลี่หมิงเจ๋อเอ่ยเหยียด “ถ้านายมีน้องชายเดี้ยงนายต้องดูแลเขาดีกว่าฉันแน่นอน”

 

 

เหยียนเฟิงเองก็รู้ว่า ถึงมองเผินๆ หลี่หมิงเจ๋อจะสนิทกับหลี่หมิงฉวี แต่ความจริงก็คอยจูงจมูก

 

 

หลี่หมิงฉวีอยู่เช่นกัน

 

 

“ตอนนี้เขาน่าจะยังไม่มีเวลามาสนใจหรอก” ‘เขา’ ที่เหยียนเฟิงพูดถึงก็คือเหยียนเค่อ ตนส่งรูปเหล่านั้นให้สำนักหนังสือพิมพ์เรียบร้อยแล้ว มีสำนักหนังสือพิมพ์หลายเจ้าที่มีข้อพิพาทกับทาง YAN

 

 

ตอนนี้เหยียนเค่อน่าจะกำลังจัดการกับข่าวของตัวเองอยู่ล่ะมั้ง เหยียนเฟิงคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น

 

 

เหยียนเค่อยุ่งอยู่ก็จริง แต่ที่ยุ่งก็เพียงเพราะว่าไม่อยากให้ตัวเองอยู่ว่างๆ ก็เท่านั้น

 

 

จากนิสัยของเหยียนเค่อนั้น เดิมทีก็คงไม่มีทางให้สำนักหนังสือพิมพ์ที่มีข้อพิพาทกับตนได้มีอยู่อีกต่อไป ต่อให้มีก็เป็น ‘ศัตรู’ ที่เขาจัดฉากขึ้นมา อย่างไรเสียก็มีคนอยากจะกำจัดเขาเยอะขนาดนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือให้พวกคุณที่อยากจะทำร้ายเขานำเอาของเหล่านั้นมามอบให้เขาแต่โดยดี

 

 

เหยียนเค่อได้รับข่าวว่าเหยียนเฟิงถูกหลี่หมิงเจ๋อต่อยหน้าแล้วก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมานิดหน่อย ถ้าไม่ใช่การเล่นละครตบตาล่ะก็ เขาคงต้องยอมถอยให้เขาจริงๆ แล้วล่ะ

 

 

เซ่าหมิงฟ่านโทรมาได้ตรงเวลาพอดี เหยียนเค่อที่ตอนแรกกำลังเหม่อมองหน้าต่างอยู่ยกมือขึ้นกดเปิดสปีกเกอร์ ก่อนจะตอบรับอย่างเกียจคร้าน “นายโทรหาฉันทุกช่วงเวลาหลังอาหารเลย ว่างขนาดนั้นเลยหรือไง”

 

 

“แล้วนายว่าฉันว่างไหมล่ะ” เซ่าหมิงฟ่านทำงานจนเหนื่อยแทบตาย แต่เขากลับมาบอกว่าเขายังงานยุ่งไม่พอเนี่ยนะ

 

 

“แล้วนายมีเรื่องอะไร ฉันยุ่งอยู่” เหยียนเค่อขยับปรับมุมของหน้าจอใหม่ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วดูโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัท

 

 

“พี่ชายโดนต่อยเพราะนายทีเดียว นายคงไม่ใจอ่อนเลยหรอกนะ”

 

 

“ก็นิดหน่อย ฉันว่าจะจัดการความแค้นคราวก่อนเสียหน่อย” เหยียนเค่อเอ่ยอย่างจริงจัง

 

 

เซ่าหมิงฟ่านฟังแล้วก็เอือมระอา ถ้ายังมีทางหนีทีไล่สำหรับความแค้นคราวที่แล้วอยู่ล่ะก็ เขาคงไม่ต้องเป็นห่วงเหยียนเค่อแล้ว

 

 

“นายไม่ติดกับหรอกเหรอ ฉันนึกว่าพอนายใจอ่อนแล้วจะปล่อยให้พี่นายทำเรื่องเลวๆ ต่อไปซะอีก”

 

 

“เหมือนว่าฉันจะยังไม่ได้ป้องกันมั้ง” เหยียนเค่อไม่เคยป้องกันเหยียนเฟิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเขาก็ไม่สนใจเหยียนกรุ๊ปเท่าไรด้วย ในทางธุรกิจแล้วทั้งสองฝ่ายไม่ค่อยได้ติดต่อกันนัก

 

 

