บทที่ 183 (ตอนพิเศษ ตอนที่ 1)

พลิกนาฬิกา ย้อนชะตานางร้าย

หลังจากผ่านวันเกิดของเธอไป อาเรียที่กลายเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวก็ยุ่งจนไม่ได้ลืมหูลืมตา เนื่องจากตอนนี้เธอจะทำอะไรเพียงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองไม่ได้แล้ว

ตอนนี้ต้องจัดการเติมตำแหน่งที่ว่างของขุนนางเพื่อสร้างอิทธิพลของตัวเองที่กลายเป็นเสาหลักของอาณาจักร ส่วนคารินแม่ของเธอเดินทางกลับพร้อมกับฝากให้ดูแลคฤหาสน์และทรัพย์สินที่หล่อนทิ้งไว้

นอกจากนี้เนื่องจากเธอมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับทางสถาบันจึงต้องได้รับรายงานเกี่ยวกับผลการเรียนของนักเรียนเป็นครั้งคราวและจัดการมอบเงินทุนหรือจัดหาสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับนักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่น

เพียงเท่านี้ก็ยุ่งพอแล้วสำหรับอาเรีย แต่ยังมีเรื่องที่สำคัญมากกว่าเรื่องทั้งหมดรวมกันอีกอย่าง

นั่นก็คือการอภิเษกสมรส

เป็นเพราะการขอแต่งงานอย่างอลังการราวกับจะโอ้อวดทุกคน ทำให้ประชากรทั้งในราชอาณาจักรและอาณาจักรอื่นต่างสนใจงานแต่งงานของอาซและอาเรีย

เนื่องจากต้องเตรียมการไม่ให้มีจุดด่างพร้อยเลยแม้แต่นิด เพื่อให้หลายคนอิจฉาจึงยุ่งมากขึ้นไปอีก

แน่นอนว่าการจัดเตรียมพิธีส่วนใหญ่แล้วทางวังจะจัดการให้ แต่การเลือกชุดเดรส ขั้นตอนการทำพิธี ไปจนถึงมารยาทต่างๆ นั้นต้องอาศัยความพยายามของอาเรียเป็นอย่างมาก

“เลดี้!  ชุดเดรสที่ส่งไว้มาถึงแล้วค่ะ!”

อาเรียที่ได้ยินแอนนี่ที่กำลังทุบประตูด้วยความเอะอะจัดการจดหมายที่เธอเขียนถึงนักธุรกิจใหม่ที่กำลังจะลงทุนและออกไปจากห้อง*

และที่ประตูหน้าห้องนั้นมีแอนนี่รออยู่ด้วยสายตาเป็นประกาย แม้จะไม่ใช่ชุดเดรสของตัวเองก็ตาม แต่ท่าทางดีอกดีใจ ตื่นเต้นจนปิดไม่อยู่นั้นทำให้อาเรียยิ้มออกมาพลางถามแอนนี่

“อยู่ไหนกันล่ะ”

“ห้องลองเสื้อค่ะ! ดูท่าจะขนชุดมาเป็นร้อยชุดเลยนะคะ! บริวารก็ตามมาตั้งยี่สิบกว่าคนเลยค่ะ! เห็นแวบหนึ่งตอนที่กำลังขนชุดมา ชุดส่องประกายจนตาแทบบอดเลยค่ะเลดี้!”

ร้อยชุดเลยเหรอ ชุดที่เลือกและอธิบายการออกแบบก็มีประมาณยี่สิบกว่าชุดนี่

แม้จะคิดว่าต้องเอาชุดนอกเหนือจากที่ออกแบบไว้มาอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเธอคิดไม่ถึงว่าจะเอาชุดเดรสมาถึงร้อยชุด อาเรียจึงได้แต่ปิดปากเงียบอยู่นิ่งๆ

แน่นอนว่าถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ตาม อย่างไรเสียก็เอาขนมาให้ขนาดนี้แล้ว มีหรือจะพูดว่าไม่พอใจออกมาได้

แต่กลับกลายเป็นว่าท่ามกลางชุดเดรสมากมายพวกนี้จะต้องหาชุดที่เหมาะกับเธอมากที่สุด เป็นชุดเดรสที่ทำให้เธอเปล่งประกายมากที่สุด

“รีบๆ เอามาให้เลดี้ใส่เร็วๆ ก็คงจะดีนะคะ! จะงดงามแค่ไหนกันคะ อาจจะงดงามจนถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรใช่มั้ยล่ะคะ เพราะแค่เลดี้สวมชุดลำลองความงามก็เปล่งประกายจนตาแทบบอดอยู่แล้วนี่คะ!”

