ตอนที่ 300 อย่าช่วยนาง / ตอนที่ 301 ขอพบหน้าเท่านั้น

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 300 อย่าช่วยนาง 

 

 

 

 

 

ซูจิ่วซือได้ข่าวขณะที่เดินทางเกือบถึงเมืองหลวงแล้ว นางรีบเร่งม้า พอมาถึงเมืองหลวง ก็ไม่รอพัก รีบเข้าไปพบหวังเฉิง ซูเหิงอยู่กับหวังเฉิง 

 

 

เวลานี้หวังเฉิงได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพ เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงประทานจวนให้เขาอยู่ต่างหาก พอเข้าไปในจวนหวัง ซูจิ่วซือเข้าพบหวังเฉิงทันที  

 

 

เวลานี้หวังเฉิงกำลังฝึกวิชากระบี่อยู่ที่เรือน พอเห็นซูจิ่วซือเข้ามา เขาก็เก็บกระบี่ในมือ ส่ายหน้า “แม่หนู ธุระของเจ้ามากเหลือเกิน เรื่องราวความขัดแย้งของเจ้าไม่เคยหมดสิ้น” 

 

 

“ในเมื่อก้าวบนเส้นทางนี้ ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง เว้นแต่ว่าจะเห็นผลแพ้ชนะ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีอันจบสิ้น ช่วงนี้ขอบใจอาจารย์ที่ดูแลซูเหิง รบกวนอาจารย์แล้ว” 

 

 

“น้องชายเจ้าเป็นคนชอบเรียนรู้ ช่วงนี้เอยากฝึกวรยุทธ์กับข้า ข้าเห็นว่าเขาเป็นคนที่เหมาะจะบ่มเพาะ จึงรับเป็นศิษย์ เขาอยู่ในห้อง ข้าให้คนไปเรียกมา” 

 

 

“ดีเจ้าค่ะ” 

 

 

ซูจิ่วซือพยักหน้า นางเองก็อยากคุยกับหวังเฉิง จึงอยู่รอซูเหิงที่นี่  

 

 

“เรื่องของน้องสาวเจ้าน่าเป็นห่วงมาก กลัวว่าจะช่วยไม่ไหว อย่าทุ่มเทให้สูญเปล่า จะได้ไม่พัวพันถึงตัวเจ้า คนที่ตายครั้งนี้ไม่ใช่ธรรมดา เป็นฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ถึงฮองเฮาจะผิดอย่างไร ก็ยังเป็นฮองเฮา สังหารฮองเฮามีโทษรุนแรง ที่ไม่จับพวกเจ้าก็นับว่าเป็นพระเมตตาอย่างยิ่งแล้ว” 

 

 

ซูจิ่วซือส่ายหน้า “นางเป็นน้องสาวข้า ข้าไม่มีวันทอดทิ้งแน่ แม้เหลียงอินจะปากคอเราะรายบ้าง แต่ไม่ใช่คนที่จะฆ่าใคร ในนี้ต้องมีเบื้องหลังแน่ มีคนใส่ร้ายนาง” 

 

 

“จุดหมายอยู่ที่เจ้า แม่หนู เป็นญาติกับเจ้าอันตรายจริงๆ เวลานี้เจ้าเองก็ต้องระวัง ให้พวกเขาฝึกป้องกันตัว อาศัยเจ้าคนเดียวบางครั้งก็เป็นไปไม่ได้ ทำอย่างนี้จึงจะร่วมแรงร่วมใจกับเจ้าได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าคงช่วยพวกเขาไม่ไหว” 

 

 

ซูจิ่วซือรู้ว่าหวังเฉิงพูดมีเหตุผล นางให้กู้ชิงเฉิงช่วยดูแลซูเหลียงอิน เดิมทีคิดว่าจะได้อยู่ห่างจากความขัดแย้ง นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ยังเกิดเรื่อง ที่ทำให้นางคาดไม่ถึงก็คือคนที่ตายคราวนี้เป็นกู้เฝิ่นไต้ 

 

 

นางรู้จักซูเหลียงอินดี รู้ว่าซูเหลียงอินไม่มีวันฆ่าใคร ถ้าเป็นการใส่ร้าย ใครเป็นคนใส่ร้ายซูเหลียงอิน ใครเป็นคนฆ่ากู้เฝิ่นไต้แล้วใส่ร้ายซูเหลียงอิน? 

 

 

คนสกุลกู้กับคนสกุลซูพ้นข้อสงสัยไปได้ เว้นแต่ว่าจะมีใครในนั้นมีความสามารถที่จะทำได้ หรือว่าเป็นพระสนมโหรว? 

