ตอนที่ 100 ใช้ร่างกายมาเป็นสิ่งตอบแทนเจ้าเป็นไง

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

“เรื่องนั้น…..ข้าเองก็ไม่รู้ ” เสียนไท่เฟยตอบคำ “แต่ข้ารู้ว่า ผู้คนทั้งหลายในโลกนี้อาจทำร้ายท่านได้ แต่ว่าไม่ใช่เขา! “ 

 

 

พอได้ฟังประโยคนี้ ตู๋กูซิงหลันก็หัวเราะออกมาแล้ว “ไท่เฟยหมายความว่า ในบรรดาใครก็ได้นี้รวมถึงตัวท่านด้วยละสิ? “ 

 

 

เสียนไท่เฟยชะงักไปครู่หนึ่ง ใช้สายตาที่ไม่อาจอธิบายได้มองนาง 

 

 

“ไท่เฟยเป็นคนฉลาด คิดว่าคงไม่ต้องให้ข้าพูดมากความแล้ว ” ตู๋กูซิงหลันยิ้มอย่างเสมือนไม่ได้ยิ้ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงออกหรือว่าการควบคุมอารมณ์ เสียนไท่เฟยนับว่าเป็นยอดฝีมือในวังหลวงโดยแท้จริง 

 

 

ลูกชายเกิดเรื่องแล้วตั้งหลายวันถึงได้พึ่งจะมาหานาง นับว่ามีความอดทนนัก 

 

 

“หลันเอ๋อร์………เจ้าไปได้ยินข่าวลืออะไรมาใช่หรือไม่? อย่างข้าหรือจะมีใจคิดร้ายต่อเจ้าได้? ” เสียนไท่เฟยยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น “เจ้าสูญเสียบิดามารดาไปตั้งแต่เล็ก ข้าเอ็นดูเจ้าดั่งเป็นบุตรสาวแท้ๆ มาโดยตลอด อยากให้เจ้าได้เป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก มีหรือจะทำร้ายเจ้า? “ 

 

 

“ไท่เฟย มนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ซับซ้อนยิ่งนัก ข้าอายุยังน้อย เมื่ออยู่ในวังนานๆ เข้า ก็ไม่รู้หรอกว่า คนที่อยู่ข้างตนนั้นเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่ คำพูดของท่าน ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเชื่อถือได้หรือไม่” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่ได้ดึงนางขึ้นมา “ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องปองร้ายนี้เป็นอี้อ๋องออกปากยอมรับด้วยตนเอง ต่อให้ข้าคิดอยากช่วยเขาก็เพียงมีใจแต่ไร้กำลัง นอกเสียจากว่าเรื่องราวมีจุดเปลี่ยน เขาปิดบังแทนผู้ใด รับเอาไว้แทนใครกัน” 

 

 

เสียนไท่เฟยเงียบงันอยู่นาน นางเงยหน้ามองดูสาวน้อยตรงหน้า ทั้งๆ ที่รูปโฉมก็เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ว่าแววตากลับไม่ได้ดูโง่เขลาเหมือนดังแต่ก่อน 

 

 

เพราะว่าอยู่ในวังนานๆ เข้า คนก็เลยเปลี่ยนเป็นฉลาดขึ้นมาบ้างหรือ? 

 

 

แต่ว่าตู๋กูซิงหลันแต่ไหนแต่ไรก็เชื่อฟังวาจาของนางมาโดยตลอด ทั้งยังกตัญญูต่อนางอย่างที่สุด ราวกับบุตรสาวที่กตัญญูต่อมารดาบังเกิดเกล้าเสมอ 

 

 

คนๆ หนึ่งจะสามารถเปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาสั้นๆ ได้มากมายถึงเพียงนี้เลยหรือ? 

 

 

“ดังนั้นท่านขอร้องผิดคนแล้ว” ตู๋กูซิงหลันกล่าวต่อไป “ผู้ที่ท่านสมควรไปขอร้องก็คือฝ่าบาทต่างหาก ขอให้เขามีพระมหากรุณาปล่อยตัวอี้อ๋อง อ๋อหรือไม่ก็ขอร้องอี้อ๋อง ดูสิว่าเขาถูกใส่ร้ายจริงหรือไม่ อย่างไรเขายังหนุ่มแน่น ช่วงเวลาที่ดีงามเช่นนี้หากต้องสูญเสียไปเพื่อผู้อื่นช่างไม่คุ้มค่าจริงๆ “ 

 

 

“แต่ว่า ที่จริงนับว่าฝ่าบาททรงมีพระเมตตาให้หน้าอี้อ๋องมากแล้ว ที่ไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ออกไป ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของเขา คงป่นปี้หมดแล้ว” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมิใช่คนโง่ วันนั้นที่อี้อ๋องสารภาพเรื่องของนาง เห็นได้ชัดเจนว่ามีลับลมคมนัย 

 

 

แต่ว่าเมื่อได้ฟังเจ้าของร่างเดิมบอกความจริงที่ว่าเขาเป็นคนขอร้องให้นางยอมแต่งให้กับอดีตฮ่องเต้เอง ก็ยิ่งทำให้นางงุนงงไปใหญ่ 

 

 

บุรุษผู้นี้ ช่างขัดแย้งยิ่งนัก 

 

 

แล้วยังมีเรื่องที่ตู๋กูซิงหลันคิดไม่ถึงก็คือ จีเฉวียนที่ดูเผินๆ เหมือนจะจงเกลียดจงชังจีเย่ว์ กลับไม่ได้ฉวยโอกาสนี้จัดการเขาจนตาย ทั้งยังปิดบังเรื่องนี้เอาไว้ เอาความผิดทั้งหมดโยนใส่เต๋อเฟยผู้เดียว 

 

 

นั่นเพราะว่าเขายังคำนึงถึงความผูกพันฉันพี่น้องหรือ? 