ราวกับจินตนาการภาพอาเรียสวมชุดหรูหราอลังการ แอนนี่ตกอยู่ในความหลงใหลเอาแต่พูดคนเดียวอยู่อย่างนั้น บ้างก็พูดเรื่องที่ว่าชายทั่วทั้งอาณาจักรจะต้องหลงเสน่ห์เลดี้

อาเรียฟังเสียงคุยเอะอะเจี้อยแจ้วของแอนนี่อยู่ในห้องรับรองที่มีบรรดาชุดสวยงามมากมายถูกแขวนเรียงรายนับร้อยชุดตามที่หล่อนพูดจริงๆ เดรสแต่ละชุดต่างมีความงดงามในตัวมันและกำลังรอให้อาเรียเลือกอยู่

เนื่องจากชุดมีจำนวนมาก ดูเหมือนว่าดีไซเนอร์ที่รับผิดชอบออกแบบชุดและข้ารับใช้ของเธอจะยังจัดเตรียมไม่เสร็จจึงเร่งรีบเมื่อพวกหล่อนเห็นอาเรียก็รีบคำนับทันที

ก้มหน้าคำนับลงด้วยสีหน้าที่เห็นได้ชัดว่าลำบากใจ เนื่องจากอาเรียกำลังจะกลายเป็นพระชายาพวกหล่อนจึงรู้สึกเกร็ง

“ขะ ขออภัยที่ไม่ได้เตรียมการให้เรียบร้อยนะคะ”

ทันใดนั้นเจสซี่ที่เป็นคนนำทางและเชิญพวกเขามายังห้องรับแขกจึงอาสาพูดตอบแทนพวกเขากับอาเรียอย่างไม่รู้สึกอะไร

“เลดี้ลงมาไวนะคะ ดูเหมือนว่าจะชุดเดรสกว่าร้อยชุดนี่จะต้องใช้เวลาจัดเยอะหน่อยน่ะค่ะ จะดื่มชาระหว่างรอไหมคะ”

เนื่องจากเจสซี่รู้ดีว่าอาเรียไม่โกรธกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งแตกต่างจากบรรดาเลดี้ธรรมดาทั่วไป อาเรียที่ยุ่งอยู่แล้วไม่ทำอะไรโง่ๆ ที่ใช้ความรู้สึกของเธอไปกับสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์นั่นหรอก

อาเรียส่ายหน้าพลางตอบคำถามเจสซี่

“ไม่ล่ะ ไม่จำเป็นต้องจัดให้เรียบร้อยขนาดนั้นหรอก อย่างไรเสียก็จะต้องขนกลับอยู่แล้วนี่นา ดังนั้นในเวลาที่นั่งพักพลางดื่มชามาลองสวมชุดดูก็น่าจะดี ยิ่งไปกว่านั้นชุดเดรสกว่าร้อยชุดที่เตรียมมา แค่ดูการออกแบบก็อาจจะกินเวลาทั้งวันเลยก็ได้”

เสียงนั้นนุ่มนวลจนบรรดาข้ารับใช้ที่ก้มหัวจนสุดแอบเงยหน้าขึ้นมาดูเล็กน้อยเพื่อมองใบหน้าของอาเรีย และเนื่องจากอาเรียแสดงสีหน้านุ่มนวลเช่นเดียวกับเสียงจริงๆ พวกหล่อนจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

“แม้จะไม่ทราบว่าทำไมถึงเอาชุดเดรสมาเยอะขนาดนี้… แต่แค่มองปราดตาเดียวก็มีแต่ชุดที่ชอบทั้งนั้นเลย จึงไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องตำหนิอย่างไรล่ะ”

ยิ่งไปกว่านั้นอย่าว่าแต่แสดงสีหน้าไม่พอใจเลย ด้วยสีหน้าที่ชอบใจมากจนดีไซเนอร์ต้องเอ่ยปากถามเหตุผล

“เจ้าชายทรงสั่งการไว้น่ะค่ะ ทั้งยังกำชับว่าหากเป็นไปได้ให้หาแบบชุดที่มีรายละเอียดให้ได้มากที่สุด เพื่อความพึงพอใจของเลดี้เปียสต์ค่ะ”

“คุณอาซน่ะเหรอ”

อาเรียเบิกตาโตพลางย้อนถาม

แน่นอนว่าอาซก็ยุ่งไม่น้อยกว่าเธอเลย แต่ยังใส่ใจแม้แต่เรื่องเล็กๆ เช่นนี้อีกหรือนี่

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องชุดเดรสไม่ได้เป็นสิ่งที่อาซจะต้องมีส่วนร่วมด้วย แม้จะไม่ได้กีดกันห้ามว่าไม่ให้มีส่วนร่วมก็ตาม แต่ปกติแล้วเรื่องชุดจะเป็นเรื่องของบรรดาผู้หญิงคอยเลือกสรรกันเอง ชายที่สนใจแม้กระทั่งชุดของผู้หญิงนั้นแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้

