ตอนที่ 221 ตาเล็กเหมือนเม็ดก๋วยจี๊ + ตอนที่ 222 เธอร้องไห้ ฉันหัวเราะ

ลิขิตรัก ย้อนรอยแค้น

ตอนที่ 221 ตาเล็กเหมือนเม็ดก๋วยจี๊ + ตอนที่ 222 เธอร้องไห้ ฉันหัวเราะ โดย Ink Stone_Romance

ตอนที่ 221 ตาเหมือนเม็ดก๋วยจี๊

คะแนนสอบวิชาภาษาของอู่เชานั้นอยู่ในระดับต้นๆ เสมอ เขาสอบได้ 96 คะแนน เรียงความโดนตัดแค่หนึ่งคะแนน ความรู้พื้นฐานโดนตัดสามคะแนน ได้ที่หนึ่งในห้อง อู่เหมยตรวจกระดาษข้อสอบของตัวเองอย่างละเอียด เรียงความโดนตัดสองคะแนน ความรู้พื้นฐานโดนตัดถึง 24 คะแนน แค่ความเข้าใจในบทความก็โดนตัดสิบกว่าคะแนน ทำให้อู่เหมยหงุดหงิดไม่หยุด

ใจความสาระสำคัญผิด แบ่งบทความย่อหน้าผิด การตีความบทความข้อใหญ่ 16 คะแนน เธอได้แค่ 4 คะแนน เธอเจ็บปวดใจมาก!

ดูเหมือนว่าคราวหลังจะต้องฝึกทำแบบฝึกหัดเยอะๆ ถึงจะดี ถ้าหากสามารถทำคะแนนในหัวข้อการตีความบทความได้มากกว่านี้ เธอก็จะสามารถได้คะแนนถึง 80 คะแนนแล้ว อู่เหมยตื่นเต้นจนใจจะหลุดออกมาจากคอหอยแล้ว

 80 คะแนน?

พระเจ้า! สำหรับเธอแต่ก่อนเป็นตัวเลขที่ไกลเกินเอื้อม แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้ไกลขนาดนั้นแล้ว ถึงอย่างไรก็ขาดแค่ 6 คะแนน ไม่ใช่หรือ?

อู่เชายัดกระดาษข้อสอบลงในกระเป๋าแบบลวกๆ โดยแทบไม่ได้มอง เขากลับหันไปพินิจพิเคราะห์อู่เหมย พลันรู้สึกดีใจกับความก้าวหน้าของอู่เหมยด้วย ไม่สนว่าจะโดนเทวดาหนังสือสิงร่างหรือไม่ ถึงอย่างไรลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของเขาคนนี้ก็เริ่มมีสติปัญญาแล้ว ไม่ใช่คนหัวทื่อดื้อดึงอีกแล้ว!

“เฮ้! ตอนบ่ายอยากไปเล่นบ้านคุณปู่ไหม? คุณยายบอกว่าตอนเย็นจะทำเกี๊ยว เธอก็ไปกินสิ” อู่เชาพูดเสียงเบา

อู่เหมยขมวดคิ้ว คิดแล้วไม่อยากก็เลยปฏิเสธไป “ไม่ไป วันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ฉันมีธุระ”

มันไม่คุ้มที่เธอจะไปนั่งก้นเย็นอยู่ที่นั่น หัวใจของคุณยายทวดมีแต่อู่เยวี่ยหลานสาวสุดที่รัก เธอต้องรู้จักระวังตัวหน่อย ไม่ไปให้โชคร้ายขึ้นมาหรอก อีกทั้งตอนนี้เธอก็มีเงิน กินน้ำแกงไข่ปูที่ภัตตาคารทุกวันก็ยังได้ ไม่เห็นจะต้องใส่ใจเกี๊ยวพวกนั้นเลย!