 

 

เสียนไท่เฟยชะงักไปอยู่นาน “หลันเอ๋อร์ ทุกวันนี้ใครๆ ต่างก็รู้ว่าฝ่าบาททรงพอพระทัยในตัวเจ้า ขอเพียงเจ้าพูดจากับฝ่าบาทดีๆ เขาย่อมตั้งเชื่อฟังเจ้าแน่ หรือว่าเจ้าจะทำใจได้จริงๆ ไม่สนใจเย่เอ๋อร์แม้แต่น้อยเลยหรือ? “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันหัวเราะแล้ว นางยื่นมืออกมาคว้าข้อมือเสียนไท่เฟยไว้ค่อยดึงตัวนางขึ้นมา “ไท่เฟย ในโลกนี้ไหนเลยจะมีผู้ที่มีใจรักลึกล้ำแล้วส่งคนรักของตนไปขึ้นเตียงผู้อื่น ท่านอย่าได้ทำให้ข้าต้องขำเลย” 

 

 

“ยิ่งไปกว่านั้นฮ่องเต้ทรงรังเกียจข้าจะตาย เอาที่ไหนมาว่าชื่นชอบกัน ข้ายังคงขอพูดคำเดิม ท่านจงไปขอร้องฝ่าบาทด้วยตนเอง หรือไม่ก็ไปขอร้องอี้อ๋องเถอะ” 

 

 

เสียนไท่เฟยลุกขึ้นยืน พลิกมือมากุมมือของนางไว้ สองเนตรนั้นจดจ้องไปยังดวงตาของนาง ชั่วขณะนั้นราวกับเกิดหมอกดำขึ้นมาในดวงตาของเสียนไท่เฟย ยามที่ตู๋กูซิงหลันสบตากับนางคล้ายกับจะถูกดูดกลืนเข้าไป 

 

 

 

 

 

“หลันเอ๋อร์ เจ้าจะต้องช่วยเย่เอ๋อร์” 

 

 

เสียนไท่เฟยคว้ามือของนางไว้ไม่ยอมปล่อย น้ำเสียงทั้งอบอุ่นทั้งน่าหลงใหล 

 

 

“เจ้าเองก็รักใคร่เย่เอ๋อร์อย่างลึกล้ำ เพื่อเขาแล้ว เจ้ายินดีทำทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ว่าจะต้องตายก็ตาม” 

 

 

นางพูดพลาง ใจกลางฝ่ามือก็กำจายความเย็นสุดขั้วชนิดหนึ่งออกมา 

 

 

ตู๋กูซิงหลัน ‘เหม่อลอย’ อยู่กับที่ ในที่สุดไท่เฟยก็พอใจขึ้นมาแล้ว 

 

 

“วันงานพิธีของท่านหญิงน้อย เจ้าจะประกาศออกไปต่อหน้าผู้คนว่า เย่เอ๋อร์นั้นถูกใส่ความ เป็นเจ้าที่ล่วงรู้ทันแผนการของเต๋อเฟย ถึงได้ผลักเรือตามน้ำยอมขึ้นเตียงมังกรของฮ่องเต้องค์ใหม่ ทั้งหมดล้วนเป็น…..” 

 

 

คำพูดของไท่เฟยยังไม่ทันจบสิ้น ก็ได้ยินเสียงของเจ้าไก่ขนปุยดังมาไม่ไกลนัก “ก๊ากๆ กระต๊าก! ก๊ากๆ กระต๊าก! กระต๊าก! “ 

 

 

ต่อมาก็มีเงาสีชมพูสายหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว 

 

 

ตู๋กูซิงหลันพลัน ‘ได้สติ’ คืนมา สะบัดมือออกจากการเกาะกุมของไท่เฟย หันหน้าไปตามเสียง 

 

 

เสียนไท่เฟยหรี่ตาลงมอง หันไปอย่างไม่ยินดีเท่าไรนัก 

 

 

ก็เห็นหยวนเฟยหิ้วคอของเจ้าไก่ขนดำตัวฟูนั้นไว้ สีหน้าไม่สบอารมณ์มุ่งตรงมาทางนี้ 

 

 

นางพุ่งตรงมาถึงหน้าตู๋กูซิงหลันโดยไม่สนใจใยดีเสียนไท่เฟย เหวี่ยงแขนเขวี้ยงเจ้าไก่ขนดำตัวฟูนั่นลงตรงหน้านาง “ไทเฮาทุกวันนี้ช่างมีความสามารถนัก กอบกู้ชื่อเสียงคืนมาได้ กระทั่งลูกน้องที่เป็นไก่ตัวหนึ่งก็กล้าวิ่งพล่านออกไปที่ต่างๆ แล้วหรือ? “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองนางด้วยความงุนงงอยู่บ้าง 

 

 

ต่อมาก็ต้องประหลาดใจอยู่บ้าง เจ่าไก่ขนดำตัวฟูตัวนี้แม่แต่ดาบล้ำค่าของจีเฉวียนยังไม่เกรงกลัว แต่กลับถูกหยวนเฟยใช้มือเปล่าหิ้วคอมันกลับมา? 

