ตอนที่ 262 นายไม่ช่วยฉันอาบเหรอ / ตอนที่ 263 อาลัยในความอบอุ่น

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 262 นายไม่ช่วยฉันอาบเหรอ

 

 

           “ไป๋ไป๋ นายมาได้จังหวะพอดีเลย”

 

 

           มั่วไป๋ขบกรามมองเจียงมู่เฉิน ถือแก้วเหล้าในมือเขาลง “พอได้แล้ว ฉันจะส่งนายกลับบ้าน”

 

 

           เจียงมู่เฉินส่ายหัว “ไม่กลับไป”

 

 

           มั่วไป๋จนใจ “งั้นไปบ้านฉันไหม”

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดแล้วคิดอีก “ได้ งั้นไปบ้านนาย”

 

 

           มั่วไป๋มองเฉิงฉีแวบหนึ่ง “ฉันพามู่เฉินกลับไปก่อนนะ” เขาพูดจบก็ไม่รอให้เฉิงฉีได้พูดต่อ ดึงตัวคนมากอดประคองเดินออกไป

 

 

           เฉิงฉีลูบคางไปมา รู้สึกว่าบุคลิกของมั่วไป๋แปลกอยู่ทีเดียวจริงๆ บางมุมค่อนข้างเหมือนเจียงมู่เฉินอย่างบอกไม่ถูก

 

 

           “โอเค ฉันจะพานายกลับไปก่อน มีอะไรกลับไปค่อยว่ากัน อย่ามาวุ่นวายอยู่ที่นี่”

 

 

           เจียงมู่เฉินผู้ดื่มเหล้าไปแล้วนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ลืมตามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเมาแล้วหรือไม่ได้เมา ไม่พูดจาสักคำดูสีหน้าอารมณ์ไม่ออก

 

 

           มั่วไป๋ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงขับรถมุ่งหน้าไปคอนโดมิเนียมของตัวเองเท่านั้น

 

 

           เขาประคองร่างคนขึ้นชั้นบนไป พามาถึงห้องแล้วก็ถีบใส่ให้เข้าห้องน้ำไป ให้เขาอาบน้ำล้างกลิ่นเหล้าทั้งตัวออก แล้วค่อยมาคุยกับตัวเอง

 

 

           เจียงมู่เฉินทำหน้าซื่อมองเขา “นายไม่ช่วยฉันอาบเหรอ”

 

 

           มั่วไป๋ไม่พูดเป็นคำที่สอง ยกเท้าให้เขาเสียก่อน “อาบไม่อาบ? ไม่อาบ ฉันจะฆ่านาย”

 

 

           คนที่จะสยบเจียงมู่เฉินได้ก็มีแค่มั่วไป๋ โดนเขาถีบใส่ทีหนึ่ง เจียงมู่เฉินก็ว่าง่ายสุดๆ เข้าไปห้องน้ำอาบน้ำทันที

 

 

           มั่วไป๋ยืนอยู่นอกประตู เป่าปากโล่งอก เขาฟังเสียงน้ำข้างใน แล้วโทรหาไป๋จิ่ง

 

 

           “มาที่บ้านฉันที ถึงใต้ตึกแล้วโทรหาฉัน”

 

 

           ไป๋จิ่งได้ยินก็ตกลงทันที คว้าเสื้อจากในห้องทำงานแล้วรีบออกไป

 

 

           หลังจากวางสายแล้ว มั่วไป๋กุมขมับ ช่วงนี้เจียงมู่เฉินไม่ปกติขั้นรุนแรง ถึงแม้จะดูเหมือนเที่ยวเล่นไม่สนใจโลกตามปกติก็ตาม

 

 

           แต่ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เขามองแวบเดียวก็เห็นได้ชัดเจน

 

 

           เรื่องของเจียงมู่เฉินต้องเกี่ยวข้องกับซือเหยี่ยนแน่นอน ไม่รู้ว่าระหว่างพวกเขาเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้เจียงมู่เฉินนิสัยอารมณ์เปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้

