ตอนที่ 285 เปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ / ตอนที่ 286 สมองเหมาะสมกันดี

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 285 เปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจ 

 

 

เหยียนเค่อรู้ว่าจู่ๆ ตนก็เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ แถมยังเขียนบทพูดโง่เง่านั่นอย่างกับไร้ซึ่งคำจะพูดอีก การที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดประโยคนั้นไปทำให้ทั้งตัววิดีโอประชาสัมพันธ์ใช้งานไม่ได้ สิ้นเปลืองทรัพย์สินและแรงกายของพนักงานไปสุดท้ายก็ใช้วิดีโอเดิม 

 

 

ฝ่ายโฆษณาและฝ่ายวางแผนตัดต่อวิดีโอตัวใหม่เสร็จเรียบร้อย แต่หลังจากส่งไปแล้วกลับได้รับแจ้งว่าจะโพสต์คลิปตัวเก่า แต่ละคนต่างก็ไปอัปเดตสถานะบนเว็บไซต์อย่างจำยอม 

 

 

“ฉันไม่ได้รักแค่เจ้านายเท่านั้น…” เหยียนเค่อได้ฟังคำต้องห้ามนั้นแล้วก็ใจเต้นระรัวแปลกๆ ฟังซ้ำอีกหลายครั้งจึงปิดคลิปนั้นทิ้ง ใช้การงานมาเบี่ยงเบนความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง กรรมที่ตนก่อไว้ ถึงกระอักเลือดก็ต้องยอมรับแต่โดยดี 

 

 

เหยียนเฟิงและหลี่หมิงเจ๋อคุยเรื่องรายละเอียดของงานกันสักพัก กว่าจะกลับเข้าไปที่เหยียนกรุ๊ปก็เที่ยงแล้ว 

 

 

หลังจากสะสางเรื่องราวที่ต้องจัดการแล้วเหยียนเฟิงก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย จึงกดเปิดเว็บไซต์ข่าวดู แต่หลังจากไล่ดูไปเรื่อยๆ แล้วนั้นอารมณ์กลับค่อยๆ จมดิ่ง 

 

 

ข่าวของเหยียนเค่อนั้นหายไปหมดแล้ว ทั้งหมดถูกแทนที่ด้วยข่าวฉาวของเหล่าดาราและข่าวความเคลื่อนไหวการร่วมมือกันของผู้มีอำนาจในโลกอสังหาริมทรัพย์ 

 

 

ร่องรอยบนหน้าที่ผ่อนคลายคงกลับมาเครียดตึงอีกครั้ง 

 

 

“นี่น้อง จัดการข่าวด้านลบของเหยียนเค่อหมดแล้วเหรอ” 

 

 

“ค่ะ เหนื่อยมากเลย ประธานเหยียนของเราไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน แถมยังสร้างปัญหาไว้ให้พวกเราอีก” อีกฝ่ายไม่ได้ระมัดระวังเลยสักนิด มีความสบายๆ และผ่อนคลายในน้ำเสียง 

 

 

“เหนื่อยหน่อยนะพวกเธอ เหยียนเค่อทำตัวเหลวไหลจนเคยตัว เธอก็ตั้งใจทำงานล่ะ คอยช่วยเขาหน่อย” ฟังจากน้ำเสียงของเหยียนเฟิงแล้วกำลังผูกสัมพันธ์ที่ดีแทนน้องชายของตนอยู่ แต่สีหน้าของเขากลับอึมครึม 

 

 

“ไม่ทำให้รุ่นพี่ผิดหวังแน่นอนค่ะ” อีกฝ่ายตอบรับอย่างซุกซน พูดคุยกับเขาต่ออีกสักพักก่อนจะวางสายไป 

 

 

สีหน้าของเหยียนเฟิงเคร่งขรึม เขาประเมินความสามารถของเหยียนเค่อต่ำเกินไป 

 

 