 

 

สาวงามน้อยต่างเผ่าผู้นี้ช่างมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ 

 

 

“เจ้าไก่ตัวนี้ไม่อยู่ในตำหนักเฟิ่งหมิงของเจ้าให้ดีๆ กลับวิ่งมาจนถึงตำหนักฉางซินของข้า จับพวกตะขาบที่น่ารักของขากินจนหมด! ” พูดไปแล้ว หยวนเฟยก็หน้าแดงด้วยความโมโห “เจ้าบอกมา จะชดใช้ให้ข้าอย่างไร? “ 

 

 

นางพูดพลางก็ยื่นมือออกมา ทวงคืนการชดเชยจากตู๋กูซิงหลัน “ตะขาบพวกนั้นข้าเลี้ยงดูมันอย่างยากลำบาก ข้ายังเสียดายไม่กล้ากินเอง ไก่ของเจ้านี้ช่างดีนัก ไม่เหลือทิ้งไว้ซักตัวทำลายของๆ ข้าจนหมดสิ้น” 

 

 

“เจ้าไก่ตัวนี้ยังรู้จักดีดดิ้นนัก ยังจะกล้ามาจิกมือข้าอยู่หลายครั้ง หากไม่ใช่เพราะว่าข้าสามารถกำราบมันได้ในครั้งเดียว เกรงว่าคงจิกมือของข้าจนกลายเป็นกระชอนไปแล้ว! “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูเจ้าไก่ที่ทำท่าจะเป็นจะตาย ดูท่าแล้ว หยวนเฟยน้อยคงจะต้องใช้ยาอะไรบางอย่าง 

 

 

“เจ้าก็รู้ ว่าข้าน่ะจนขนาดไหน ” ตู๋กูซิงหลันมองดูฝ่ามือที่ยื่นออกมาของนาง พอมุมปากพึ่งขยับก็คว้ามือนั้นไว้แล้ว “งั้นเอาอย่างนี้ ข้าจะใช้ร่างกายมาเป็นสิ่งตอบแทนเจ้าเป็นไง? “ 

 

 

หยวนเฟย “!!! “ 

 

 

เสียนไท่เฟย “……..” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันไม่รักษาหน้าตาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถึงกับกล้าเกี้ยวพาพระสนมของฝ่าบาท? 

 

 

ข้ากำลังพูดเรื่องจริงจังกับเจ้า เจ้าอย่าได้เล่นลิ้นกับข้า! ” ใบหน้าของหยวนเฟยยิ่งทียิ่งแดงขึ้น “เจ้าอย่าได้คิดว่าตอนนี้ตนเองมีฝ่าบาทปกป้อง แล้วข้าจะต้องกลัวเจ้า! “ 

 

 

“วันนี้เจ้าจะต้องคืนตะขาบให้ข้า หรือไม่ก็จับไก่ตัวนั้นมาตุ๋นน้ำแกงให้ข้า” 

 

 

“กะๆ กระต๊าก~” เจ้าไก่ขนดำตัวฟูเริ่มดิ้นรนวุ่นวาย พยายามกระพือปีกคิดจะลุกขึ้นมาสู้รบ 

 

 

“หัวใจของข้าแทบจะถูกเจ้าทำพังทลายแล้ว ในใจของเจ้า ข้าเทียบไม่ได้แม้แต่ไก่ตัวหนึ่งเลยหรือ? ” ตู๋กูซิงหลันคว้ามือของนางไว้ไม่ยอมปล่อย “เจ้ารู้หรือไม่ว่า ข้าชอบลูกสะใภ้อย่างเจ้ามากที่สุด” 

 

 

ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็แทบจะขนลุกไปทั้งตัว ในวังหลวงนี้ใครบ้างจะไม่รู้ว่า ไม่ว่าอย่างไรไม่อาจไปเป็นลูกสะใภ้คนโปรดของไทเฮาได้อย่างเด็ดขาด 

 

 

ไม่เห็นหรือว่า เต๋อเฟย ลูกสะใภ้ที่นางแสนจะชื่นชอบ ต้องไปตกระกำลำบากอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว? 

 

 

“เจ้าอย่ามาแช่งข้า! ” หยวนเฟยหน้าเปลี่ยนสี ข้าไม่เคยร่วมหอร่วมห้องกับฝ่าบาท ไม่อาจนับเป็นลูกสะใภ้ของเจ้าได้! “