อู่เชาก็นึกถึงท่าทีที่คุณยายทวดมีต่ออู่เหมยออกเหมือนกัน ต่อมาจึงรู้สึกเสียใจที่พูดอะไรไม่พูดดันมาพูดถึงเรื่องนี้ เขาตัดสินใจว่าตอนเย็นจะเอาเรื่องที่ระยะนี้อู่เหมยมีความพัฒนาการพูดให้กับคุณปู่คุณย่าฟัง เพื่อไม่ให้พวกเขาใช้วิสัยทัศน์เก่าๆมองหลานคนนี้อีกแล้ว

หลังเลิกเรียนอู่เหมยก็รีบพุ่งตัวออกจากห้องเรียน ชนเข้ากับอกของจี้เหวินฮุ่ยเต็มๆ

“เธอจะรีบไปเกิดใหม่หรือไง!” จี้เหวินฮุ่ยพอเห็นชัดว่าเป็นอู่เหมย อารมณ์โมโหก็พุ่งขึ้นมา

เดิมทีอู่เหมยยังคิดที่จะพูดว่าขอโทษ พอได้ฟังว่าเป็นจี้เหวินฮุ่ย คำขอโทคำนั้นก็ถูกกลืนลงคอไป ตอบกลับแบบไม่เกรงใจว่า “แล้วทำไมเธอเดินไม่ดูทางให้ดีล่ะ ที่ตรงนี้เป็นประตูหน้าห้องเรียนฉัน เบิกตาเล็กๆ เหมือนเม็ดก๋วยจี๊ของเธอมองให้ชัดๆ บ้างนะ”

อู่เหมยก็เกลียดจี้เหวินฮุ่ยเหมือนที่จี้เหวินฮุ่ยเกลียดเธอ เพียงแค่เธอไม่ได้มีความแค้นใหญ่หลวงถึงขั้นต้องเอาให้ตายกับจี้เหวินฮุ่ยก็เท่านั้น แต่ถ้านับเรื่องเล็กเรื่องน้อยนี่แทบนับไม่ถ้วน เธอไม่มีทางยอมแสดงท่าทีอ่อนแอต่อหน้าจี้เหวินฮุ่ยหรอก!

จี้เหวินฮุ่ยนิ่งอึ้งไปในเวลารวดเร็ว ไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง คาดไม่ถึงว่าอู่เหมยจะกล้าขัดเธอ

แถมยังพูดเรื่องตาเล็กเหมือนเม็ดก๋วยจี๊ออกมาอีก

จี้เหวินฮุ่ยคล้ายอู่เจิ้งหงมาก รูปร่างอ้วนเตี้ย หน้ากลมเหมือนขนมเปี๊ยะ ตาเล็กจิ๋ว ริมฝีปากหนา จมูกแบน ไม่มีความสวยงามเลยแม้แต่น้อยนิด ดังนั้นสิ่งที่จี้เหวินฮุ่ยเกลียดที่สุดคือสิ่งที่คนอื่นพูดเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเธอโดยเฉพาะดวงตาของเธอ

“อู่เหมยเธอกล้าว่าฉันเหรอ? ฉันจะตีเธอให้ตาย!” ปกติแล้วจี้เหวินฮุ่ยก็อารมณ์จุดง่ายเหมือนประทัด ยกมือขึ้นจะตบหน้าอู่เหมย แต่ก่อนก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยตบ มันเป็นเรื่องที่เธอคุ้นชินและทำได้ง่ายๆ

เดิมทีอู่เชาก็ยังมองด้วยความตลกขบขันหัวเราะจนตาหยี แต่พอเห็นว่าจะลงไม้ลงมือแล้ว ก็รับมาห้ามไม่ให้ตีกัน อู่เหมยผอมบางขนาดนั้น จะสู้ร่างบึกบึนของจี้เหวินฮุ่ยได้ซะที่ไหน

เพียงแต่ว่าเธอไม่ใช่อู่เหมยเด็กเมื่อวานซืนอีกต่อไปแล้ว จะมายืนซื่อๆ ให้โดนตบได้อย่างไร เธอขยับตัวหลบฝ่ามือที่เงื้อขึ้นมาพร้อมตบของจี้เหวินฮุ่ยอย่างสบายๆ ตรงกันข้ามตัวจี้เหวินฮุ่ยเองกลับรับมือไม่ทัน เพียงแค่พริบตาเดียวร่างของเธอก็พุ่งผ่านอู่เหมยไปกระแทกกับกำแพง จมูกยิ่งแบนเข้าไปใหญ่

อู่เหมยไม่มีอารมณ์ทะเลาะกับจี้เหวินฮุ่ย เธอต้องรีบกลับบ้าน เพราะวันนี้คะแนนสอบประจำเดือนของอู่เยวี่ยคงออกมาแล้ว เธออดรนทนไม่ไหวอยากจะรู้อันดับของอู่เยวี่ยเต็มทีแล้ว!

