ตอนที่ 264 ดื่มเหล้าย้อมใจ / ตอนที่ 265 จี้ฉิงปรากฏตัว

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 264 ดื่มเหล้าย้อมใจ

 

 

           ในห้องเงียบเชียบ มั่วไป๋เป็นห่วงเจียงมู่เฉินที่มีอาการเมาเหล้า เขายื่นมือไปเปิดประตูอย่างไม่วางใจ กลับเห็นเจียงมู่เฉินที่ควรจะหลับสนิทนั่งกอดเข่าอยู่ที่พื้น

 

 

           มองจากมุมเขาแล้ว ดูแข็งกระด้างเป็นพิเศษ

 

 

           มั่วไป๋ใจกระตุกวูบ ผลักประตูเดินเข้าไป นั่งลงข้างกายเจียงมู่เฉิน

 

 

           “นอนไม่หลับเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินเสียงของมั่วไป๋ ก็พยักหน้าเงียบๆ

 

 

           มั่วไป๋เหยียดขาตรง มองเขา “แต่ก่อนฉันก็เป็นแบบนี้ พอถึงตอนกลางคืนก็ทำได้เพียงนั่งอยู่แบบนี้”

 

 

           เจียงมู่เฉิยเอียงหัวมองเขา “ตอนนี้ล่ะ”

 

 

           มั่วไป๋ยิ้มเจื่อนๆ “พึ่งยา” เขาเอียงหัวมองเจียงมู่เฉิน “แบบนั้นก็ไม่เจ็บปวดทุกข์ทรมานเท่าไหร่แล้ว”

 

 

           “ไป๋ไป๋ นายว่าฉันเป็นแบบนี้ไม่เหมือนฉันเลยใช่ไหม” ตอนกลางวันเขาดูเหมือนสบายๆ ไม่คิดอะไร ไม่ต่างจากในอดีต

 

 

           แต่พอตกกลางคืน เขาถึงเป็นเจียงมู่เฉินตัวจริงคนนั้น

 

 

           นอนไม่หลับ ถึงขั้นหมดหนทางจะหลับตาลง

 

 

           หลับตาลงทีไร ก็เห็นแต่ใบหน้าของซือเหยี่ยน เมื่อก่อนเขาไม่เคยรักใคร ไม่เคยรู้ว่าที่แท้การรักคนคนหนึ่งก็เป็นแบบนี้ได้

 

 

           เหมือนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ซือเหยี่ยนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายของเขาไปแล้ว

 

 

           แล้วตอนนี้ซือเหยี่ยนจากไป ก็กระชากเอากระดูกเอาเนื้อออกจากร่างกายเขาไปด้วย

 

 

           “เลิกกับซือเหยี่ยนแล้วเหรอ”

 

 

           “อืม”

 

 

           “เขาพูดเหรอ”

 

 

           “ฉัน”

 

 

           มั่วไป๋ลุกพรวดพราดขึ้นมา หมุนตัวเดินออกจากห้องนอนไป เขาเข้าไปในครัวหยิบเหล้าที่มีทั้งหมดในตู้เย็นออกมา วางกองรวมกันที่พื้น

 

 

           เจียงมู่เฉินเอียงหัวมองเขา

 

 

           “ดื่มเหล้าย้อมใจสิ ไม่ใช่ฉากที่ต้องมีแน่นอนเวลาเลิกกันแล้วเหรอ”

 

 

           มั่วไป๋เปิดกระป๋องหนึ่งส่งให้เจียงมู่เฉิน “ลองดูสักหน่อย ดูว่าสรุปแล้วจะย้อมใจได้หรือเปล่า”

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มยื่นมือไปรับต่อ มองเหล้าในมือแล้วยกมุมปากขึ้นอย่างจนใจ ฉากดื่มเหล้าย้อมใจพวกนี้ หลอกกันทั้งเพ

 

 

           สุดท้ายกลับเป็นมั่วไป๋เองที่ดื่มจนเมา เจียงมู่เฉินอุ้มเขาขึ้นเตียงไป ส่วนตัวเองนั่งอยู่ข้างหน้าต่างทั้งคืน