เหยียนเค่อหลบเลี่ยงธุรกิจหลักของตระกูลตัวเองอย่างสุดชีวิต ให้ทั้งสองฝ่ายเกี่ยวพันกันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ต่อให้เป็นเช่นนี้แต่เหยียนเฟิงก็ยังมาต่อต้านเขาในยามที่เหยียนกรุ๊ปหยุดพัฒนาและอ่อนแอลงอยู่ดี หวังเพียงจะไม่เกิดปัญหาให้ทั้งสองจะมาฉีกหน้ากันก็พอ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 284 ถ่ายวิดีโอ

 

 

เหยียนเค่อโทรศัพท์ไปพลางกดเปิดคลิปประชาสัมพันธ์ของเดือนตุลาคมไปพลาง เห็นเซียวอู๋อี้ที่อยู่บนหน้าจอยกกระดานไวท์บอร์ด เสียงอันนุ่มนวลนั่นสำหรับเขาแล้วช่างน่าสะอิดสะเอียน

 

 

เมื่อก่อนเขากับเซียวอู๋อี้ไม่เคยเจอกันมาก่อน เพียงแต่เคยได้ยินผู้จัดการเอ่ยชมเชยอยู่หลายหนเท่านั้น ตอนนั้นก็เลยถามซย่าเสี่ยวมั่วว่าเธอสู้เซียวอู๋อี้ได้หรือเปล่า

 

 

ความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนช่างน่าประหลาด ครั้งแรกที่เขาเจอเซียวอู๋อี้ก็ในใจก็ขับไล่ไสส่งโดยไม่รู้ตัว ขีดเส้นให้คนประเภทนี้เป็นได้แค่คนแปลกหน้าที่จะไม่มีวันไปเกี่ยวข้องด้วย โดยไม่รู้ตัวก็มีหลายคนที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต หรือแม้กระทั่งเข้าไปอยู่ในอนาคตของตนด้วย

 

 

“นายได้ยินฉันพูดไหมเนี่ย!” เซ่าหมิงฟ่านพูดไปเป็นชุดแต่สุดท้ายกลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา

 

 

เหยียนเค่อคลิกเมาส์กดหยุดวิดีโอ “ฉันมีเรื่องต้องทำต่อ วางก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกัน”

 

 

“ก็ได้ บาย…” เซ่าหมิงฟ่านชิงวางสายก่อน คิดว่าเหยียนเค่อที่ไม่ได้วางหูก่อนต้องโมโหแน่ๆ แต่ความจริงแล้วเหยียนเค่อโยนโทรศัพท์ไปไว้อีกด้านอย่างไม่ไยดีแล้วต่อสายโทรศัพท์ภายในเสียแล้ว

 

 

ผู้จัดการแผนกวางแผนยังไม่ทันได้เอ่ยทักทายก็ได้ยินเสียงเย็นยะเยือกของเจ้านายตนดังขึ้นเสียก่อน จนเกือบจะมองข้ามเนื้อหาไป

 

 

“ถ่ายวิดีโอประชาสัมพันธ์ของเดือนนี้ใหม่ เอาคนใหม่มาถ่ายให้หมด ไม่ต้องสนใจคนที่จะหมดสัญญาแล้ว”

 

 

“เอ่อ ได้ครับ” ผู้จัดการแผนกวางแผนรีบกระจายงาน และประกาศแจ้งอีกครั้ง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้รับแจ้งแล้วแต่ไม่รู้ว่าสถานที่ที่ถ่ายวิดีโออยู่ที่ไหน อันหร่านที่จะไปเข้าห้องน้ำพอดีจึงเดินไปเป็นเพื่อน

 

 

เธอยืนรออันหร่านอยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำ ดูคลิปโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ถูกบริษัทปัดตกไปในโทรศัพท์ ทั้งๆ ที่ก็ดูใช้ได้แท้ๆ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องถ่ายใหม่ให้เปลืองเงินแถมพนักงานยังเหนื่อยด้วย ซย่าเสี่ยวมั่วพูดเสียงเบา “ประสาทเสียยิ่งกว่าเหยียนเค่อซะอีก”

 

 

อันหร่านเดินออกมา กำลังจะตบบ่าเธอก็ได้ยินคำพูดนั้นเข้าเสียก่อน เธอมือสั่น มุมปากกระตุก ก่อนจะเก็บมือกลับไปอย่างเงียบเชียบแล้วคิดในใจ ‘ไม่ได้ประสาทเสียยิ่งกว่าเหยียนเค่อหรอก แต่

