DC บทที่ 363: สถานการณ์ที่คาดไม่ถึง

 

เมื่อซูหยางกลับไปถึงโรงเตี๊ยม โหลวหลานจีก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

“ซูหยางเรามีเหตุฉุกเฉิน” เธอร้องลั่น “นิกายล้านอสรพิษ… พวกนั้น–”

 

“ข้ารู้ พวกเขากล่าวหาพวกเราว่าฆ่าผู้อาวุโสนิกายของเขาคนหนึ่งใช่ไหม”

 

“ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสนิกายทั่วไป เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่ซึ่งเปรียบเหมือนกับบรรพบุรุษของพวกเขา แล้วนี่เจ้ายังเยือกเย็นกับสถานการณ์นี้ได้อย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นถ้าตระกูลซีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเราต้องถึงเคราะห์หามยามร้ายแน่ไม่ว่าพวกเราจะเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่ก็ตาม เพราะว่านิกายล้านอสรพิษเป็นสำนักระดับสูง สำนักระดับสูงทั้งหมดได้รับการปกป้องจากตระกูลซีโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว” โหลวหลานจีกล่าวกับเขา

 

“เยือกเย็นไว้และคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วน เจ้ายังคิดจริงรึว่าจะมีใครเชื่อเรื่องไร้สาระนี้ พวกเราเป็นใครกัน สำนักระดับต่ำที่มีศิษย์เพียงร้อยคนและอยู่ในสภาพใกล้ล่มสลาย พวกเราสามารถทำอะไรได้กับจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณงั้นรึ อย่าว่าแต่ฆ่าสักคนหนึ่ง”

 

โหลวหลานจีพลันอับจนถ้อยคำ ต่อให้เธอเกลียดที่จะยอมรับแต่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยตอนนี้อยู่ในสถานะที่อ่อนแอเสียจนกระทั่งพวกเขาไม่สามารถทำร้ายใครได้ อย่าว่าแต่นี่เป็นถึงจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณจากสำนักระดับสูง

 

“ตอนนี้เมื่อเจ้าตระหนักถึงสถานการณ์ที่แท้จริงแล้วก็จงนั่งลงผ่อนคลายและดูนิกายล้านอสรพิษสร้างความอับอายให้ตัวเอง”

 

“อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้าอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังการตายของผู้อาวุโสสูงสุด”

 

“และเจ้าจะทำอะไรต่อหากว่าเจ้ารู้แล้ว ขอบคุณเขารึ สิ่งที่ข้ารู้อย่างเดียวก็คือคนผู้นี้ได้ช่วยพวกเราอย่างมากที่ฆ่าจอมยุทธจากนิกายล้านอสรพิษ ต่อให้มิได้เจตนาก็ตาม” ซูหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับบนใบหน้า

 

“อย่างไรก็ตาม…” โหลวหลานจีขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ต่อให้มิมีใครเชื่อข่าวลือที่นิกายล้านอสรพิษได้กระจายออกไป พวกเขาก็ยังเชื่อว่าพวกเราผิด ไม่ช้าไม่นานพวกเขาจักต้องมาหาพวกเราเพื่อแก้แค้นแน่”

 

“หรือว่าเจ้าลืมไปแล้วว่าพวกเราเป็นพันธมิตรกับสำนักหงส์สวรรค์และนิกายดอกบัวเพลิงเรียบร้อยแล้ว แล้วคนที่ปกป้องนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของพวกเราจากเบื้องหลังอีกล่ะ ต่อให้นิกายล้านอสรพิษต้องการทำสงครามกับพวกเรา พวกเขาจะทำอะไรเราได้”

 

“ข้ามิได้ลืม แต่จักเป็นการดีกว่าในการระมัดระวัง ไม่ว่าอย่างไรก็ตามใครจะรู้ว่านิกายล้านอสรพิษยังมีอะไรซ่อนอยู่ในแขนเสื้ออีก”

 

“แน่นอน อย่างไรก็ตามทำไมเราไม่ทำอะไรที่ช่วยผ่อนคลายความกังวลของเจ้าสักนิดล่ะ” ซูหยางพลันกล่าวขึ้น

 

“เอ๋ อย่างเช่นอะไรรึ”

 

ซูหยางเผยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ตอนนี้เมื่อข้าเป็นผู้นำนิกายแล้ว ข้ามีภาระผูกพันที่จะต้องฝึกร่วมกับผู้นำนิกายอีกคนใช่ไหม นั่นคงจะดูไม่ดีกับนิกายถ้าผู้นำนิกายล้าหลังกว่าศิษย์คนอื่นในด้านการฝึกฝนแน่ๆ”

 

โหลวหลานจีไร้ถ้อยคำไปชั่วขณะก่อนที่จะเผยรอยยิ้ม “ในตอนนี้ข้าคิดว่าเจ้าลืมเรื่องภาระของเจ้าไปเสียแล้วซูหยาง มากับข้า ผู้อาวุโสคนอื่นๆกำลังวุ่นอยู่กับการพยายามที่จะก้าวข้ามไปอีกเขตหลังจากที่กลืนโอสถเขตปฐพีเข้าไป ดังนั้นพวกเรามีเวลามากมายที่จะเล่น”