…………………………………………………………..

ตอนที่ 222 เธอร้องไห้ ฉันหัวเราะ

จี้เหวินฮุ่ยชนกำแพงจนเห็นภาพดาวบนหัว จมูกแสบร้อนอีกทั้งยังมีกลิ่นหวานคาว เธอยกมือขึ้นปาด ก็พบว่าบนมือมีจุดสีแดง เธอตกใจจนร้องไห้ขึ้นมา

อู่เชาเดินเข้ามาพูดอย่างหงุดหงิดว่า “มีอะไรให้น่าร้องนักเหรอ? จมูกก็ไม่ขาด เธอจะไปไม่ไป? ถ้ายังไม่ไปฉันก็ไม่รอเธอแล้ว!”

เขาไม่ชอบจี้เหวินฮุ่ย ลูกพี่ลูกน้องคนนี้เลยสักนิด เธอน่ารังเกียจเหมือนกับอู่เจิ้งหง แม่ของเธอไม่มีผิด สติอารมณ์อะไรก็ไม่ปกติ ถ้าไม่ใช่ว่าแม่กำชับให้เขากับจี้เหวินจิ้งไปบ้านคุณปู่ด้วยกันล่ะก็ เขาแม้แต่สนใจก็ไม่สนใจลูกพี่ลูกน้องคนนี้ที่ไม่มีทั้งคุณธรรมและความงานคนนี้หรอก

อู่เชาเด็กอ้วนนั้นสรุปผู้หญิงเป็นสี่ประเภท มีคุณธรรมแต่ไม่งาม มีความงามแต่ไม่มีคุณธรรม ไม่มีทั้งคุณธรรมทั้งความงาม มีทั้งคุณธรรมและความงาม

คุณธรรมบ่งชี้ว่านิสัยน่ารักมีแต่คนชอบ ความงามก็คืองามอย่างธรรมชาติ

อู่เชาคิดว่า หน้าตามีมาแต่เกิด ผู้หญิงไม่สวยก็ไม่เป็นไร แต่นิสัยต้องน่ารัก อย่างน้อยก็น่ารักกว่าผู้หญิงที่สวยแต่นิสัยไม่ดีเยอะ ที่น่ากลัวก็คือผู้หญิงหน้าตาไม่สวย แถมยังจะมีนิสัยที่ทำให้คนไม่ชอบอีก อย่างเช่น จี้เหวินฮุ่ย เห็นได้ชัดว่าเป็นราชินีใจร้าย แต่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นสโนว์ไวท์ ช่างน่ารังเกียจจริงๆ

จี้เหวินจิ้งร้องไห้เสียงดังครู่หนึ่ง เห็นอู่เชาไม่รอเธอจริงๆ จึงจำเป็นต้องตามไป ตั้งใจว่าอีกสักครู่จะฟ้องคุณตาคุณยายเรื่องของอู่เหมย

สยงมู่มู่รออู่เหมยอยู่หน้าประตู พอเห็นเธอก็ถือโอกาสผิวปากใส่ ดูแล้วอารมณ์ดีไม่เลว อู่เหมยจ้องกลับอย่างอารมณ์ไม่ดี แล้วขึ้นขี่จักรยานเร่งให้สยงมู่มู่เร็วหน่อย

“เธอรีบจะไปเกิดใหม่หรือไง? รีบอะไร? เลี้ยงไข่ปูฉันสักมื้อก่อนสิ” สยงมู่มู่ทำหน้าเหมือนกับว่ามันคือเรื่องที่ควรทำ

“วันหลังค่อยเลี้ยง วันนี้ฉันไม่ว่าง ฉันต้องกลับไปดูละคร”

อู่เหมยไหนเลยจะมีอารมณ์กินซาลาเปาไข่ปู ตอนนี้ต่อให้เนื้อมังกรจ่ออยู่ที่ปาก เธอก็ไม่มีอารมณ์เคี้ยว สยงมู่มู่หัวเราะฮา ภูมิอกภูมิใจมากมาย มองแล้วดูอวดเก่งเป็นอย่างมาก

“เธอจำเป็นต้องเลี้ยงข้าวฉัน พี่ชายช่วยเธอแก้แค้นแล้ว”

 อู่เหมยฟังแล้วก็ประหลาดใจ แต่ครู่เดียวเธอก็คิดได้ ถามอย่างดีใจ “นายสอบประจำเดือนได้ที่หนึ่ง?”