 

 

           เช้าวันต่อมามั่วไป๋ตื่นขึ้น เจียงมู่เฉินก็ออกจากคอนโดมิเนียมไปแล้ว

 

 

           เขานอนเหยียดแขนขาเรียวยาวอยู่บนเตียง ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ความรักความรู้สึกอะไรพวกนี้ ยามหวานชื่นช่างหวานล้ำ ยามทำร้ายช่างเจ็บปวดที่สุด

 

 

           ตอนนั้นเขาลิ้มรสกับมันอย่างถึงที่สุดแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินออกจากบ้านมั่วไป๋แล้วก็กลับบ้านตระกูลเจียงไป คืนนี้มีงานเลี้ยงตอนเย็น คุณแม่เจียงให้เขาต้องเข้าร่วมงานด้วย

 

 

           ตอนนี้สำหรับเจียงมู่เฉินแล้ว จะไปที่ไหนก็เหมือนกันหมด ไม่มีความแตกต่างอะไรทั้งสิ้น

 

 

           แม่เขาออกปากมาแล้ว เป็นธรรมดาที่เขาต้องทำตามความต้องการของคุณแม่เจียง

 

 

           กลับไปนอนพักอีกที เวลาห้าโมงถึงเพิ่งตื่นขึ้นมา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เจียงมู่เฉินถึงได้ลงมาชั้นล่าง

 

 

           คุณแม่เจียงรอเขาที่ชั้นล่างอยู่ก่อนแล้ว เจียงมู่เฉินเห็นคุณแม่เจียงก็เดินเข้าไปหาทันที “ผมเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”

 

 

           คุณแม่เจียงเห็นเจียงมู่เฉินเป็นแบบนี้ แววตาฉายสะท้อนความกังวลใจขึ้นมาวาบหนึ่ง แต่ใบหน้าเรียบเฉยของเจียงมู่เฉินมองหาความผิดปกติไม่ออกเลยสักนิด

 

 

           คุณแม่เจียงต้องถอนหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ สุดท้ายก็ไม่พูดอะไรสักคำ พาเจียงมู่เฉินออกเดินทาง

 

 

           รถมาจอดที่หน้าทางประตูทางเข้าโรงแรมจินเม่า ข้างๆ มีคนดึงเปิดประตูรถของเจียงมู่เฉิน ขาเรียวยาวก้าวออกมาก่อน ตามด้วยร่างทั้งร่างของเจียงมู่เฉินที่เดินออกมาจากรถ

 

 

           เขาสวมชุดสูทที่วัดตัวสั่งตัดมาเป็นพิเศษ รูปร่างดีสูงเพรียวเผยให้เห็นเด่นชัดอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งประกอบเข้ากับใบหน้างามละเอียดได้รูปของเจียงมู่เฉินอีกแล้วนั้น

 

 

           คนรอบข้างไม่น้อยต่างตกตะลึงงัน

 

 

           ถึงแม้จะรู้ว่าคุณชายน้อยตระกูลเจียงผู้นี้สุดยอดไม่มีใครเปรียบได้ แต่จู่ๆ พอมาได้เห็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้คนละสายตาไปไม่ได้

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นผู้คนมากมายก็ยกมุมปากขึ้น ส่งมือต่อให้คุณแม่เจียงอยู่ด้านข้าง

 

 

           การกระทำและท่าทางของเขาแบบนั้นยิ่งแสดงความเป็นสุภาพบุรุษองอาจให้เห็น คุณหนูลูกผู้ลากมากดีที่อยู่ด้านข้างหัวใจใกล้จะกระโดดออกมาแล้ว หวังจริงๆ ว่าตัวเองจะถูกเขาจูงมือแบบนี้บ้าง  

 

 

 

 

ตอนที่ 265 จี้ฉิงปรากฏตัว

 

 

           คุณแม่เจียงพาเจียงมู่เฉินเดินเข้าไป ข้างในมีคนอยู่ไม่น้อยแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่ทั้งสาวทั้งสวย

 

 

           เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้น ดูท่าว่าแม่เขาจะยังไม่ยอมแพ้ อยากทำให้เขากลับเนื้อกลับตัว

 

 

           เขาอยากหัวเราะ นี่ไม่ใช่โรคสักหน่อย รักษาไม่หายหรอก

 

 

           ตลอดทั้งคืนคุณแม่เจียงพาเจียงมู่เฉินเจอหน้าพบปะคนมากมาย ทั้งหมดคือผู้หญิงที่เหมาะสมคู่ควรจะแต่งงานด้วย เจียงมู่เฉินเห็นมาแต่ละที แม้แต่หน้าก็ยังจำไม่ได้

 

 

           สุดท้ายไม่รู้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งแทรกเข้ามาจากไหน แม่เขามองเธอด้วยความรักใครเอ็นดู ปล่อยให้พวกเขาสองคนคุยกันเอง

 

 

           ตรงมุมมุมหนึ่ง เจียงมู่เฉินถือแก้วเหล้าในมือ ยืนพิงอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหย “ฉันไม่คิดจะดูตัว”

 

 

           ตรงข้ามเป็นผู้หญิงใส่ชุดเดรสสีน้ำตาลอ่อน เธอมองเจียงมู่เฉินแล้วอดจะยิ้มหัวเราะไม่ได้ “เมื่อก่อนได้ยินมาว่าคุณชายเจียงทำอะไรไม่เหมือนใคร วันนี้มาเจอ ก็เป็นอย่างนี้จริงๆ”

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดไม่ถึงว่าเธอจะมาท่าทีตอบกลับแบบนี้ได้ เขาชายตามองเธอโดยไม่ตั้งใจ หน้าตาสวยมากทีเดียว ดูหน้าตาคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน

 

 

           “ได้ยินมา?”

 

 

           เธอยิ้มหัวเราะ “ขอแนะนำตัว ฉันชื่อจี้ฉิง บังเอิญทีเดียว ฉันเองก็ไม่ได้มาดูตัวเหมือนกัน”

 

 

           “ถ้างั้น เธออยากจะพูดอะไรกับฉัน”

 

 

           จี้ฉิงลูบแก้วเหล้า “ถ้าคุณชายเจียงไม่รังเกียจ ร่วมมือกับฉันสักหน่อย เป็นไง”

 

 

           เจียงมู่เฉินยักคิ้ว “เดิมทีไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ แต่ตอนนี้จู่ๆ ก็ชักจะสนใจบ้างแล้ว”

 

 

           เขาเห็นแววตาของเธอทอประกายความเจ้าเล่ห์และแผนการบางอย่าง แต่เขากลับชอบแผนการทำนองนั้นพอดีด้วยสิ

 

 

           “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ถือว่าพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีการคืนคำแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้า “แน่นอน ฉันเจียงมู่เฉินไม่เคยคืนคำอยู่แล้ว”

 

 

           หลังจากคืนนั้น คนทั้งถานโจวก็ได้รู้ว่าตระกูลเจียงตั้งใจจัดงานเลี้ยงดูตัวเพื่อคุณชายเจียงโดยเฉพาะ คนมีหน้ามีตาทุกคนมาที่งานเลี้ยงนี้กันทั้งหมด งานใหญ่โตอลังการ

 

 

           ถึงขนาดที่ว่าคุณชายน้อยตระกูลเจียงกลายเป็นประเด็นร้อนพูดถึงกันไปทั่วถานโจวเพียงชั่วข้ามคืน

 

 

           ถึงอย่างไรด้วยอำนาจและอิทธิพลของตระกูลเจียงแล้ว ถ้าหากว่ามีคนตะกายถึงตระกูลเจียงได้ก็ไม่แตกต่างอะไรจากการได้เป็นหงส์บินไปเกาะที่ยอดกิ่ง

 

 

           หลายวันต่อมาเจียงมู่เฉินก็ติดอันดับการค้นหายอดนิยมอยู่อันดับต้นๆ ไม่ตกอันดับลงมาตลอด

 

 