 

ไม่นานหลังจากนั้น โหลวหลานจีก็ลากซูหยางเข้าไปในห้องว่างก่อนที่จะปิดล็อกประตู

 

ในเวลานั้นโลกเบื้องนอก นอกจากข่าวการตายกระทันหันของผู้อาวุโสสูงสุดเหริน ข่าวที่น่าตระหนกอื่นก็ได้แพร่กระจายออกไปทั่วเมืองราวกับไฟไหม้ป่า

 

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ สำนักหงส์สวรรค์ประกาศว่าพวกเธอร่วมเป็นพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยงั้นรึ” เจ้าซีเกือบจะไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อเขาได้ยินข่าว

 

“เจ้ามั่นใจในเรื่องนี้รึ” เขาถามอีกครั้ง

 

“ข้าน้อยผู้นี้เห็นว่าข่าวนี้เชื่อถือได้ในเมื่อมันถูกแจ้งออกมาโดยเจ้าสำนักเอง”

 

“เกิดอะไรขึ้นกันนี่ ทำไมจึงกระทันหันเช่นนี้ หรือว่าพวกเขาพยายามที่จะปกป้องนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจากนิกายล้านอสรพิษ แต่ทำไมพวกเขาจึงทำเช่นนี้กัน” เจ้าซีรู้สึกว่าปัญหาปวดหัวจะตามมาหลังจากนี้

 

“เดี๋ยวก่อน… ซูหยางมีน้องสาวอยู่ที่สำนักหงส์สวรรค์ซึ่งค่อนข้างจะมีบุญคุญต่อสำนักอยู่บ้าง บางทีเธออาจจะเป็นคนที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นก็ได้ ไม่ใช่ ต่อให้เธอเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในสำนัก เธอก็ไม่ควรจะสามารถทำการตัดสินใจที่ใหญ่เช่นนี้ได้”

 

ไม่ว่าเจ้าซีจะครุ่นคิดมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจการตัดสินใจของสำนักหงส์สวรรค์ในการร่วมเป็นพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้แม้แต่เพียงด้านเดียว

 

อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้จบความปวดหัวของเขาเพียงเท่านั้น ในเมื่อเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น นิกายดอกบัวเพลิงก็ประกาศว่าพวกเขาจะร่วมเป็นพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเช่นกัน

 

การที่สำนักระดับสูงสองสำนักยินดีเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับที่แห่งเดียวกันนั้น นั่นกลายเป็นสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงไปแล้ว อย่าว่าแต่เป็นที่เล็กๆดังเช่นนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

ดังคาดเมื่อได้ยินว่าทั้งสำนักหงส์สวรรค์และนิกายดอกบัวเพลิงได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับสำนักที่ทั้งเล็กและแทบจะไม่เป็นที่รู้จัก ได้สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วทั้งโลกเท่าที่มันจะแพร่กระจายไปได้

 

สิ่งนี้ทำให้เกิดความตื่นตัวให้กับสำนักต่างๆไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต่างเริ่มสืบหานิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ในเมื่อพวกเขาล้วนต้องการที่จะรู้ว่ามีอะไรพิเศษเกี่ยวกับพวกเขาที่ทำให้สำนักระดับสูงสองสำนักสนใจ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รวบรวมข่าวสารทั้งหมดและวิเคราะห์แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อย มันกลับเพียงสร้างความสับสนให้ผู้คนมากยิ่งไปกว่าเดิม ในเมื่อนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยไม่ได้เป็นอะไรไปกว่าสำนักเล็กๆที่ฝึกวิชาคู่เท่านั้นไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น ที่บ้าไปกว่านั้นพวกเขาไม่มีแม้กระทั่งความสำเร็จให้เห็นในยุทธภพ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาตอนนี้อยู่ในสภาวะใกล้ล่มสลายหลังจากที่ถูกนิกายล้านอสรพิษจู่โจม เป็นเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นที่พวกเขายังดำรงอยู่ได้หลังจากผ่านเรื่องทั้งหมดนั้น

 

“กระทั่งนิกายดอกบัวเพลิงก็ยังร่วมเป็นพันธมิตรกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยงั้นรึ เท่าที่ข้ารู้ พวกเขาไม่น่าจะมีความสัมพันธ์กัน” เจ้าซีขมวดคิ้ว

 

เพราะว่าการร่วมเป็นพันธมิตรของสำนักทั้งสามนี้ สมดุลอำนาจในโลกนี้กลายเป็นไม่เสถียรดังนั้นเจ้าซีจึงพยายามที่จะหาทางออก ยิ่งไปกว่านั้นยามเมื่อนิกายล้านอสรพิษถูกถอดสถานะสำนักระดับสูงของพวกเขาออก สมดุลของขั้วอำนาจที่ดำรงอยู่มากว่าพันปีย่อมพังครืนลงมาอย่างแน่นอน

 

แน่นอนว่าเจ้าซีไม่ได้เป็นเพียงผู้เดียวที่ต้องเกาหัวในเรื่องของพันธมิตรนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย กระทั่งนิกายล้านอสรพิษเองก็พยายามที่จะเข้าใจกับเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน