ตอนที่ 298 ไปดูกู้เฝิ่นไต้เป็นครั้งสุดท้าย / ตอนที่ 299 องค์หญิงสามดูละคร

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 298 ไปดูกู้เฝิ่นไต้เป็นครั้งสุดท้าย

 

 

 

 

ที่จวนสกุลกู้

 

 

ซูเหมยกำลังคุยกับกู้จื่อหยวนในห้อง ความสัมพันธ์ของสองแม่ลูกดีขึ้นมาก ใบหน้าของซูเหมยมีรอยยิ้ม ทันใดนั้นสาวใช้คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “ฮูหยิน แย่แล้ว เกิดเรื่องขึ้นแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

ซูเหมยกำลังดื่มชา สีหน้าไม่พอใจ “ตงเหมย ลืมแบบแผนอีกแล้ว เซ่อซ่าไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว เกิดอะไรขึ้นหรือ”

 

 

“ฮองเฮา” ตงเหมยหายใจหอบ แล้วพูดต่อ “ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว”

 

 

ซูเหมยคลายมือออก ถ้วยชาในมือตกลงกับพื้น ดังเพล้ง น้ำชาหกกระจาย แม้กู้เฝิ่นไต้จะเย็นชากับนางไม่น้อย แต่ก็เป็นลูกสาวของนาง ซูเหมยมองหน้าตงเหมยอย่างตกตะลึง “เจ้าว่าอะไรนะ”

 

 

ตงเหมยคุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าปวดร้าว “ฮูหยินโปรดอย่าเสียใจ ฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้วเจ้าค่ะ”

 

 

“เป็นไปไม่ได้” กู้จื่อหยวนผุดลุกขึ้น กำหมัดแน่น “ข้าไม่เชื่อ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด พี่สาวจะเกิดเรื่องร้ายได้อย่างไร”

 

 

ตงเหมยคุกเข่าที่พื้น ไม่กล้ามองหน้าคนทั้งสอง ก้มหน้าต่ำตัวสั่นงันงก กลัวว่าคนทั้งสองจะระบายความโกรธมาที่ตน

 

 

“บ่าวเองก็เพิ่งได้ข่าวเมื่อกี้ เมื่อคืนฮองเฮาถูกทำร้ายที่ริมทะเลสาบฉางหมิง คนที่ทำร้ายฮองเฮาก็คือน้องสาวแท้ๆ ขององค์หญิงอันผิง ตอนนี้ถูกขังที่คุกวังหลวง”

 

 

“เจ้าว่าซูเหลียงอินฆ่าเฝิ่นไต้หรือ เป็นไปได้อย่างไร เข้าใจผิดหรือไม่”

 

 

กู้จื่อหยวนเคยเจอซูเหลียงอินไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ซูเหลียงอินเพิ่งอายุสิบสี่ปี แม้ปากคอเราะราย แต่เด็กน้อยอย่างนี้จะลงมือกับกู้เฝิ่นไต้โดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร

 

 

“เป็นข่าวที่บ่าวได้ยินมาเจ้าค่ะ นายท่านให้บ่าวมาแจ้งอีกที เรื่องอื่นบ่าวไม่รู้เจ้าค่ะ”

 

 

“ท่านแม่ เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่เชื่อว่าซูเหลียงอินจะฆ่าเฝิ่นไต้ ต้องเป็นคนอื่นแน่”

 

 

ช่วงนี้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง กู้จื่อหยวนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขากับกู้เฝิ่นไต้สนิทสนมกันมาตลอด เวลานี้กู้เฝิ่นไต้ตายไปแล้ว และตายด้วยน้ำมือของซูเหลียงอิน เป็นเรื่องที่เขารับไม่ไหวจริงๆ

 

 

ซูเหมยโบกมือ ทำท่าให้ตงเหมยออกไป แล้วทรุดนั่งบนเก้าอี้อย่างเหม่อลอย

 

 

หลังจากกู้เฝิ่นไต้ถูกกักบริเวณ ซูเหมยก็คิดตลอดเวลา หวังว่าสักวันหนึ่งกู้เฝิ่นไต้จะกลับมาเป็นที่โปรดปรานอีก

 

 

นางจึงไปกำชับกำชากู้เฝิ่นไต้ให้สะกดความรู้สึกไว้ นางรู้สึกว่าถ้าสะกดความรู้สึกได้ วันหลังก็จะมีโอกาส นึกไม่ถึงว่ากู้เฝิ่นไต้ไม่มีโอกาส ตอนนี้ก็ตายไปแล้ว สกุลกู้ไม่เป็นพระญาติของราชตระกูลอีกต่อไป