 

 

แต่นางกุมความลับของพระสนมโหรวไว้ พระสนมโหรวจะลงมือกับนางอย่างโจ่งแจ้งได้อย่างไร นอกจากพระสนมโหรวแล้ว คนที่ขัดแย้งกับนางก็เหลือแต่เฟิ่งหลิงอวี่ 

 

 

ขณะที่กำลังครุ่นคิด ซูเหิงก็ก้าวเข้ามาอย่างเร่งรีบ ใบหน้าของเขามีรอยช้ำ มุมปากบวม แสดงว่ามีเรื่องชกต่อย 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น” 

 

 

ซูจิ่วซือถามสีหน้าเครียด 

 

 

“วันนี้ข้าเจอกู้จื่อหยวน ก็เลยชกต่อยกัน พี่ ข้าไม่เชื่อว่าเหลียงอินจะฆ่าใคร นางกับฮองเฮาไม่ได้มีความแค้นต่อกัน จะทำกับฮองเฮาอย่างรุนแรงได้อย่างไร ต้องมีคนใส่ร้ายอยู่เบื้องหลังแน่ เหลียงอินไม่ประสีประสา ถึงได้ถูกหลอก” 

 

 

“อย่าบุ่มบ่าม ซูเหิง เจ้าเพิ่งออกจากคุกไม่นาน อย่าให้เกิดเรื่องอีก เดี๋ยวข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮา เจ้าอยู่กับอาจารย์ที่นี่ ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น” 

 

 

ซูเหิงเข้าไปไม่ได้ และเข้าคุกไม่ได้เด็ดขาด เขาพยักหน้า “พี่ ระวังตัวด้วย” 

 

 

“อาจารย์ ช่วยดูแลซูเหิงด้วย ขอบใจอาจารย์” 

 

 

พูดจบซูจิ่วซือก็จากไป นางไม่ได้พักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวันกับหนึ่งคืน เวลานี้แม้จะเหนื่อยเพียงไร ก็ไม่อาจพักผ่อนได้ ต้องไปสืบถามให้แน่ชัดว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

ตอนที่ 301 ขอพบหน้าเท่านั้น 

 

 

 

 

 

พอซูจิ่วซือไปแล้ว หวังเฉิงก็ถอนหายใจเบาๆ “พี่สาวเจ้าลำบากไม่น้อย” 

 

 

ซูเหิงกำหมัดชกกับต้นไม้อย่างแรง “ข้าไร้ความสามารถ ช่วยอะไรพี่ไม่ได้เลย” 

 

 

“ซูเหิง อย่าระบายความโกรธใส่ต้นไม้ มาสู้กับข้าหน่อย ดูว่าระยะนี้เจ้าก้าวหน้าถึงไหนแล้ว” 

 

 

หวังเฉิงโยนกระบี่ให้ซูเหิง ให้เขาใช้กระบี่ ส่วนตนใช้หมัด 

 

 

ซูจิ่วซือเอนตัวบนรถม้า หลับตาพักครู่หนึ่ง เรื่องราวของซูเหลียงอินจัดการยากกว่าของซูเหิงมาก คราวนี้คนตายเป็นฮองเฮา ยังดีที่นางมีป้ายเว้นโทษประหารอยู่ในมือ ครั้งนี้ ป้ายเว้นโทษประหารคงได้ใช้จริงๆ  

 

 

จื่อหลานรู้ว่าซูจิ่วซือเหนื่อยมาก นางเองก็ร้อนใจ คนที่เข้าไปในคุกกับซูเหลียงอินคือจื่อซูน้องสาวของนางเอง แต่นางไม่ได้ขอร้องอะไรซูจิ่วซือ นางรู้ว่าซูจิ่วซือกำลังคิดหาทาง ถ้าช่วยได้ คงช่วยจื่อซูออกมาด้วย 

 

 

“คุณหนู นอนพักสักครู่เถอะ! พอถึงหน้าประตูวัง บ่าวค่อยปลุกคุณหนู” 

 

 

“หลับตาพักสายตาก็พอ จื่อหลาน เจ้าไม่ต้องห่วงจื่อซู ถ้าเหลียงอินไม่เป็นไร จื่อซูก็ไม่เป็นไร” 

 

 

จื่อหลานพยักหน้า “คุณหนูรีบเร่งเดินทางไม่ได้พักผ่อนนอนหลับ บ่าวกลัวว่าร่างกายคุณหนูจะรับไม่ไหว” 

 

 

“ไม่เป็นไร” 

 

 

ร่างกายนี้ไม่เหมือนร่างกายของซูหลิ่ว เหนื่อยหน่อยก็ไม่เป็นไร เวลานี้นางหวังแต่ว่าให้ซูเหลียงอินถูกทรมานน้อยหน่อย สามารถประคองตัวจนถึงเวลาที่นางจะช่วยให้ออกมา 

