DC บทที่ 361: กิเลนม่วง

 

หลังจากที่ซูหยางไปจากสถานที่แห่งนั้นแล้ว เจ้าซีก็กลับไปที่เมืองเช่นกัน อย่างไรก็ตามขณะที่ไปถึงประตู เขาก็พบกับคนขี้สงสัยจำนวนมากที่ถูกสั่งให้อยู่แต่ในเมืองจากทหารเฝ้าประตู

 

“ท-ท่านเจ้า ทุกสิ่งเป็นไปด้วยดีหรือไม่ ท่านบาดเจ็บหรือไม่” ทหารเฝ้าประตูพลันถามเขา

 

“ข้าสบายดี ต้นตอของปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อกี้นี้ได้ข้อสรุปแล้ว มิมีอะไรน่าเป็นห่วง” เจ้าซีกล่าว

 

“ท่านเจ้า ข้าพอจะถามได้หรือไม่ว่า อะไรที่เป็นต้นตอของปรากฏการณ์ประหลาดนั้น”

 

ผู้คนที่สงสัยต่างพากันถามเขา

 

“มันเป็นเพียงแค่การวิวาทกันเล็กน้อยระหว่างยอดยุทธสองคน มิมีค่าอะไรแก่การใส่ใจ”

 

“เพียงแค่การวิวาทเล็กน้อยเองรึ”

 

ผู้คนต่างพากันมึนงงกับคำตอบที่ไม่คาดคิด การทะเลาะวิวาทเล็กน้อยอะไรกันถึงทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายเพียงนี้ พวกเขายังคิดว่านี่เป็นสงครามระหว่างกองกำลังที่แข็งแกร่งสองฝ่ายเสียอีก

 

“ข้าจักต้องขออภัยแทนผู้ที่สร้างปัญหาเหล่านี้ด้วยถ้าการวิวาทของพวกเขาทำให้เกิดความไม่สะดวกขึ้น” เจ้าซีกล่าว

 

อย่างไรก็ตามก็ไม่มีใครพูดอะไร ไม่ว่าอย่างไรใครจะกล้าให้ราชันย์ขอโทษด้วยตนเอง ต่อให้เจ้าซีเองเป็นคนที่สร้างความวุ่นวายนี้เอง ก็ไม่มีใครกล้าตัดพ้อ

 

หลังจากนั้นเมื่อเจ้าซีกลับคืนถึงบ้าน ร่างอีกร่างหนึ่งที่มีสีหน้าอยากรู้ก็มาปรากฏต่อหน้าของเขา

 

“ท่านพ่อ เกิดอะไรขึ้นข้างนอกรึ ใช่พี่ชายซูหยางหรือไม่” ซีซิงฟางถามเขาทันทีที่เขาเดินผ่านประตู

 

“…อย่ากล่าวถึงชื่อของเขา” เจ้าซีรู้สึกถึงความโกรธที่ได้กดเอาไว้ปะทุขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินชื่อของเขา

 

ซีซิงฟางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “เป็นเขาอย่างงั้นสินะ… มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกท่านทั้งสองกัน”

 

“เจ้าเลวนั่นเป็นคนเดียวในโลกนี้ที่กล้าหยามข้าอย่างตรงๆ เขามิเคารพอำนาจหรือฐานะของข้า ถ้ามิใช่เพราะว่าอาการของเจ้า ข้าจักต้องฆ่าเขาที่นั่นเดี๋ยวนั้น”

 

“ท่านพ่อ” ซีซิงฟางพลันตะโกนออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความโกรธ “ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรระหว่างท่านกับพี่ชายซูหยาง ข้าจักมิยอมให้ท่านทำอันตรายเขา”

 

“ฮึ่ม”

 

เจ้าซีเพียงแค่แค่นเสียงกับคำพูดของเธอและเดินจากไป

 

“ท่านพ่อ ข้าขอเตือนท่าน ถ้าท่านทำอันตรายเขา ข้าจักมิให้อภัยท่านถึงแม้ว่าท่านจะเป็นพ่อของข้าก็ตาม”