 

 

           ดื่มเหล้าแล้วมาอาบน้ำ เจียงมู่เฉินเวียนหัวอยู่บ้าง ออกจากห้องน้ำก็ตะกายขึ้นเตียงทันที

 

 

           มั่วไป๋ถือน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งเดินเข้ามา เขาเตะเจียงมู่เฉิน “ลุกขึ้นมาดื่มน้ำ”

 

 

           เจียงมู่เฉินกำลังกระหายน้ำพอดี บังคับตัวเองให้ลืมตาขึ้น ดื่มน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งเข้าไป

 

 

           ทำทุกอย่างเสร็จ มั่วไป๋ถึงได้ปล่อยให้เจียงมู่เฉินนอนต่อไป

 

 

           เขาออกมาจากห้องนอน ไป๋จิ่งก็มาถึงใต้ตึกพอดี เขาคิดว่าเจียงมู่เฉินนอนสักพักก็ไม่น่าจะตื่นไหว จึงหยิบกุญแจแล้วออกไปข้างนอก

 

 

           มั่วไป๋ออกไปแล้ว ทันทีที่ประตูปิดลง เจียงมู่เฉินที่อยู่ในห้องนอนเพียงชั่วครู่เดียวก็ลืมตาขึ้นมา

 

 

           เขาตาสว่าง มีหรือจะยังมีความง่วงเมื่อครู่นี้อยู่ เจียงมู่เฉินยืดแขนยืดขานอนบนเตียง ลืมตามองฝ้าเพดาน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

 

           ใต้ตึก มั่วไป๋นั่งอยู่ในรถของไป๋จิ่ง เขาเอ่ยประโยคแรกก็ถาม “ซือเหยี่ยนล่ะ ช่วงนี้เขาอยู่ที่ไหน”

 

 

           ไป๋จิ่งใจสั่นเทา “ทำไมจู่ๆ คุณถึงมาถามว่าซือเหยี่ยนอยู่ที่ไหน” มั่วไป๋ไม่ได้สนใจซือเหยี่ยนมาแต่ไหนแต่ไร

 

 

           “ไม่มีอะไร ก็แค่ถามไปเรื่อยเปื่อย” มั่วไป๋จ้องมองเขา ราวกับอยากจะมองอะไรออกจากดวงตาของเขา

 

 

           “เกี่ยวข้องกับเจียงมู่เฉินใช่หรือเปล่า”

 

 

           “ตกลงระหว่างซือเหยี่ยนกับเจียงมู่เฉินเกิดปัญหาอะไรกันขึ้น”

 

 

           ไป๋จิ่งขมวดคิ้ว “บอกตามตรง ผมเองก็ไม่ชัดเจน อีกอย่างซือเหยี่ยนก็มีธุระไปดูงานต่างเมืองกะทันหัน ช่วงเวลานี้ไม่ได้อยู่บริษัทเลย”

 

 

           “โอเค ถ้าซือเหยี่ยนกลับบริษัทมา ก็รีบบอกฉันทันทีนะ”

 

 

           มั่วไป๋พูดจบก็เตรียมจะออกไป ไป๋จิ่งเห็นก็รีบฉุดรั้งดึงคนกลับเข้ามา

 

 

           “เป็นไรไป”

 

 

           ไป๋จิ่งมองใบหน้าของมั่วไป๋ เดิมทีพื้นที่ในรถก็เล็กอยู่แล้ว ยิ่งมาบวกกับที่มั่วไป๋หันหน้ากลับมาหา ทั้งสองคนอยู่ในระยะประชิดใกล้กันถึงขีดสุด

 

 

           เห็นมั่วไป๋ที ไป๋จิ่งค่อนข้างจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว เขาเข้าไปจูบทั้งแบบนี้

 

 

           ดวงตามั่วไปเบิกขึ้นเล็กน้อย ฉายสะท้อนความรู้สึกแปลกใจขึ้นมาวาบหนึ่ง

 