 

 

พอถึงหน้าประตูวัง ซูจิ่วซือกับจื่อหลานก็ลงจากรถม้า ทั้งสองมุ่งตรงไปยังวังหย่งโซ่วกง 

 

 

เสิ่นไทเฮาทรงรู้แล้วว่าซูจิ่วซือจะมา จึงประทับรอซูจิ่วซืออยู่ที่ห้องโถง พอเห็นซูจิ่วซือรุดเข้ามา สีหน้าเหนื่อยล้า เสิ่นไทเฮาก็อดเป็นห่วงเด็กคนนี้ไม่ได้ 

 

 

“จิ่วซือ ลุกขึ้นเถอะ!” 

 

 

“ขอบพระทัยไทเฮา” 

 

 

ซูจิ่วซือลุกขึ้น เสิ่นไทเฮาทรงทำท่าให้ซูจิ่วซือเข้ามาใกล้ สีพระพักตร์ราบเรียบ ตรัสถาม “จิ่วซือ เพิ่งกลับเมืองหลวงก็มาหาข้า จะมาขออภัยโทษให้ซูเหลียงอินใช่หรือไม่” 

 

 

“หม่อมฉันกลับถึงเมืองหลวง ก็ต้องมาคารวะไทเฮาอยู่แล้ว เรื่องของเหลียงอิน หม่อมฉันได้ข่าวแล้ว หม่อมฉันเชื่อว่าฝ่าบาทกับฮองเฮาคงสืบได้ชัดเจน ไม่บังอาจขออภัยโทษแทนซูเหลียงอิน เพียงแต่ขอประทานอนุญาตให้หม่อมฉันไปพบเหลียงอินสักครั้ง จะได้ถามให้ชัดเจน” 

 

 

ซูจิ่วซือสงบเป็นพิเศษ ไม่กระวนกระวายแม้แต่น้อย นางรู้ว่าเวลานี้การขออภัยโทษไม่มีประโยชน์ แต่กลับจะทำให้ไทเฮาไม่พอพระทัย จึงขอโอกาสพบหน้าซูเหลียงอิน 

 

 

ท่าทีของซูจิ่วซือทำให้ไทเฮาทรงโปรดเป็นพิเศษ เดิมทีพระนางรู้สึกว่าซูจิ่วซือรู้สถานการณ์ รู้ว่าควรวางตัวอย่างไร พอได้ยินซูจิ่วซือพูดอย่างนี้ จึงไม่ปฏิเสธซูจิ่วซือ “ในเมื่อเป็นน้องสาวแท้ๆของเจ้า เจ้าไปพบนางก็ดี ข้าให้เพ่ยเอ๋อร์พาเจ้าไป” 

 

 

“ขอบพระทัยไทเฮามากเพคะ” 

 

 

ซูจิ่วซือรีบคุกเข่าโขกศีรษะคารวะเสิ่นไทเฮา เสิ่นไทเฮาโบกพระหัตถ์ ทรงทำท่าให้ซูจิ่วซือลุกขึ้น จากนั้นจึงให้เพ่ยเอ๋อร์พาซูจิ่วซือไปที่คุกวังหลวง 

 

 

นี่เป็นครั้งที่สองที่ซูจิ่วซือมาคุกวังหลวง ครั้งก่อนนางรับโทษแทนกู้ชิงเฉิง ครั้งนี้นางมาหาซูเหลียงอิน 

 

 

นางเคยอยู่ที่คุกวังหลวง จึงรู้ว่าการลงทัณฑ์ที่นี่น่ากลัวเพียงไร นางเกรงว่าซูเหลียงอินจะถูกทรมาน เกรงว่าร่างกายซูเหลียงอินจะทนไม่ไหว  

 

 

การลงทัณฑ์ในคุกวังหลวง ถ้าจิตใจไม่แข็งแกร่งจริงๆ คงยากที่จะทนได้ 

 

 

เพ่ยเอ๋อร์พาซูจิ่วซือเข้าไปในคุกวังหลวงอย่างราบรื่น จากนั้นหญิงผู้คุมก็พาไปที่ห้องขังซูเหลียงอิน 

 

 

ซูเหลียงอินสยายผมนั่งอยู่ที่พื้น เนื้อตัวยังสะอาด ไม่มีรอยเลือด แสดงว่ายังไม่ถูกลงทัณฑ์ ผิดจากที่ซูจิ่วซือคาดไว้ เดิมทีนางนึกว่าซูเหลียงอินคงจะถูกทรมานให้รับสารภาพ ไม่ถูกลงทัณฑ์ก็ดีแล้ว