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าซีไม่สนใจเธออีกต่อไปและหายไปจากตรงนั้นอย่างสิ้นเชิง

 

“…”

 

ชั่วขณะหลังจากนั้น ร่างอีกร่างหนึ่งก็มาปรากฏตัวต่อหน้าซีซิงฟาง

 

“ซิงเอ๋อร์ เจ้าชอบชายหนุ่มคนนั้นจริงๆ เฮ้อ”

 

“ท-ท่านปู่ ท่านมาทำอะไรที่นี่” ซีซิงฟางแสดงท่าทางประหลาดใจหลังจากที่เห็นชายชรา

 

“ถ้าข้ามิออกมา พ่อของเจ้าคงจะสู้ตายกับเพื่อนของเจ้า” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

“ท่านพ่อจักไปสู้ตายกับพี่ชายซูหยาง ทำไมอะไรแบบนี้จึงเกิดขึ้นได้” ซีซิงฟางตื่นตระหนกอย่างแท้จริงในตอนนี้

 

“เอ้อ.. เจ้ารู้ไหม..”

 

ในเมื่อมันไม่ได้มีอันตรายอะไรในการที่จะให้เธอได้รู้ ชายชราจึงอธิบายสถานการณ์ให้กับเธอ

 

หลังจากที่รู้ความจริง ซีซิงฟางกัดฟันเธอด้วยความโกรธและพูดเสียงเย็นชา “นิกายล้านอสรพิษทำเกินไปแล้วคราวนี้ เมื่อมาคิดว่าพวกเขาถึงกับส่งนักฆ่าไปโจมตีนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย พวกเขาสมควรที่จะถูกริบสถานะสำนักระดับสูง ในเมื่อพฤติกรรมของเขามิต่างไปจากโจรร้าย”

 

“โฮ่ มิง่ายเลยที่จะเห็นเจ้าถึงกับโกรธแทนคนอื่นถึงปานนี้ ซิงเอ๋อร์ ชายชรามองดูเธอด้วยสีหน้าสนุกสนาน

 

ซีซิงฟางหน้าแดงและกล่าวว่า “เออ.. พี่ชายซูหยางเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อข้าและจะเป็นผู้ช่วยชีวิตของข้าด้วย แน่นอนว่าข้าย่อมโกรธแค้นถ้าเขาถูกคนของพวกเรารังแก”

 

“เจ้าดูเหมือนมีความมั่นใจว่าเขาจักสามารถรักษาอาการของร่างกายเจ้าได้ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น” เขาถามเธอ

 

“ข้ามิสามารถที่จะอธิบายได้ถูกต้องอย่างแท้จริง แต่มีกลิ่นอายรอบตัวเขาที่ทำให้ข้ามั่นใจเพียงแค่ได้อยู่ข้างกายเขา”

 

ชายชรายิ้มและกล่าวว่า “กลิ่นอายแบบนั้นเป็นสิ่งที่มีเพียงคนที่มีความมั่นใจสูงสุดในความสามารถของตนเองปลดปล่อยออกมา มิว่านั่นจะเป็นความหยิ่งยะโสหรือความมั่นใจ ตราบเท่าที่คนนั้นแข็งแกร่งพอ เขาจักย่อมมีผลกระทบต่อคนอื่นด้วยเพียงกลิ่นอายของเขาแต่เพียงอย่างเดียว มันเป็นบางสิ่งที่คล้ายกับสิ่งที่ราชันย์ปลดปล่อยออกมาเมื่ออยู่ต่อหน้าประชาชนของเขา”

 

“ข้าเข้าใจ…” ซีซิงฟางพยักหน้า

 

“อย่างไรก็ตามการรวบรวมดำเนินไปอย่างไรแล้ว มีสิ่งของมากมายเพียงใดที่พวกเรายังคงต้องการจากรายการนั้น” ชายชราพลันถามเธอ

 