“ท่านประธานครับ ประธานสวีบอกว่าคุณสวีอิ๋งอิ๋งเป็นคนขโมยเอกสารฉบับนั้นไปให้พี่ชายของท่านจริงๆ ครับ” ผู้ช่วยหวังรายงานข่าวที่ได้รับแจ้งมาตั้งนานแล้วให้เขาทราบ 

 

 

เหยียนเค่อไม่มีกะจิตกะใจมาดูรายละเอียดขั้นตอนนัก เอกสารฉบับที่สวีอิ๋งอิ๋งเอาไปให้เหยียนเฟิงคือแผนโครงการของหนานซานที่แท้จริง แต่สิ่งที่แท้จริงยิ่งกว่านั้นอยู่ในสมองของเหยียนเค่อต่างหาก 

 

 

สำหรับนักธุรกิจแล้ว การเชื่อในตัวเองคือวิธีที่ถูกต้องที่สุด ตัวพาหะใดก็ไม่น่าเชื่อถือเท่ากับสิ่งที่มีเชื้อนั้นอยู่กับตัว 

 

 

สำหรับวิธีการที่สวีอิ๋งอิ๋งอาศัยอำนาจของเหยียนเฟิงนั้น สวีอันหรานเองก็จับทางไม่ค่อยได้เช่นกัน 

 

 

น้องสาวของเขาคนนี้ก็ดูฉลาดดีนี่นา ทำไมถึงมีความคิดว่าเหยียนเค่อเทียบเหยียนเฟิงไม่ได้กันนะ คงไม่ได้ตกหลุมรักเหยียนเฟิงจริงๆ หรอกนะ? 

 

 

“ยายโง่สวีอิ๋งอิ๋งไม่ทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ขโมยเอกสารที่เป็นกระดาษไปเสียด้วย ต้องหาอะไรมาเลี้ยงสมองหน่อยไหมนะ” เหยียนเค่อไม่เข้าใจการที่เธอขโมยต้นฉบับไปแถมยังไม่เตรียมเอกสารปลอมแปลงเอาเสียเลย “เขาทำแบบนี้นี่เพราะว่าตั้งใจหรือว่าโง่จริงๆ กันนะ” 

 

 

เหล่าผู้ช่วยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก จะตอบอย่างไรดีล่ะทีนี้ พวกเขาไม่ได้เรียนจิตวิทยามาเสียหน่อย 

 

 

“ให้ผู้หญิงแบบนี้มาเป็นภรรยา ผมคงต้องระวังตัวหน่อยแล้ว อันตรายเกินไป” เหยียนเค่อไม่ต้องการให้พวกเขาตอบ เป็นการยอมรับว่าสวีอิ๋งอิ๋งโง่ไปโดยปริยาย ก่อนจะชื่นชมตัวเอง “ผมคิดว่าสักวันหนึ่งเขาคงจะหักหลังผมแล้วเสนอตัวให้คนอื่นสินะ ขนาดคนไอคิวสูงอย่างผมยังช่วยเขาไม่ได้เลย” 

 

 

เหล่าผู้ช่วยเหลือบมองเพดานอย่างเอือมระอา ท่านไม่หักหลังคนอื่นก็นับว่าดีแล้ว คนอื่นหักหลังท่านน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ 

 

 

หลังจากเหยียนเฟิงไปถึงห้องทำงานแล้วก็หยิบแฟ้มเอกสารที่สวีอิ๋งอิ๋งส่งมาให้ออกมา พลิกดูก่อนจะอ่านโดยละเอียดหนึ่งรอบ 

 

 

เขารู้สึกว่าแผนการฉบับนี้ละเอียดครอบคลุมมาก แนวความคิดชัดเจน กลยุทธ์ก็สอดคล้องกับความเคยชินของเหยียนเค่อ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นแผนการที่ดีที่สุดแล้ว แต่หลังจากที่เหยียนเค่อจัดการเรื่องสำนักหนังสือพิมพ์เรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มเคลือบแคลงในแฟ้มฉบับนี้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ 

