บทที่ 1360 สถานการณ์สิ้นหวังของฟางหยวน

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

“โฮก…”

 

จ้าวเย่ฮุ้ยคำราม คราวนี้มันบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและต้องการโจมตีกลางอากาศ

 

ราชันมังกรเย้ยหยันและกระตุ้นใช้พลังอำนาจของหอคอยดวงตาสวรรค์

 

เปลี่ยนเป็นภูตผี!

 

การโจมตีของจ้าวเย่ฮุ้ยพลาดเป้า

 

สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในหอคอยดวงตาสวรรค์รวมถึงผู้อมตะกลายเป็นภาพมายา นี่ทำให้การโจมตีทางกายภาพกลายเป็นไร้ประโยชน์

 

“นี่เป็นการหลอกล่อให้ข้าโจมตี?” ดวงตาของราชันภูเขาม่วงส่องประกายขึ้น

 

นิกายเงามีวิธีตอบโต้กับรูปแบบภูตผี

 

แต่ราชันภูเขาม่วงยังไม่เคลื่อนไหว

 

เพราะเขาไม่ใช่เทพปีศาจจิตวิญญาณ เขาไม่มีวิญญาณอมตะที่จำเป็น แม้เขาจะสามารถใช้มันกับหอคอยดวงตาสวรรค์ แต่มันอาจไร้ประสิทธิภาพ

 

‘เขาไม่ลงมืองั้นหรือ?’ ราชันมังกรคิดกับตนเอง

 

ในอดีต ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เทพปีศาจจิตวิญญาณผนึกหอคอยดวงตาสวรรค์และป้องกันไม่ให้มันกลับสู่ร่างกายภาพ

 

ราชันมังกรเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเพื่อรับมือกับท่าไม้ตายนี้ แต่ราชันภูเขาม่วงกลับอดทนและไม่ทำสิ่งใดเลย

 

ราชันมังกรควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์มายาและพยายามเข้าใกล้อาณาจักรแห่งความฝัน

 

แต่เมื่อมันเข้าไปใกล้ วิญญาณจำนวนมากของหอคอยดวงตาสวรรค์ก็ถูกกลืนกินโดยอาณาจักรแห่งความฝัน ร่างมายากลับสู่ร่างกายภาพ

 

‘วิธีบนเส้นทางแห่งภูตผีไร้ประโยชน์เช่นกัน’ หัวใจของราชันมังกรสั่นสะท้านขึ้น เขารีบนำหอคอยดวงตาสวรรค์ออกห่างจากอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ในความเป็นจริงนี่เป็นครั้งแรกที่ราชันมังกรได้เห็นอาณาจักรแห่งความฝันที่แท้จริง

 

มันทำให้ราชันมังกรที่ยิ่งใหญ่ค่อนข้างประหลาดใจ

 

แม้หอคอยดวงตาสวรรค์จะอยู่ในร่างมายา แต่อาณาจักรแห่งความฝันยังกลืนกินส่วนหนึ่งของมัน

 

ผู้อมตะภาคกลางในหอคอยดวงตาสวรรค์รีบซ่อมแซมมันอย่างเร่งด่วน

 

“โดยปราศจากวิธีบนเส้นทางแห่งความฝัน กระทั่งหอคอยดวงตาสวรรค์ก็ยังติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน” ราชันมังกรกล่าว

 

หนึ่งทักษะปกครองโลก!

 

ย้อนกลับไปอิงอู๋เซี่ยสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันและทำให้เจ้าวังสวรรค์เข้าสู่ห้วงนิทราได้โดยตรง

 

เห็นได้ชัดว่ากระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าที่ทรงพลังก็ยังไม่สามารถต่อต้านพลังอำนาจของเส้นทางแห่งความฝัน

 

เว้นเพียงมันจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความฝัน

 

‘หมายความว่าสนามรบแห่งนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อหอคอยดวงตาสวรรค์ หอคอยดวงตาสวรรค์ใหญ่โตเกินไป มันมีความคล่องตัวน้อยกว่าผู้อมตะ’ ดวงตาของราชันมังกรที่มองจ้าวเย่ฮุ้ยส่องประกายขึ้น

 

ตอนนี้จ้าวเย่ฮุ้ยกำลังบินเข้าไปหาหอคอยดวงตาสวรรค์ด้วยคยวามเร็วสูง

 

“โอ้ ไม่!” ราชันภูเขาม่วงเห็นสิ่งนี้และเร่งหยุดมัน เขาส่งลำแสงลึกลับพุ่งไปยังหอคอยดวงตาสวรรค์และทำให้เกิดระลอกคลื่นราวกับมันเป็นผิวน้ำ

 

“ภาพลวงตา?” จ้าวเย่ฮุ้ยหยุดเคลื่อนไหวทันที มันเกือบพุ่งเข้าไปในอาณาจักรแห่งความฝัน

 

ด้านหลังจ้าวเย่ฮุ้ย หอคอยดวงตาสวรรค์ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

“หึหึหึ” ราชันมังกรยืนอยู่บนชั้นสูงสุดของหอคอยดวงตาสวรรค์และมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

 