“ท่านพ่อกลับมาพร้อมกับเลือดงูสามฤดูวันนี้ซึ่งนั่นทำให้สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่งของรายการ เราควรจะได้สิ่งของอีกสองในอาทิตย์หน้า อย่างไรก็ตามสิ่งของที่เหลืออีกสามรายการทั้งหมดล้วนเป็นของหายากที่สุดที่กระทั่งพวกเรายังมิได้เห็นมันมานับสิบปีแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งโสมเลือดปีศาจ หากจะกล่าวไปแล้ว พี่ชายซูหยางได้กล่าวว่าเขาจะจัดการเรื่องโสมเลือดปีศาจ พวกเราจึงเพียงต้องกังวลกับอีกสองสิ่งเท่านั้น” ซีซิงฟางกล่าว

 

“ของสองสิ่งนั้นมีชื่อว่าอะไร” ชายชราถาม

 

“ข้าเชื่อว่ามันเป็นสมุนไพรพิษชื่อว่ารากอสูรและเลือดจากสัตว์พิเศษ กิเลนม่วง”

 

“กิเลนม่วง หือ… นี่ค่อนข้างจะมีปัญหา…” ชายชราขมวดคิ้ว

 

“ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ท่านปู่” ซีซิงฟางถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

 

“กิเลนม่วงสามารถพบได้ที่ใกล้กับสระม่วงที่อยู่ในป่าต้องห้าม อย่างไรก็ตามปัญหามิได้อยู่ที่ตัวกิเลนแต่กลับเป็นสภาพแวดล้อมอันตรายของป่าต้องห้ามแทน สถานที่นั้นเต็มไปด้วยอากาศที่เป็นพิษที่อันตรายเสียจนกระทั่งข้ามิอาจจะเข้าไปได้ลึกโดยมิเป็นอันตรายต่อพลังการฝึกปรือของข้า”

 

“มันอันตรายถึงขนาดนั้นเชียวรึ เช่นนั้นพวกเราจะเข้าไปเอาเลือดของกิเลนม่วงได้อย่างไร”

 

“แม้ว่าข้ามิอาจเข้าไปในป่านั้นได้ แต่นั่นเป็นเรื่องอีกเรื่องสำหรับเจ้าซึ่งมีร่างกายที่ต้านทานพิษอย่างสมบูรณ์”

 

“ข-ข้ารึ…” ซีซิงฟางกลืนน้ำลายด้วยความเป็นกังวล

 

“ใช่ มีเพียงเจ้าที่สามารถเข้าไปในป่าต้องห้ามได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามข้ามิแนะนำเช่นนั้น ในเมื่อเจ้ามิอาจจะเป็นคู่มือของกิเลนม่วงที่อยู่ประมาณระดับหกของเขตอัมพรวิญญาณได้”

 

“ต่อให้มันจะต้องมีอันตราย เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งเลือดกิเลนม่วง ข้าต้องไป” ซีซิงฟางกล่าว

 

“ใจเย็นๆ ซิงเอ๋อร์ เราสามารถคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อเราได้รับของอย่างอื่นแล้ว ส่วนสำหรับรากอสูรนั้น เจ้าก็สามารถหามันได้จากภายในป่าต้องห้ามด้วยเช่นกัน แต่ในเมื่อมันสามารถหาพบได้จากรอบๆชายเขตของป่า เรามิต้องจำเป็นต้องกังวลว่าจะมิสามารถเข้าถึงมันได้”

 

ซีซิงฟางพยักหน้า

 

“มันดึกแล้ว เจ้าควรไปพักผ่อน”

 

“แล้วท่านล่ะ ท่านปู่”

 

“ข้าจักอยู่ที่นี่นานอีกสักหน่อย ข้ายังคงมีเรื่องต้องคุยกับพ่อของเจ้าอีกสองสามเรื่อง”

 

“ได้เลย ราตรีสวัสดิ์ ท่านปู่” ซีซิงฟางกล่าวกับเขาก่อนที่จะกลับไปยังห้องของตนเอง