DC บทที่ 360 อย่าล่วงเกินเขา

 

“หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าข้าคือใคร ซูหยาง เช่นนั้นขอให้ข้าช่วยเตือนความจำว่าข้าคือซีอีมู ราชาของทวีปนี้” เจ้าซีตะโกนออกมาด้วยกลิ่นอายท่วมท้นรอบกายเขา “แม้ว่าเจ้าอาจจะทรงอำนาจ หรือว่าเจ้าทรงอำนาจพอที่จะสู้กับทั้งทวีป”

 

“…”

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะซูหยางก็พูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “ข้าจะสามารถต่อสู้กับทั้งทวีปได้หรือไม่หรือเปล่านั้น.. เจ้าต้องการทดสอบหรือไม่”

 

“ซูหยาง… เจ้าสารเลว หรือเจ้ากำลังจะทรยศลูกสาวข้า ซีซิงฟาง” เจ้าซีคำรามออกมาอย่างโกรธแค้น

 

“ทำไมข้าจึงต้องทำเช่นนั้น ข้าจำมิได้ว่าเคยข่มขู่เจ้าว่าข้าจักปล่อยให้เธอตาย ข้าเป็นคนรักษาคำพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำพูดนั้นให้ไว้กับหญิง ต่อให้ทั้งตระกูลซีเป็นศัตรูของข้า ข้าก็ยังคงรักษาอาการของเธอ” ซูหยางกล่าวด้วยเสียงผ่อนคลาย

 

อย่างไรก็ตามนั่นมิได้หมายความว่า นั่นมิได้หมายความว่าข้าจักมิต่อสู้กับเจ้าเพียงเพราะว่าเจ้าเป็นครอบครัวเดียวกับเธอ มิว่าพวกเขาเป็นใครหากว่าพวกเขาเป็นศัตรูของข้า ข้าย่อมจักล่าพวกเขา” ซูหยางจ้องไปยังเจ้าซีด้วยดวงตาคมกริบที่มีกลิ่นอายการฆ่าฟันแผ่ออกมา

 

“นี่เป็นเรื่องระหว่างนิกายล้านอสรพิษกับข้า ถ้าเจ้าต้องการที่จะปกป้องพวกเขาหลังจากที่พวกเขาทำสิ่งนี้กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย เช่นนั้นก็จงชักกระบี่ของเจ้าออกมาที่นี่ในตอนนี้” ซูหยางดึงแมงป่องดำออกมาและชี้มันไปยังหน้าเจ้าซีที่กรุ่นไปด้วยความโกรธ

 

“ถ้าเจ้าเปลี่ยนใจในตอนนี้ ข้าจักยกโทษให้กับการชี้อาวุธมายังหน้าข้า แต่ถ้าเจ้ายังคงต้องการที่จะต่อสู้กับนิกายล้านอสรพิษ เช่นนั้นข้าจักลงโทษเจ้าฐานกบฏ

 

“ช่างน่าสงสาร…” ดวงตาซูหยางวาบเป็นประกายอันตราย

 

“เจ้ากล้า” เจ้าซีพลันดึงอาวุธของตนเองออกมา

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่พวกเขาจะทันได้เคลื่อนไหว ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นระหว่างพวกเขาราวกับเป็นภูตผี

 

“หยุดความโง่เง่านี่เดี๋ยวนี้” ร่างนั้นกล่าว

 

“ท่านคือ…” ซูหยางเพ่งความสนใจไปยังชายชราที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา

 

“ท-ท่านพ่อ” เจ้าซีแสดงสีหน้าประหลาดใจหลังจากที่เห็นพ่อของตนเองปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า “ท-ท่านมาทำอะไรที่นี่”

 

“ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตลูกชายที่ดื้อดึงของข้า” ชายชรากล่าวขณะที่เขามองดูเจ้าซีด้วยดวงตาที่เหมือนไม่พึงพอใจอีกฝ่าย “แม้ว่าเจ้าอาจจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปแห่งนี้ เจ้าก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มคนนี้”

 

“อ-อะไรกัน” เจ้าซีตาโตด้วยความตระหนก ในเมื่อเขาไม่คาดคิดว่าพ่อของตนเองจะพูดออกมาตรงๆแบบนี้ กระทั่งถึงกับพูดต่อหน้าคนแปลกหน้า

 

“ดูเหมือนว่าท่านยังคงเห็นได้ชัดเจนแม้ว่าจะอายุปูนนี้แล้ว ท่านผู้เฒ่า” ซูหยางพูดกับเขาด้วยรอยยิ้ม

 

“อืมม…” ชายชราหันไปมองดูซูหยางด้วยสายตาที่แฝงความลึกล้ำ “เจ้าเป็นคนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางรึ ข้ามิอาจจินตนาการได้ว่าที่แห่งนี้จะสร้างสัตว์ประหลาดอย่างเจ้าขึ้นมาได้”

 

“ข้าเกิดในทวีปนี้โดยมิต้องสงสัย” เขาตอบ

 

และเขาก็พูดต่อว่า “ข้ามั่นใจว่าท่านได้ค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องราวของข้าเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นทำไมท่านจึงทำตัวเหมือนไม่คุ้นเคยกับข้า”

 

“ถ้าเจ้ามิใช่คนจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง เช่นนั้นเจ้าต้องมีอาจารย์จากที่แห่งนั้น หรือบางทีเขาจะเป็นเซียนที่ปกป้องนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยในตอนนี้”