“ถูกต้อง ที่หนึ่งของทั้งโรงเรียน พี่เคยบอกแล้ว สอบได้ที่หนึ่งยังง่ายกว่าดื่มน้ำอีก อยากได้ก็ได้ ไม่อยากได้ก็ไม่จำเป็นต้องเอา” สยงมู่มู่ส่งเสียงอย่างลำพองใจ

อู่เหมยตื่นเต้นจนบังคับจักรยานสั่น เกือบจะล้ม เธอเลยถือโอกาสจอดรถซะเลย รู้สึกตื่นเต้นเกินไปไม่ควรที่จะขี่รถ ควรจะทำอารมณ์ให้สงบก่อน

“สยงมู่มู่ นายนี่เก่งจริงๆ เลย ฉันรับรองเลยว่าวันนี้มีซาลาเปาไข่ปูเกินพอสำหรับนาย!” อู่เหมยขี่รถทะยานจนแทบจะพุ่งขึ้นฟ้าอย่างฮึกเหิม สยงมู่มู่ภูมิใจจนส่งเสียงเฮอะ แม้จะตีหน้าขรึมเล็กน้อย แต่มุมปากแทบจะยกขึ้นถึงติ่งหูแล้ว ดูทึ่มเซ่ออย่างที่สุด

ไม่สนว่าอู่เยวี่ยจะได้ลำดับเท่าไร ไม่ใช่อันดับหนึ่งก็โอเคแล้ว

ความรู้สึกที่สอบได้ที่หนึ่งถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว ได้กินซาลาเปาไข่ปูก็ยิ่งรู้สึกดี คราวหน้ายังอยากจะสอบได้ที่หนึ่งอีกไหมล่ะ?

เพื่อนนักเรียนของสยงมู่มู่มองเขาพลางพูดคุยกันยกใหญ่ แม้เป็นไม้เด่นงามเกินไพรไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ยังไงซาลาเปาไข่ปูก็เป็นอาหารที่รสชาติดีสุดๆ ผลลัพธ์ที่ต้องเลือกแบบนี้ช่างเป็นอะไรที่เลือกได้ยากจริงๆ!

กินซาลาเปาไข่ปูเสร็จ อู่เหมยกลับบ้านอย่างร่าเริง ครั้งนี้เธอไม่ได้สั่งซาลาเปาไข่ปูห่อใส่กล่อง แต่กลับบ้านมามือเปล่า ประตูบ้านปิดแน่นแต่ยังสามารถได้ยินเสียงร้องไห้ในห้องแผ่วเบา

อู่เหมยดีใจในใจ ดูก็รู้แล้วว่าอู่เยวี่ยคงสอบได้ไม่ดี ไม่อย่างนั้นจะร้องไห้เสียใจอะไรขนาดนั้น?

เมื่อเธอออกแรงผลักประตู ก็ยิ่งได้ยินเสียงร้องไห้ในบ้านดังขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังมีเสียงพูดของเหอปี้อวิ๋น ทอดถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม แต่ด้านอู่เหมยนั้นยินดีจนเกือบจะหัวเราะออกมา อู่เยวี่ยร้องไห้เธอก็จะหัวเราะ ยิ่งร้องไห้ได้เวทนามากขนาดไหน เธอก็จะยิ่งหัวเราะให้เสียงดังมากเท่านั้น!

ดูท่าทางแล้ว ลำดับของอู่เยวี่ยคงไม่ค่อยดีเท่าไร

ไม่รู้ว่ายังรักษาสามอันดับแรกไว้ได้หรือไม่?

“หนูกลับมาแล้ว!”

อู่เหมยเหลือบมองเห็นอู่เยวี่ยซบหน้าร้องไห้อยู่บนโต๊ะ อู่เจิ้งซือมีสีหน้าขรึม เหอปี้อวิ๋นพูดปลอบเสียงเบา บรรยากาศในห้องไม่ค่อยดีเท่าไร แต่มันไม่ได้กระทบต่ออารมณ์ที่ดีของอู่เหมยเลยแม้แต่นิดเดียว

…………………………………………………………..