 

 

ทางที่ดีเหยียนเฟิงอย่าเชื่อจะดีกว่า เพราะเช่นนั้นเขาจะได้ไม่ต้องไปแก้ไขแผนการอีก ส่วนเรื่องรูปก็ถือว่าช่วยเขากลับสักครั้งแล้วกัน เหยียนเค่อคิดอย่างใจกว้าง 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 286 สมองเหมาะสมกันดี 

 

 

ตอนที่เบลล์เอาเอกสารไปส่งให้เหยียนเฟิงก็เห็นว่าเหยียนเฟิงดูเอกสารในมือด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก จึงวางเอกสารไว้แล้วถอยกลับออกไปอย่างรวดเร็ว แต่มือเพิ่งจะแตะลูกบิดก็ได้ยินคำสั่งของเหยียนเฟิงเสียก่อน “ไปลิสต์รายชื่อผู้หญิงที่ถึงวัยต้องแต่งงานของแต่ละตระกูลมาให้ผม” 

 

 

“ค่ะ” มือของเบลล์ชะงักไป ก่อนจะตอบรับด้วยใบหน้าเรียบเฉย 

 

 

เหยียนเฟิงคิดว่าตัวเองในตอนนี้ต้องใช้การแต่งงานเพื่อให้ได้ซึ่งกำลังเสริมมา และอิทธิพลของฝ่ายหญิงอย่างน้อยก็ต้องเทียบเท่ากับเหยียนกรุ๊ป เขาถึงจะมั่นใจว่าสามารถเอาชนะเหยียนเค่อได้ 

 

 

เมื่ออันหร่านไปถึงห้องทำงานของซย่าเสี่ยวมั่วก็โดนแผ่นกระดานที่แขวนไว้อยู่บนผนังดึงดูดสายตา 

 

 

“นี่เธอเขียนเองแล้วแขวนขึ้นไปเหรอ” อันหร่านชี้กระดานแผ่นนั้นแล้วมองหน้าเธอ “ทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นรู้เลยว่าเธอรักเคารพในอาชีพแบบนี้ด้วย” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วหันไปมองปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดปิดปากพูดเสียงเบา “ฉันไม่ได้เป็นประสาทสักหน่อย บอสเขียนต่างหากล่ะ คนอย่างบอสคงไม่ได้คิด…แบบนั้นกับฉันหรอกนะ” เธอมีสีหน้ากลุ้มใจขึ้นมาทันที 

 

 

อันหร่านฟังจบใจก็กระตุกขึ้นมา กำลังจะอ้าปากด่าก็คิดไปถึงบอสที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดถึงกับบอสที่ 

 

 

อยู่ในความคิดของเธอ จึงเก็บคำพูดกลับไปอย่างเหมาะสม “แบบนั้นอะไรกันล่ะยะ บอสเราน่ะเมียคุมเข้มนะจะบอกก่อน” 

 

 

“รูปร่างกำยำขนาดนั้นแล้วเมียยังตามคุมอีกเหรอ” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่เชื่อ ยังคงเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเอง “ฉันอยู่ห่างจากเขาหน่อยดีกว่า รู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยเลย” 

 

 

อันหร่านหมดคำพูด ใครจะกล้าคิดอะไรกับเธอกันล่ะ คนที่คิดเขาไม่ทำให้เธอรู้ตัวหรอก 

 

 

“เอาเถอะๆ ฉันให้เธอกินเยอะๆ หน่อยเธอกินหรือยัง” 

 

 

“ยังเลย” ซย่าเสี่ยวมั่วเหนื่อยใจ “ฉันต้องไปนัดบอดอีกเนี่ย แล้วยังต้องมาตั้งรับบอสอีก” เธอปิดหน้าแล้วโอดครวญ “คนอื่นเขามีแต่ลักกี้อินเกมแต่ไม่ลักกี้อินเลิฟ ทำไมฉันไม่เห็นโชคดีเหมือนคนอื่นเขาบ้างเลยล่ะ แถมยังโชคร้ายไปเสียทุกเรื่องเลยด้วย” 