 

“ใครจะรู้” ซูหยางยักไหล่อย่างสบายๆ

 

“…”

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะชายชราก็หันไปมองดูเจ้าซีและกล่าวว่า “อย่าเข้าไปแทรกแซงเรื่องของเขากับสำนักล้านอสรพิษ”

 

“อ-อะไรกัน ข้าทำเช่นนั้นมิได้ ท่านพ่อ สำนักระดับสูงทั้งหมดล้วนได้รับการปกป้องจากตระกูลซี ถ้าเรายอมให้พวกเขาสักคนถูกทำลายโดยมิทำอะไรเลยและสำนักอื่นเห็นเช่นนั้น พวกเราต้องเจอกับผลที่ตามมาที่จักเป็นอันตรายต่อตระกูลซีอย่างแน่นอน” เจ้าซีกล่าว

 

ไม่ว่าอย่างไรถ้าตระกูลซีไม่ปกป้องนิกายล้านอสรพิษ สำนักระดับสูงอื่นๆย่อมสูญเสียความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อตระกูลซี เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น สำนักระดับสูงต้องพากันมาประท้วง และต่อให้ตระกูลซีแข็งแกร่งมากมายเพียงไหน พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะสู้เอาชนะกับขั้วอำนาจมากมายปานนั้นได้

 

ต่อให้พวกเขาสามารถเอาชนะกับสำนักระดับสูงเหล่านั้นได้ พวกเขาก็จะต้องอ่อนแอและเปราะบางหลังจากนั้น ในเวลานั้นกระทั่งตระกูลที่มีขนาดทั่วไปก็จะสามารถเอาชนะพวกเขาได้ อย่าว่าศัตรูของพวกเขาที่ไม่ว่ามีพลังอำนาจเท่าไหร่

 

“เช่นนั้นก็เพียงแค่ถอดสถานภาพของนิกายล้านอสรพิษออกจากการเป็นสำนักระดับสูง” ชายชรากล่าวอย่างไม่ไยดี

 

“นั่นเป็นทางออกประเภทไหนกัน ข้ามิอาจเพียงแค่ถอดสถานะของพวกเขาออกอย่างง่ายๆเช่นนั้นโดยปราศจากเหตุผล” เจ้าซีขมวดคิ้ว

 

“ถ้าเจ้าต้องการเหตุผล นั่นก็มีอยู่หนึ่งต่อหน้าต่อตาเจ้า” ชายชราชี้ไปยังศพที่ปราศจากหัวบนพื้นและกล่าวขึ้นว่า “นิกายล้านอสรพิษได้เพิกเฉยกฏของเมืองโดยการส่งจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณไปลอบสังหารผู้นำนิกายของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยในเวลากลางคืน”

 

“แต่นั่น…”

 

“ถ้าใครมีปัญหา ข้าจักพูดกับพวกเขาด้วยตนเอง” ชายชราหันไปมองดูซูหยางและกล่าวต่อว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไร ตระกูลซีของข้าจักมิแทรกแซงกับเรื่องราวของเจ้า”

 

“นั่นควรจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาเก็บแมงป่องดำในมือกลับเข้าไปในแหวนมิติ

 

“ถ้าเจ้าต้องการที่จะโทษใครในเรื่องนี้ เจ้าสามารถโทษนิกายล้านอสรพิษที่ตีงูผิดตัว” ซูหยางกล่าวขณะที่เขาหายไปจากที่แห่งนั้นเหมือนกับภูตผี

 

ครั้นเมื่อซูหยางจากไปแล้ว เจ้าซีก็กล่าวกับพ่อของเขา

 

“ทำไมท่านจึงเข้าข้างเขา ท่านพ่อ ตอนนี้ข้าดูเหมือนกับเป็นคนที่ถูกรังแกได้ง่ายๆ” เขาบ่น

 

“เจ้าเด็กโง่ เจ้ามิเห็นเสี้ยวแสงสีดำเมื่อไม่กี่นาทีก่อนรึ หรือเจ้าคิดจริงๆว่าเจ้าสามารถสู้กับบางสิ่งแบบนั้นได้ กระทั่งข้ายังมิกล้าที่จะรับการโจมตีนั้นโดยตรง”

 

“อะไรกัน ท่านกำลังจะพูดว่าเสี้ยวแสงสีดำที่ผ่าครึ่งท้องฟ้านั้นเป็นวิชาที่ใช้จากเขาจริงรึ ข้าคิดว่านั่นเกิดจากมีดสั้นสีดำในมือเขาเสียอีก” เจ้าซีร้องออกมาดังๆ

 

ไม่ว่าอย่างไรไม่ควรจะมีคนที่สามารถปลดปล่อยพลังได้สัตว์ประหลาดแแบบนั้น

 

“ข้าได้มองดูเขาตั้งแต่แรก อย่าล่วงเกินเขา เขามิใช่คนที่เราสามารถยุ่งเกี่ยวได้ อย่าว่าแต่เขายังต้องไปรักษาซิงเอ๋อร์

 

“…”

 

เจ้าซีพลันพูดไม่ออก เมื่อคิดว่าพ่อของเขาซึ่งไม่รู้จักคำว่า กลัว นั้นสะกดอย่างไร กลับเกรงที่จะล่วงเกินซูหยาง นี่เป็นเรื่องที่น่าตระหนกเกินไป