ราชันภูเขาม่วงถอนหายใจ เขารู้ว่านี่คือกับดัก

 

ภายนอก มันดูเหมือนราชันมังกรพยายามวางกับดักจ้าวเย่ฮุ้ย แต่ความจริงก็คือเขาต้องการค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของราชันภูเขาม่วง

 

แต่กระทั่งราชันภูเขาม่วงจะรู้แผนการของราชันมังกร เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยื่นมือเข้าช่วย

 

จ้าวเย่ฮุ้ยมีค่ามากเกินไป นิกายเงาต้องการใช้มันต่อสู้กับหอคอยดวงตาสวรรค์

 

“ร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ฮืม ข้าจะฆ่าเขา เทพธิดาจื่อเว่ย ไปจัดการค่ายกลวิญญาณและฆ่าฟางหยวนซะ ให้คนอื่นควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์และนำจ้าวเย่ฮุ้ยออกจากสถานที่แห่งนี้ ข้าไม่ต้องการความสำเร็จ ข้าเพียงไม่ต้องการเห็นความล้มเหลว” ราชันมังกรออกคำสั่ง

 

ด้วยเสียงคำรามของมังกร ราชันมังกรกลายเป็นลำแสงพุ่งไปทางราชันภูเขาม่วง

 

ในเวลาเดียวกันเทพธิดาจื่อเว่ยก็พุ่งไปยังค่ายกลวิญญาณ

 

หอคอยดวงตาสวรรค์บินขึ้นสู่ท้องฟ้าและออกจากสนามรบ

 

จ้าวเย่ฮุ้ยกวาดตามองราชันมังกร เทพธิดาจื่อเว่ย และหอคอยดวงตาสวรรค์

 

มันรู้ว่าตนเองถูกจำกัดการเคลื่อนที่ในสนามรบแห่งนี้เพราะร่างกายที่ใหญ่โตของมัน ดังนั้นมันจึงตัดสินใจไล่ล่าหอคอยดวงตาสวรรค์

 

ราชันมังกรบินข้ามท้องฟ้าราวกับเงาภูตผีก่อนจะปรากฏตัวต่อหน้าราชันภูเขาม่วงอย่างรวดเร็ว

 

“บึม บึม บึม…”

 

การต่อสู้ระหว่างราชันภูเขาม่วงกับราชันมังกรปะทุขึ้นทันที

 

แต่หลังจากไม่กี่ลมหายใจราชันภูเขาม่วงก็ต้องวิ่งหนี

 

“วันนี้เจ้าต้องตาย!” ราชันมังกรคำรามและไล่ล่าอย่างไม่ลดละ

 

ในค่ายกลวิญญาณ ฟางหยวนหลั่งเหงื่อเย็นเยียบ

 

เขาตระหนักว่าตนเองตกลงสู่หลุมพราง

 

‘เจตจำนงสวรรค์! แท้จริงแล้วมันซ่อนอยู่ใน…ไม่ ยิ่งไปกว่านั้น…’ รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง

 

เทพธิดาจื่อเว่ยมาถึงด้านหน้าค่ายกลวิญญาณแล้ว

 

ฟางหยวนสงบจิตใจลงและกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณเพื่อป้องกันศัตรู

 

“ค่ายกลวิญญาณนี้ไม่เลว” ดวงตาของเทพธิดาจื่อเว่ยส่องแสงสีม่วงออกมา นางสังเกตค่ายกลวิญญาณและพยักหน้า “น่าเสียดายที่มันมีข้อบกพร่อง วิญญาณเหล่านี้มาจากหลายแหล่ง พวกมันถูกยืมมาจากผู้อมตะคนอื่นๆ ข้าสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนี้”

 

นางยกมือขวาขึ้นและนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมา

 

กระดานหมากรุกกลุ่มดาว!

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเทพอมตะกลุ่มดาว มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก

 

เมื่อกระดานหมากรุกกลุ่มดาวถูกกระตุ้นใช้งาน มันกลายเป็นกลุ่มดาวที่ส่องประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า

 

แสงดาวเคลื่อนที่ราวกับหิ่งห้อยอยู่รอบตัวเทพธิดาจื่อเว่ย

 

ร่างมนุษย์ของเทพธิดาจื่อเว่ยหลอมรวมกับแสงดาวเหล่านี้ก่อนที่มันจะพุ่งไปยังค่ายกลวิญญาณ

 

ฟางหยวนกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณเพื่อป้องกันการโจมตีจากแสงดาว

 

แต่แสงดาวไม่ได้โจมตีค่ายกลวิญญาณแต่มันแทรกซึมเข้าไปภายใน

 

เดิมทีค่ายกลวิญญาณนี้ส่องแสงสี่สีได้แก่ แดง เขียว ฟ้า และดำ แต่หลังจากแสงดาวแทรกซึมเข้าไป แสงทั้งสี่สีก็เริ่มอ่อนแรงลงและผสานเข้ากับแสงดาว

 

ปฏิกิริยาตอบสนองของค่ายกลวิญญาณเริ่มลดลง

 