 

           

 

 

ตอนที่ 263 อาลัยในความอบอุ่น

 

 

ขณะจูบไม่รู้ว่าอารมณ์ฮึกเหิมมาจากไหน หลังจากจบจูบนี้ จู่ๆ ไป๋จิ่งก็หวาดกลัวอยู่บ้าง สายตาไม่ค่อยกล้าวางไว้ที่มั่วไป๋

 

 

มั่วไป๋ดูสถานการณ์แล้ว ก็ยกมือขึ้นโอบรอบคอของไป๋จิ่ง เป็นฝ่ายลงมือจูบเขาเอง

 

 

ครั้งนี้เป็นทีของไป๋จิ่ง เขาตะลึงงัน คิดไม่ถึงว่ามั่วไป๋จะเป็นฝ่ายจูบเขาเอง เขายังคิดว่าเมื่อครู่ที่ตัวเองจูบมั่วไป๋กะทันหัน มั่วไป๋จะโกรธเขาขึ้นมาได้

 

 

ไป๋จิ่งกะพริบตาปริบๆ ในเมื่อคนเขาเป็นฝ่ายมาส่งให้ถึงที่ ถ้ายังไม่จูบตอบ ก็จะเป็นความผิดของเขาไปจริงๆ

 

 

เขายื่นมือไปดึงมือมั่วไป๋มา เปลี่ยนจากผู้รับเป็นผู้ให้ รวมอำนาจสิทธิ์ขาดไว้ในมือของตัวเอง

 

 

มั่วไป๋รีบใช้มือยันตัวไป๋จิ่งออก ทั้งสองคนห่างกันเพียงนิดเดียว

 

 

“พอแล้ว ฉันยังมีธุระ ขอตัวขึ้นไปก่อนแล้ว” เจียงมู่เฉินยังอยู่ข้างบนห้องนะ

 

 

ไป๋จิ่งตัดใจปล่อยมั่วไป๋ไปไม่ได้ โอบรัดเข้าไว้ตลอด มั่วไป๋เห็นท่าทางเขาแบบนั้นก็ถอนหายใจอย่างจนใจ “นายปล่อยมือก่อน”

 

 

ไป๋จิ่งยังดึงดันดื้อรั้นอยู่ข้างๆ

 

 

“อยู่ต่ออีกสักพักนะ ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่ง อาจจะไม่ได้มีเวลามาหาคุณ”

 

 

ซือเหยี่ยนออกจากบริษัทกะทันหัน เรื่องงานทุกอย่างก็โยนอยู่ที่เขาทั้งหมด ช่วงเวลานี้เขายุ่งจนกระดิกไปไหนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

 

 

มั่วไป๋เห็นแววตาเล็กๆ ของเขา ก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้”

 

 

ที่สุดแล้วเขาก็ยังคงไม่ได้ผลักไป๋จิ่งออก

 

 

ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่ในรถ ไป๋จิ่งฉวยโอกาสตอนที่มั่วไป๋อยู่ด้วย แอบขโมยจูบไปได้ไม่น้อยทีเดียว แบบนี้ถึงได้อิ่มอกอิ่มใจพามั่วไป๋ไปส่งขึ้นชั้นบน

 

 

ออกจากลิฟต์มา ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋เตรียมจะเปิดประตูในใจก็สั่นไหว จับเขาจูบอีกสักรอบ

 

 

ขามั่วไป๋อ่อนแรงบ้างแล้ว ดึงแขนเสื้อของไป๋จิ่งไว้แน่น ในใจเขาฝืนยิ้มอย่างจนใจ ที่แท้หลายปีมาขนาดนี้แล้ว เขาก็ยังคงไม่มีแรงต้านทานสัมผัสจูบของไป๋จิ่งแม้แต่นิดเดียว

 

 

จูบตามอำเภอใจแบบนี้ เขาก็ยกมือยอมจำนนแล้ว

 

 