 

 

เหยียนเค่อประสาทเสียมากกว่าเดิมต่างหากล่ะ’

 

 

อันหร่านพาซย่าเสี่ยวมั่วลงไปยังห้องถ่ายทำด้านล่าง ก่อนจะฝากฝังเธอเอาไว้กับผู้จัดการแผนกวางแผน

 

 

“ทำออกมาให้ดีล่ะ เธอเป็นตัวชูโรงของบริษัทเราเลยนะ” ผู้จัดการแผนกออกแบบเอ่ยหยอกล้อ ก่อนจะหันไปสั่งตากล้องและคนให้เคลียร์พื้นที่

 

 

เป็นครั้งแรกที่ซย่าเสี่ยวมั่วได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ ทำให้ยังไม่คุ้นชินเท่าไรนัก “ฉัน…”

 

 

“ชินแล้วก็ดี ครั้งนี้อีเสินก็ยอมเปิดเผยตัวด้วย พวกเธอสองคนเป็นหน้าตาของบริษัทเราเลยนะ”

 

 

“เอ๊ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วตกใจ “อีเสิน?” อีเสินปกปิดชีวิตในโลกส่วนตัวของตนมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้กลับยอมเปิดเผยเนี่ยนะ?!

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วมองหน้าผู้จัดการอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

 

ผู้จัดการยิ้มหวาน “แต่ว่าเขาอยู่คนสุดท้ายท้ายสุดเลยน่ะ ขั้นตอนการถ่ายทำจะถูกปกปิดไว้ทั้งหมด จะได้เห็นเขาแค่ในคลิปตอนสุดท้ายเท่านั้น”

 

 

“ฉันอยากได้ลายเซ็นน่ะค่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วขอร้องเขาด้วยสีหน้าหลงใหลได้ปลื้ม

 

 

“ได้สิ ฉันจะพยายามนะ เดี๋ยวจะตัดต่อคลิปของเธอกับเขารวมไว้ด้วยกันเลย”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วได้รับเซอร์วิสที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ก็ยกไวท์บอร์ดขึ้นอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะอ่านบทพูดบนกระดานด้านบนกล้องด้วยสีหน้าอ่อนโยน “รักลึกซึ้งในอาชีพของฉัน รักเคารพเจ้านายของฉัน”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วชะงักครู่หนึ่ง เจ้านายของเธอก็คือชายวัยกลางคนที่มอบเซอร์วิสนี้ให้เธอไม่ใช่เหรือไง ทำไมถึงเป็นบทพูดที่น่าสะอิดสะเอียนแบบนี้ล่ะ “หวังว่าทุกคนจะช่วยสนับสนุนฉัน ฉันไม่ได้รักแค่เจ้านายเท่านั้น แต่ก็รักพวกคุณด้วยนะคะ!”

 

 

เธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองรักเจ้านายเลย กำลังสงสัยว่าเจ้านายของตนเป็นคนที่มีความชอบที่พิเศษพิสดารอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงให้พนักงานผู้หญิงพูดบทพูดที่ชวนอ้วกเช่นนี้

 

 

ผู้จัดการแผนกวางแผนที่ได้รับบทพูดมาประหลาดใจเสียยิ่งกว่าเธอเสียอีก บอสใหญ่ของเขาเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก ถึงเขียนบทพูดใส่กระดานด้วยตนเองแล้วใช้ให้คนเอามาส่งให้ ให้ใส่คำพูดที่ไร้เหตุผล ไม่มีตรรกะและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์เช่นนี้ใส่ลงไปในโฆษณาประชาสัมพันธ์

 

 

หลังจากซย่าเสี่ยวมั่วอัดวิดีโอเสร็จแล้ว ก็หมุนข้อมือคลายความเมื่อยจากการชูกระดานไวท์บอร์ดเป็นเวลานาน ส่วนภายในใจคิดถึงอีเสิน ขณะที่กำลังจะเดินเยื้องกรายออกไปอยู่นั้น ผู้จัดการแผนกวางแผนก็เอากระดานไวท์บอร์ดที่เขียนตัวหนังสือไว้ด้านบนและใช้พลาสติกแรปปิดให้อย่างดียื่นให้เธอ “เธอเอาไปแขวนไว้ในห้องทำงานได้นะ”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกอดกระดานกลับห้องทำงานอย่างงุนงง คิดๆ ดูแล้วจึงหามุมว่างๆ สักมุมแล้วแขวนมันไว้อย่างขอไปที