บทที่ 1361 ราชันภูเขาม่วงปะทะราชันมังกร

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

สองร่างบินอย่างรวดเร็วอยู่ท่ามกลางอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ราชันภูเขาม่วงกำลังต่อสู้อยู่กับราชันมังกร

 

พวกเขาเคลื่อนไหวราวกับอุกกาบาตอยู่บนท้องฟ้า

 

“บึม บึม บึม…”

 

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ผู้อมตะสองคนที่กำลังต่อสู้ หนึ่งเป็นร่างแยกรุ่นแรกของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่บ่มเพาะมาเป็นเวลานับแสนปี อีกหนึ่งไม่เป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์แต่เป็นตำนานของวังสวรรค์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกึ่งระดับเก้า

 

คนทั้งสองกลายเป็นแกนกลางของการต่อสู้ครั้งนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้

 

การต่อสู้ระหว่างหอคอยดวงตาสวรรค์และจ้าวเย่ฮุ้ยยังด้อยกว่าการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะระดับแปดทั้งสองอยู่มาก

 

ดวงตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายแสงสีม่วง เขาส่งหินที่อาบย้อมไปด้วยเปลวเพลิงจำนวนมากออกไป

 

ราชันมังกรโจมตีอุกกาบาตเหล่านี้โดยไม่หลบเลี่ยง

 

หินที่ลุกไหม้กลายเป็นเมฆหมอกลอยอยู่รอบตัวราชันมังกรขณะที่ราชันมังกรพบว่าจิตใจของเขากำลังลุกไหม้

 

เปลวไฟเหล่านั้นกำลังเผาทำลายความคิดในใจของเขา

 

ด้วยวิธีนี้อุกกาบาตเพลิงจึงพุ่งเข้าปะทะร่างกายของเขาโดยตรง

 

แต่ร่างกายของราชันมังกรแข็งแกร่งมาก มันเหมือนเหล็กกล้าที่ไม่หลอมละลาย

 

ด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจำนวนมหาศาล ร่างกายของราชันมังกรมีพลังป้องกันไม่ต่างจากเกราะไม้ของไป่เฉินเทียนหรือผนึกภูตผีของฟางหยวน

 

กลิ่นอายของเขาน่าสะพรึงกลัวมาก เขาเหมือนมังกรในร่างมนุษย์

 

ดวงตามังกรของเขาทั้งเย็นชาและไม่แยแส เขาไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วต่อหน้าท่าไม้ตายอมตะของราชันภูเขาม่วงและแสดงออกราวกับมันเป็นเพียงสายลมที่อ่อนโยน

 

ราชันมังกรมีนิสัยที่ก้าวร้าวพร้อมกับพลังทำลายล้างที่น่าเหลือเชื่อขณะที่ราชันภูเขาม่วงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญา เขาเชี่ยวชาญด้านการวางกลยุทธ์ ดังนั้นในการต่อสู้ที่รุนแรง เขาจึงเป็นฝ่ายล่าถอย

 

อุกกาบาตเพลิงไม่สามารถทำสิ่งใดราชันมังกรแต่ราชันภูเขาม่วงยังเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน

 

เขาชี้นิ้วออกไปและทำให้ดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนเบ่งบานขึ้นบนร่างกายของราชันมังกร

 

‘ท่าไม้ตายต่อเนื่อง’

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ราชันมังกรหยุดไล่ล่าและลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ

 

แม้เขาจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแต่เขายังสามารถหยุดเคลื่อนไหวได้ในทันที ทุกคนต้องถอนหายใจกับวิธีการเคลื่อนไหวที่น่าทึ่งของเขารวมถึงร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อของเขา

 

ดอกไม้เบ่งบานในอัตราเร็วที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

กลีบดอกไม้เหล่านั้นบอบบางมากแต่มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับราชันมังกร

 

ราชันมังกรกำหมัดขวาก่อนจะเปิดออก

 

“บึม!”