 

 

ลูกสาวที่นางบ่มเพาะมาอย่างยากเย็น สุดท้ายก็ไม่ได้ครองบัลลังก์ฮองเฮาอย่างมั่นคง แม้นางจะรักลูกชายมากกว่า แต่กู้เฝิ่นไต้ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของนาง พอนึกถึงว่าไม่มีกู้เฝิ่นไต้แล้ว ในใจก็รู้สึกวิตก

 

 

กู้เฝิ่นไต้ถูกกักบริเวณ ตามแบบแผนแล้วไม่อาจออกจากวังเว่ยยางกง ทำไมออกไป ทำไมจึงพบซูเหลียงอิน ซูจิ่วซือเป็นปรปักษ์กับกู้เฝิ่นไต้ ตั้งแต่ซูจิ่วซือชนะเลิศการแข่งขันขี่ม้ายิงธนู สกุลกู้กับสกุลซูก็ไม่เป็นอันสงบ

 

 

ซูจิ่วซือวางตัวเป็นศัตรูกับครอบครัวซูเหวิน และสกุลกู้

 

 

ซูเหมยยิ่งคิดยิ่งแค้น แค้นจนอยากฉีกซูจิ่วซือเป็นชิ้นๆ  ชีวิตของนางถูกหลานสาวของซูหลิ่วทำลายย่อยยับ

 

 

“จื่อหยวน แม่จะเข้าวัง”

 

 

ซูเหมยพยายามสะกดใจให้สงบ แล้วพูดขึ้น

 

 

“ท่านแม่ ข้าเข้าวังกับท่านแม่”

 

 

ซูเหมยพยักหน้า “อย่างนี้ก็ดี”

 

 

ขณะที่ซูเหมยเตรียมตัวเข้าวัง ทางวังก็ส่งคนมา เป็นคนของเสิ่นไทเฮา มีพระบัญชาให้ซูเหมยเข้าวัง

 

 

ซูเหมยกับกู้เหยี่ยนพากู้เหยี่ยนเข้าวัง ไปดูกู้เฝิ่นไต้เป็นครั้งสุดท้าย

 

 

 

 

——

 

 

 

 

ตอนที่ 299 องค์หญิงสามดูละคร

 

 

 

 

พอเห็นร่างของกู้เฝิ่นไต้ ซูเหมยก็ปิดหน้าร้องไห้ แต่ต่อหน้าคนราชตระกูลไม่อาจปล่อยอารมณ์เกินไป ได้แต่เอาผ้าเช็ดน้ำตาตลอดเวลา

 

 

กู้เหยี่ยนก็ตาแดง นางเป็นลูกสาวของเขา กู้เหยี่ยนรู้สึกปวดร้าวใจที่สุด ชั่วพริบตาเขาก็แก่ทันที

 

 

กู้จื่อหยวนพอเห็นร่างของกู้เฝิ่นไต้จึงเชื่อจริงๆ ว่ากู้เฝิ่นไต้จากไปแล้ว ที่นี่เป็นวังเว่ยยางกง เขาไม่อาจพุ่งออกไป ได้แต่ยืนมองกู้เฝิ่นไต้อยู่ใกล้ๆ

 

 

ที่หน้าผากของนางมีบาดแผลซึ่งมีผ้าขาวพันไว้ เลือดหยุดไหลแล้ว หลับตาไร้สุ้มเสียงไร้ลมหายใจ

 

 

มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของเขากำหมัดแน่น ซูเหลียงอินฆ่ากู้เฝิ่นไต้จริงๆ  ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะให้ซูเหลียงอินชดใช้ เอาชีวิตของนางชดใช้ชีวิตของกู้เฝิ่นไต้

 

 

“ใต้เท้ากู้ ฮูหยินกู้ เรากำลังจะย้ายฮองเฮาเข้าโลง ระงับความโศกเศร้าเถิด”

 

 

 เสิ่นไทเฮาทรงมีรับสั่งให้พวกเขาเข้าวังเพื่อดูกู้เฝิ่นไต้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นก็จะนำศพใส่โลงเคลื่อนย้ายไปที่ศาลบรรพชน

 

 

“พี่เหยี่ยน ไต้เฝิ่น…” ซูเหมยอยากเกาะกู้เหยี่ยนซึ่งอยู่ข้างๆ  แต่กู้เหยี่ยนหลีกห่าง เขายังคงสงบ พยักหน้าให้หัวหน้าขันทีหลี่ “รบกวนหัวหน้าหลี่แล้ว”