           ในร้านอาหารเขตเมืองแห่งหนึ่ง เจียงมู่เฉินนั่งฝั่งหน้าต่าง อยู่ฝั่งตรงข้ามกับจี้ฉิง ใบหน้าทั้งสองคนคนแต่งแต้มรอยยิ้มท่าทางดูสนิทชิดเชื้อกันไม่เบา

 

 

           “คุณชายเจียง ท่าทางของคุณหนักแน่นกว่านี้หน่อยได้ไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินฉีกมุมปาก “เธอต้องขอบคุณฉันด้วยซ้ำที่ตอนนี้ยังให้ความร่วมมือกับเธออยู่”

 

 

           จี้ฉิงเผลอยิ้มออกมา ยื่นมือคีบอาหารให้เจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินเลิกคิ้วมองเธอ จี้ฉิงชี้ที่มือของตัวเอง “ตะเกียบกลาง[1]”

 

 

           “ในเมื่อต้องการให้พวกเขาถ่าย ก็ต้องให้พวกเขามีอะไรให้ถ่ายเยอะๆ บ้าง ไม่งั้นจะไม่เป็นการเล่นละครเสียเปล่าหรอกเหรอ”

 

 

           เจียงมู่เฉินยื่นมือไปเหน็บผมของเธอที่ตกลงมากะทันหันกลับเข้าไป เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย “เธอแน่ใจว่าคนพวกนี้ไม่ใช่ที่เธอหามาเอง?”

 

 

           จี้ฉิงหลุดหัวเราะ “ก็ฉันเป็นดารานี่ คนอยากถ่ายฉันต้องไม่น้อยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว” เธอยักไหล่ “ดังนั้น ก็โทษฉันไม่ได้ ถูกไหม”

 

 

           เห็นเธอทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ความชื่นชมวาบขึ้นมาในแววตาของเจียงมู่เฉิน “เพราะฉะนั้น เธอคิดจะยืมฉันมาขยี้ตามประเด็นร้อน[2]ตอนนี้เหรอ”

 

 

           “แหม คุณชายเจียงก็ พวกเราจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการไงล่ะ เล่นละครกันทีก็ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่ได้เสียหายอะไร ดีมากเลยนะ”

 

 

           “เธอคิดจะขยี้ประเด็นร้อนนี้ไปอีกนานเท่าไหร่”

 

 

           จี้ฉิงมองเขา “งั้นก็ต้องดูว่าคุณชายเจียงอดทนได้สักแค่ไหนแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินดื่มน้ำ “อีกสองวัน ฉันต้องไปอเมริกา ฉันจะให้โอกาสเธอขยี้ประเด็นร้อนนี้”

 

 

           จี้ฉิงตาลุกวาว “ฉันจะมารับคุณ ไปส่งคุณด้วยตัวเอง”

 

 

           “อืม” เจียงมู่เฉินพยักหน้า

 

 

           ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงมุมมุมหนึ่ง เอาแต่ยิ้มหัวเราะพูดคุยกันดูไปแล้วช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน จนกระทั่งกินอาหารกันเสร็จแล้ว เจียงมู่เฉินกับจี้ฉิงถึงได้เตรียมตัวออกจากร้านไป

 

 

           เมื่อออกมาจากร้านอาหาร จี้ฉิงยืนทรงตัวไม่อยู่เซล้มไปด้านข้าง เจียงมู่เฉินยื่นมือไปโอบกอดเธอเอาไว้ เสียงต่ำเอ่ยปลอบใจเธอ

 

 

           จนจี้ฉิงส่ายหัว ทั้งสองคนถึงได้ออกจากร้านอาหารไป

 

 

 

 

 

 

[1] ตะเกียบกลาง ที่ไว้ใช้ร่วมกันคีบอาหารวางใส่จานตัวเองได้ แต่เอาเข้าปากไม่ได้

 

 

[2] ขยี้ตามประเด็นร้อน ศัพท์แสลงในอินเทอร์เน็ตของจีน หมายถึง การขยี้ตามประเด็นร้อน ณ ตอนนั้น เพื่อให้ตัวเองดังขึ้นตามประเด็น