หลังพายุฝนโหมกระหน่ำ ก็จะมีฝนโปรยปรายเจือจางอีกครั้ง เพียงชั่วขณะความรู้สึกอบอุ่นรุนแรงได้เกิดขึ้นระหว่างคนสองคน

 

 

มั่วไป๋ถูกแววตาอันรุ่มร้อนของเขามองมาจนหัวใจบีบคั้น

 

 

เขากำมือแน่น พยายามทำให้ตัวเองฟื้นคืนกลับมาสู่สภาพปกติ อย่าให้การกระทำเช่นนี้ของไป๋จิ่งหลอกให้ลุ่มหลงได้

 

 

ไป๋จิ่งเป็นคนแบบไหน เขารู้แจ้งแก่ใจดีกว่าใคร

 

 

เวลานี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นกับนายเพียงน้อยนิด เวลาต่อไปก็จะตัดเยื่อใยอย่างไร้ความปรานีได้

 

 

เขาเคยตกหลุมพรางมาแล้วครั้งหนึ่ง จะมาโดนหลอกอย่างโง่ๆ อีกครั้งไม่ได้

 

 

มั่วไป๋ผลักเขาออก เอ่ยเสียงต่ำ “พอได้แล้ว ดึกแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”

 

 

ไป๋จิ่งถอนหายใจ “อยากจะห่อคุณกลับไปด้วยจริงๆ”

 

 

รอยยิ้มฉายสะท้อนขึ้นมาในแววตามั่วไป๋วาบหนึ่ง “ได้สิ รอนายทำงานของนายเสร็จแล้ว นายก็มาห่อฉันกลับไป”

 

 

ไป๋จิ่งตาลุกวาว ไม่ค่อยกล้าจะเชื่อเท่าไหร่ “คุณพูดจริงๆ เหรอ พาคุณไปได้จริงๆ เหรอ”

 

 

“ถ้านายอยากพาไปด้วย ก็ได้อยู่แล้ว”

 

 

ไป๋จิ่งก้มลงจูบเขาฟอดหนึ่ง “มั่วไป๋ ไม่งั้นคุณย้ายมาอยู่กับผมไหม” เขากลัวมั่วไป๋เข้าใจผิด จึงรีบเอ่ยต่อ “หรือว่าให้ผมย้ายเข้ามาอยู่กับคุณ”

 

 

มั่วไป๋ยิ้มหัวเราะ “ย้ายไปอยู่กับนาย…”

 

 

ไป๋จิ่งรอคำตอบของมั่วไป๋อย่างกระวนกระวายใจ หายใจแรงๆ ยังไม่กล้าเลย

 

 

“ก็ไม่ใช่ไม่ได้”

 

 

บรรยากาศเงียบลงสองวินาที ไป๋จิ่งชะงักงันมองเขาอย่างไม่น่าเชื่อ นัยน์ตาทอประกายความดีใจแทบบ้า

 

 

เขากุมมือมั่วไป๋ไว้แน่น “งั้นถือว่าคุณพูดแล้วนะ ผมจะรีบจัดการเรื่องที่ยังติดค้างอยู่ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด แล้วจะมาช่วยคุณย้ายบ้านนะ”

 

 

“ได้” มั่วไป๋จูบเขาครู่หนึ่ง “รีบกลับไปเถอะ เดินทางปลอดภัย ระมัดระวังด้วย”

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นมั่วไป๋รับปากแล้ว ก็เบิกบานไปทั่วทั้งหัวใจ ครั้งนี้มั่วไป๋ให้เขากลับไปก่อน เขาแทบจะปล่อยมืออย่างไม่ลังเล

 

 

           “โอเค งั้นผมกลับไปก่อนแล้ว รีบพักผ่อนนะ”

 

 

           จนกระทั่งไป๋จิ่งออกไปแล้ว สีหน้ามั่วไป๋ก็เย็นชาเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆ จืดจางลง ถึงได้ยื่นมือเปิดประตูเข้าไป