 

 

พูดจบก็ออกไปก่อน

 

 

ซูเหมยยืนอยู่ที่เดิม นึกไม่ถึงว่าในยามนี้ กู้จื่อหยวนไม่ปลอบใจนางสักคำเดียว ยังคงเย็นชา ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขามาถึงขั้นนี้แล้ว กู้เหยี่ยนกลับไม่เห็นใจนางแม้แต่น้อย

 

 

“จื่อหยวน ไปกันเถอะ”

 

 

แม้กู้เฝิ่นไต้เป็นลูกสาวของนาง แต่เวลานี้กู้เฝิ่นไต้เป็นฮองเฮา เป็นคนของราชตระกูล พิธีศพของกู้เฝิ่นไต้ไม่ต้องการให้นางเกี่ยวข้อง การที่นางได้เห็นหน้ากู้เฝิ่นไต้เป็นครั้งสุดท้ายนับเป็นพระเมตตาของเสิ่นไทเฮา

 

 

ระหว่างทาง ซูเหมยเจอเฟิ่งหลิงอวี่

 

 

เฟิ่งหลิงอวี่ตั้งใจรอซูเหมย ทั้งสองเข้าไปคารวะเฟิ่งหลิงอวี่ เฟิ่งหลิงอวี่โบกมือ พูดด้วยสีหน้าอาลัย “ฮูหยินกู้ คุณชายกู้ ระงับความเศร้าเถิด

 

 

นึกไม่ถึงว่าฮองเฮาจะเจอเหตุการณ์อย่างนี้ น้องสาวขององค์หญิงอันผิงใจกล้าจริงๆ  อาศัยพี่สาว ถึงกับทำการฆาตกรรมในวังต่อหน้าผู้คน ยังดีที่จับตัวได้ ฮ่องเต้ต้องทำเพื่อฮองเฮาแน่ จัดการกับคนที่ทำร้ายฮองเฮาอย่างเด็ดขาด”

 

 

“องค์หญิงพูดถูกต้อง เรื่องนี้ฝ่าบาททรงจัดการเอง ข้ารู้สึกไม่สบาย ขอลาไปก่อน”

 

 

เฟิ่งหลิงอวี่พยักหน้า ซูเหมยพากู้จื่อหยวนออกไปจากวังหลวง

 

 

เฟิ่งหลิงอวี่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ “ไม่รู้ว่าเมื่อไรซูจิ่วซือจะกลับเมืองหลวง จะได้ดูละครสนุก คราวนี้ถึงจะมีความสามารถล้นฟ้าก็ช่วยซูเหลียงอินไม่ได้ คดีฆาตกรรมหลักฐานแน่ชัด ไม่อาจปฏิเสธได้ ซูจิ่วซือหนอซูจิ่วซือ นี่คือจุดจบของเจ้าที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะอยู่รอดปลอดภัยหรือ”

 

 

“องค์หญิง กุ้ยเฟยคงทูลขออภัยโทษแทนน้องสาวแน่”

 

 

เฟิ่งหลิงอวี่ไม่วิตก นางส่ายหน้า “แล้วจะเป็นอย่างไร ถึงจะทูลขออภัยโทษก็ไม่อาจลบล้างความจริงที่ว่าซูเหลียงอินฆ่าคน ฮ่องเต้ถึงจะเกลียดฮองเฮาแค่ไหน แต่ก็เป็นฮองเฮา เวลานี้ถูกฆ่าต่อหน้าผู้คน ถ้าไม่จัดการ ต่อไปเกียรติของราชตระกูลจะเอาไปไว้ที่ไหน

 

 

ข่าวนี้กระจายออกไปแล้ว ฝ่าบาทต้องทำอะไรบางอย่างให้ราษฎรเห็น

 

 

ฮองเฮาเป็นมารดาของแผ่นดิน ฮองเฮาถูกสังหารต่อหน้าผู้คน ไม่ใช่เรื่องเล็ก ซูเหลียงอินต้องตาย และยังพัวพันไปถึงซูจิ่วซือกับจวนอันผิงโหวด้วย

 

 

ได้ข่าวว่าซูเหวินได้เข้ามาขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว ถึงอย่างไรซูเหลียงอินก็เป็นคนของจวนอันผิงโหว ทำผิดอย่างนี้ เขาจะปัดความรับผิดชอบได้หรือ”

 

 

เฟิ่งหลิงอวี่หยุดครู่หนึ่ง แล้วหัวเราะ “เวลานี้ข้าจะรอให้ซูจิ่วซือกลับมา ละครจึงจะสนุก”