“ฟางหยวน เจ้าเป็นปีศาจต่างโลกที่ได้รับการคัดเลือกจากเจตจำนงสวรรค์ให้เป็นผู้กอบกู้โลกใบนี้ แม้เจ้าจะทำลายแผนการท้าทายสวรรค์ของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่เจ้าทรยศต่อฝ่ายธรรมะและก้าวเข้าสู่ฝ่ายปีศาจ เจ้ากลายเป็นศัตรูกับโลกใบนี้ หากยอมรับความผิดและยอมจำนน ข้าจะทิ้งศพของเจ้าเอาไว้ ข้าจะสร้างอัตชีวประวัติให้เจ้า ชื่อของเจ้าจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์และกลายเป็นบทเรียนสำหรับชนรุ่นหลัง”

 

เสียงของเทพธิดาจื่อเว่ยดังขึ้นในค่ายกลวิญญาณ

 

ฟางหยวนหัวเราะ “นี่เป็นแผนการที่น่าเหลือเชื่อของเจตจำนงสวรรค์!”

 

เขาพยายามกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณแม้วิญญาณบางส่วนจะเริ่มไม่สามารถควบคุม

 

เห็นได้ชัดว่าเทพธิดาจื่อเว่ยกำลังต่อสู้กับเขาเพื่อชิงอำนาจการควบคุมค่ายกลวิญญาณ

 

“ดื้อรั้น!” เทพธิดาจื่อเว่ยก่นเสียงเย็นเมื่อเห็นฟางหยวนพยายามต่อสู้

 

แสงดาวส่องประกายสว่างไสวมากขึ้นเรื่อยๆ

 

‘วังสวรรค์รู้ตัวจริงของข้า นี่เป็นการพิสูจน์การคาดเดาของข้า’

 

‘ข้าไม่สามารถนำวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดออกมาได้อีกต่อไป เมื่อเวลาผ่านไปค่ายกลวิญญาณจะถูกควบคุมโดยวังสวรรค์’

 

‘ข้าควรทำอย่างไร? ข้าควรละทิ้งค่ายกลวิญญาณนี้และกระตุ้นใช้เกราะหวนคืนเพื่อหลบหนีหรือไม่?’

 

‘ไม่!’

 

‘วังสวรรค์เคยต่อสู้กับข้า พวกเขาเข้าใจเกราะหวนคืนของข้า’

 

‘เมื่อพวกเขาต้องการกำจัดข้าและนิกายเงา พวกเขาย่อมต้องคิดวิธีตอบโต้เกราะหวนคืนไว้แล้ว’

 

‘วังสวรรค์อยากเห็นข้าใช้เกราะหวนคืน เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าจะพบกับความสูญเสียและอาจตายทันที’

 

‘ข้าควรทำอย่างไร?’

 

ความคิดมากมายปะทุขึ้นในใจของฟางหยวน

 

มันเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง

 

ฟางหยวนพยายามคิดหาทางหลบหนี

 

แต่ไม่มีทาง

 

เขาไม่สามารถหลบหนี ความหวังเดียวของเขาคือเกราะหวนคืน

 

‘ข้าควรพนันกับเกราะหวนคืนหรือไม่?’

 

ฟางหยวนรู้สึกขมขื่น

 

เขารู้ว่ามีโอกาสน้อยมาก

 

สำหรับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด?

 

ฟางหยวนไม่มีคริสตัลสวรรค์และไม่สามารถเร่งการเติบโตของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

 

หรือกระทั่งเขาจะมีคริสตัลสวรรค์มากมาย แต่เมื่ออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลายเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิด มันอาจไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา มีโอกาสสูงที่เขาจะถูกหักหลัง

 

‘มีสองวิธีในการถ่วงเวลา’ ฟางหยวนคิด

 

หนึ่ง นำแม่น้ำหวนคืนออกมาและใช้มันเป็นปราการป้องกัน

 

สอง วางมิติช่องว่างลงและซ่อนตัวอยู่ภายใน

 

แต่ทั้งสองวิธีไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์

 

หากฟางหยวนใช้สองวิธีนี้ มันจะอันตรายมาก

 

ความหวังเดียวที่จะทำให้ฟางหยวนรอดคือการสนับสนุนจากกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้

 

หากผู้อมตะภาคใต้สามารถขับไล่วังสวรรค์ ฟางหยวนจะมีโอกาสหลบหนี

 

แต่วังสวรรค์ไม่โง่และไม่อ่อนแอ

 

กองกำลังผู้อมตะของภาคใต้อาจเหนือกว่ากลุ่มผู้อมตะภาคกลางที่อยู่ที่นี่ แต่ด้วยการคงอยู่ของหอคอยดวงตาสวรรค์ ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน

 

แม้พวกเขาจะชนะขณะที่วังสวรรค์ถูกไล่ล่า ฟางหยวนก็ไม่สามารถเป็นวูอี้ไห่ได้อีก

 

เขาจะเป็นได้อย่างไร!?

 

เมื่อวังสวรรค์รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา เพียงพวกเขากล่าวสองสามคำ ผู้อมตะภาคใต้ก็จะหันมาเล่นงานฟางหยวนทันที