 

 

“แสงอาทิตย์สาดส่องหลังฝนตกเสมอ เธอลองเปลี่ยนมุมมองดูก็จะรู้เอง” 

 

 

“ถึงเปลี่ยนมุมมองแล้วฉันว่าบอสเราก็ยังคิดแบบนั้นอยู่ดีอะ…” 

 

 

“เอาเถอะ” อันหร่านยอมแพ้ “ฉันมาพาเธอไปกินข้าว” 

 

 

“เอ๊ะ วันนี้เธอเลิกก่อนเวลาเหรอเนี่ย!” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “คนที่ลักกี้อินเลิฟนี่แตกต่างไปจากเดิมจริงๆ เลยน้า กล้าเลิกงานก่อนซะด้วย เมื่อไรจะพาพี่ชายในห้องน้ำคนนั้นมาเจอฉันสักทีล่ะ” 

 

 

“ห้องน้ำบ้านเธอสิ” อันหร่านจิ้มกะโหลกเธออย่างอารมณ์เสีย “มีเวลาค่อยว่ากัน ฉันจะควงมาอวดเธอแน่” 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกุมอก “ฉันก็แค่คนโสดคนหนึ่ง ทำไมฉันต้องวาดการ์ตูนหวานแหววน่ารักละมุนนั่นทั้งวันด้วย ฉันจะแก้แค้นสังคม!” 

 

 

ทั้งสองคนเพิ่งลงมาก็เจอกับเจ้านายรูปร่างกำยำที่ซย่าเสี่ยวมั่วพูดถึง ซย่าเสี่ยวมั่วหมุนตัววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วจนอันหร่านคว้าไว้ไม่ทัน 

 

 

“เป็นอะไรไป ทำไมเห็นหน้าฉันแล้วต้องวิ่งด้วย” ชายวัยกลางคนงุนงง จึงถามอันหร่าน 

 

 

อันหร่านยิ้มแห้ง “เธอปวดเข้าห้องน้ำกะทันหันน่ะค่ะ ท่านก็อย่าถือสาเลยนะคะ” 

 

 

“อ๋อ” ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าถือสาสองสาวในความดูแลของบอสใหญ่ จึงโบกมือปัดแล้วเดินไปทางอื่น “ไม่ถือสาหรอก มีอะไรก็ไปทำเถอะ” 

 

 

“ค่ะๆๆ” อันหร่านเม้มปาก อะไรจะโชคดีปานนี้ โดดงานก่อนเวลาครั้งแรกก็เจอเจ้านายเลย 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วเข้ามาหลบในห้องน้ำจริงๆ อันหร่านต้องโทรหาเธอถึงจะยอมมุดหัวออกมา 

 

 

“หลบมาอยู่ในนี้ก็เหมาะกับสมองของเธอดี” อันหร่านยืนบังอยู่หน้าทางเข้ามองเธอแสร้งทำเป็นจัดเสื้อผ้าอย่างใจเย็น 

 

 

“เธอจะไปเข้าใจอะไร ห้องน้ำหญิงน่ะปลอดภัยที่สุดแล้ว” 

 

 

“เธอเป็นโรคหลงผิดคิดว่าจะโดนทำร้ายหรือเปล่าเนี่ย” อันหร่านชักสงสัยว่ายายนี่โดนเหยียนเค่อทำร้ายใจจนสติไม่ดีไปแล้วหรือเปล่า 

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วรู้ว่าอันหร่านไม่มีทางรับรู้ถึงสภาพจิตใจตื่นตระหนกหวาดระแวงของตน จึงไม่โต้ตอบและปล่อยให้อันหร่านบ่นต่อไป