 

สายลมสีขาวซีดปะทุออกมาจากมือขวาของเขา

 

สายลมสีขาวไหลเวียนไปทั่วร่างของราชันมังกรราวกับใบมีดที่กำจัดดอกไม้บนร่างกายของเขา

 

หลังจากไม่กี่ลมหายใจ ดอกไม้ทั้งหมดบนร่างของราชันมังกรก็หายไปจนหมดสิ้น

 

รูม่านตาของราชันภูเขาม่วงหดเล็กลง

 

ท่าไม้ตายของราชันมังกรแหลมคมและแม่นยำมาก มันแสดงให้เห็นถึงทักษะการควบคุมที่ลึกซึ้ง

 

หากเขาประมาทเพียงเล็กน้อย เขาจะได้รับบาดเจ็บ

 

แต่ราชันมังกรทั้งเก่งกาจและกล้าหาญ เขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและสามารถกำจัดสิ่งแปลกปลอมโดยที่ตนเองไม่ได้รับอันตรายแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็ตามระยะเวลาดังกล่าวอนุญาตให้ราชันภูเขาม่วงเตรียมท่าไม้ตายต่อไปได้สำเร็จ

 

ท่าไม้ตายอมตะมักมีปัญหาในการกระตุ้นใช้งาน หากจ้าวเหลียนหยุนอยู่ในสถานการณ์เดียวกับราชันภูเขาม่วง นางจะล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ

 

แต่ราชันภูเขาม่วงเต็มไปด้วยประสบการณ์และความเด็ดเดี่ยว เขาสามารถฉวยโอกาสนี้

 

ท่าไม้ตายอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน

 

ร่างเทียมจำวนมหาศาลปรากฏขึ้นรอบตัวราชันภูเขาม่วง

 

พวกมันพุ่งเข้าโจมตีราชันมังกรขณะที่ร่างจริงของราชันภูเขาม่วงซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมัน

 

ราชันมังกรก่นเสียงเย็น มือขวาของเขากลายเป็นกรงเล็บมังกรก่อนที่เขาจะฟาดกรงเล็บออกไป

 

รอยกรงเล็บที่ตัดผ่านอากาศและทำลายร่างเทียมมากมายของราชันภูเขาม่วง

 

จากนั้นเขาก็กวาดกรงเล็บไปรอบๆ

 

ราชันภูเขาม่วงตระหนักว่าตำแหน่งของเขาถูกเปิดเผยแล้ว ดังนั้นเขาจึงออกมา

 

ทั้งสองฝ่ายยืนอยู่กลางอากาศโดยมีอาณาจักรแห่งความฝันเป็นฉากหลังที่ยิ่งใหญ่

 

“ดูเหมือนหลังจากนอหลับไปนาน เจ้าก็ยังไม่ล้าหลัง” ราชันภูเขาม่วงกล่าว

 

“ในช่วงเวลาที่ผ่านมาข้าฝึกฝนมาบ้าง ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีอัจฉริยะมากมายถือกำเนิดขึ้นตลอดช่วงเวลาหนึ่งล้านปี มีวิธีการใหม่ๆที่น่าเหลือเชื่อมากมายในปัจจุบัน” ราชันมังกรถอนหายใจ

 

เขาหยุดก่อนกล่าวต่อ “เอาล่ะ พอกับกลอุบายเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ การตรวจสอบจบลงแล้ว มาใช้ทักษะที่แท้จริงกันเถอะ”

 

ราชันภูเขาม่วงยิ้ม “ได้”

 

ในเวลาต่อมา ทั้งสองก็พุ่งเข้าปะทะกันราวกับสายฟ้าสองสาย

 

“บึม บึม บึม…”

 

แสงสีรุ่งระเบิดออกไปรอบๆราวกับดอกไม้ไฟ

 

‘พวกเขาเริ่มจริงจังแล้ว…’ ฟางหยวนสังเกตสนามรบด้วยค่ายกลวิญญาณ

 

หลังจากเห็นการต่อสู้ระหว่างราชันภูเขาม่วงกับราชันมังกร เขารู้สึกพูดไม่ออก

 

‘ทั้งสองต่างเป็นผู้อมตะระดับแปดและไม่ใช่ผู้อมตะระดับแปดธรรมดา พวกเขาเป็นผู้อมตะระดับแปดชั้นแนวหน้า แข็งแกร่งเกินไป!’

 

‘ปกติแล้วเมื่อผู้อมตะเริ่มต่อสู้ พวกเขาจะใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์ เมื่อพวกเขาเริ่มจริงจัง พวกเขาจึงจะใช้วิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะ แต่สองคนนี้ใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อตรวจสอบซึ่งกันและกัน’

 

‘อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นอุกกาบาตเพลิง ดอกไม้ หรือสายลม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการเลียนแบบเส้นทางสายอื่นทั้งสิ้น’

 

‘หากข้าไม่ใช้เกราะหวนคืน ข้าจะแพ้ในครั้งเดียว’

 

‘รุนแรงมาก’

 

‘ตอนนี้ทั้งสองเข้าสู่การต่อสู้ที่แท้จริงแล้ว พลังโจมตีของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก’

 

ข้อมูลมีความสำคัญต่อผู้อมตะ

 

ฟางหยวนใช้ค่ายกลวิญญาณสังเกตการณ์ นี่ทำให้เขาได้รับประโยชน์มากมาย

 

ไม่ว่าจะเป็นราชันภูเขาม่วงหรือราชันมังกร ฟางหยวนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา แม้จะใช้เกราะหวนคืน เขาก็ทำได้เพียงรับการโจมตีเท่านั้น

 

ในความเป็นจริงฟางหยวนสามารถหลบหนีจากภาคเหนือเพราะสถานการณ์ที่วุ่นวายเกินไป

 

‘ด้วยความแข็งแกร่งของข้า มันยากที่จะหลบหนีจากสถานการณ์นี้ มีความหวังน้อยมาก!’ ฟางหยวนขมวดคิ้ว

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป

 

เขาได้รับจดหมายจากวูหยง

 

‘วูหยงยังไม่ตาย เฉียวจื่อไค และไท่เมี่ยนเฉินก็ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาถูกขังเป็นการชั่วคราวและตอนนี้พวกเขากำลังมาที่นี่ด้วยคฤหาสน์วิญญาณอมตะ!’

 

วูหยงบอกฟางหยวนให้อดทนไว้ มันไม่เป็นไรหากเขาจะหลบหนี

 

เขายังบอกฟางหยวนว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ จื่อชิวหยู กำลังนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะมาที่นี่เช่นกัน แต่เขายังอยู่ไกลกว่าวูหยง

 

และไม่ใช่เพียงสอง แต่กองกำลังอื่นๆก็ส่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมาเช่นกัน

 

กองกำลังฝ่ายธรรมะมีความขัดแย้ง แต่หลังจากได้ยินคำบอกเล่าของวูหยงเกี่ยวกับสถานการณ์ของอาณาจักรแห่งความฝัน พวกเขาก็ร่วมมือกันทันที

 

หากมองในมุมสูง ภูเขาอี้เทียนอยู่ตรงกลางค่อนไปทางทิศตะวันตกของภาคใต้ ขณะที่กองกำลังใหญ่กระจัดกระจายอยู่ทุกทิศทางและกำลังมุ่งตรงมาที่นี่

 

ฟางหยวนแสดงออกด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

 

หากเขาเป็นวูอี้ไห่ เขาจะดีใจมาก

 

แต่ความจริงก็คือเขาไม่ใช่

 

เขาคือฟางหยวน

 

เมื่อกองกำลังของภาคใต้มาถึง วังสวรรค์จะเปิดเผยตัวตนของเขา ทุกคนจะพุ่งเข้าโจมตีเขา

 

‘สำหรับวูหยง…’ ฟางหยวนถอนหายใจ

 

พี่ชายที่เป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของเราจะกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจที่จะไล่ล่าเขาในอนาคต

 

ฟางหยวนสังหารวูอี้ไห่ตัวจริง แม้วูหยงจะไม่สนใจความสัมพันธ์พี่น้องและไม่ต้องการแก้แค้น แต่ในฐานะฝ่ายธรรมะ เขาจำเป็นต้องสังหารฟางหยวน

 

อาจกล่าวได้ว่าฟางหยวนและวูหยงมีความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ไข

 

‘ตระกูลวูมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะอีกหลัง วูหยงซ่อนมันไว้ลึกมาก แต่กระทั่งเขาจะรวดเร็วและอยู่ใกล้ที่สุด แต่เขายังต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งวันเพื่อมาที่นี่’

 

ฟางหยวนคำนวณอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อกำลังเสริมมาถึงและวังสวรรค์เปิดเผยตัวตนของเขา เขาจะสามารถหลบหนีจากความโกลาหลครั้งใหญ่ได้หรือไม่?