“ใช่ค่ะ ท่านกล่าวว่าให้จัดเตรียมชุดที่งดงามเหมาะสมกับเลดี้ค่ะ”

“…”

หรือจะวางแผนเอาไว้ว่าให้เธอยุ่งจนไม่มีเวลามาน้อยใจเรื่องที่ไม่ได้เจอหน้ากัน อาซทำให้อาเรียพูดไม่ออกอยู่เรื่อย

แม้จะอยู่ห่างกันกลับรู้สึกถึงความทุ่มเทขนาดนี้ หากได้อยู่ด้วยกันแล้วจะเป็นอย่างไรนะ แค่ได้จินตนาการคิดเรื่องในอนาคตที่จะกลายเป็นจริงอีกไม่นาน ดวงตาของอาเรียก็สั่นไหวทันที

“อ้อ แล้วก็มีชุดที่ฝ่าบาทเป็นคนออกแบบเองด้วยนะคะ”

“…ด้วยตัวเองเหรอ”

“ค่ะ!  ลองดูไหมคะ”

ดีไซเนอร์พูดพลางสั่งการให้ข้ารับใช้หยิบชุดที่แขวนอยู่ด้านหน้าสุดมาให้ แน่นอนว่าเหมือนกับอาเรียเคยเห็นมันก่อนหน้านี้แล้ว

จะปล่อยชุดเดรสที่คนรักของเธอตั้งใจเตรียมด้วยมือของเขาไปเฉยๆ ได้อย่างไรกัน ทันทีที่อาเรียพยักหน้าอย่างช้าๆ สีหน้าของดีไซเนอร์ก็ดูสดใสขึ้นมาอย่างทันควัน

“เจ้าชายสั่งการให้เตรียมชุดเดรสทางการสีขาวค่ะ ท่านกล่าวว่าจะได้เข้ากับท่านที่จะสวมชุดเครื่องแบบสีขาวเช่นกัน ทว่าด้วยใบหน้าของเลดี้โดดเด่นอยู่แล้ว เลยสั่งให้ดิฉันเตรียมเครื่องประดับที่เข้ากับเลดี้และดูหรูหราด้วยล่ะค่ะ”

ดีไซเนอร์พูดเช่นนั้นพลางสั่งให้ข้ารับใช้คลี่ชุดให้อาเรียได้เห็นชัดๆ

ทั้งชุดเป็นสีขาวบริสุทธิ์ เหมือนอย่างที่เธออธิบายจริงๆ ทั้งประกายแสงหลายสีจากไข่มุกอันลึกลับและเพชรที่สะท้อนแสงแวววาว รวมไปถึงรอยปักที่ทำโดยช่างมากฝีมือ ความกลมกลืนจากองค์ประกอบเหล่านี้ ไม่สามารถบรรยายด้วยคำอื่นได้นอกจาก ‘ที่สุดของความหรูหรา’

ใครจะบังอาจสวมชุดที่หรูหราอลังการขนาดนี้ได้ในวันแต่งงานเพียงครั้งเดียวของชีวิตเธอล่ะ หากนางเอกไม่ใช่เจ้าสาว ชุดนี้จะต้องกลายไปเป็นชุดเดรสธรรมดาแน่นอน เป็นชุดเดรสที่ไม่มีหญิงคนไหนบังอาจสวมมันได้

ทว่าอาเรียกลับไม่เป็นเช่นนั้น

“ลองใส่ดูไหมคะ”

“ได้สิ”

ทันทีที่อาเรียพูดจบบริวารที่รออยู่ก็รีบเข้ามาช่วยอาเรียเปลี่ยนชุดด้วยความชำนาญ

ชุดลำลองภายในที่แม้จะหรูหราแต่ก็ดูเรียบง่าย ถูกเปลี่ยนเป็นชุดเดรสที่งดงามด้วยฝีมือของอาซ เดรสที่ไม่มีใครสามารถใส่มันออกมาได้สวย กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งในตัวของอาเรีย ทำให้ใบหน้าของเธอดูโดดเด่นขึ้น

“ตะ ตายจริง เลดี้คะ…! งดงามมากเลยล่ะค่ะ…!”

ถึงกันขนาดทำให้แอนนี่ที่พูดไม่หยุดกลายเป็นพูดติดอ่าง

และไม่ได้มีแค่แอนนี่คนเดียวที่คิดเช่นนั้น ใครที่ได้เห็นอาเรียสวมชุดเดรสเป็นต้องตะลึงจนพูดไม่ออก

แม้กระทั่งดีไซเนอร์ที่ทำชุดนี้ขึ้นมาก็กลัวใบหน้าของอาเรียจะไม่เข้ากับชุดหรือเปล่า

“ไม่จำเป็นต้องลองสวมชุดอื่นแล้วล่ะ ฉันชอบชุดนี้ ถ้าอย่างนั้นเอาชุดนี้เลยแล้วกัน”

อาเรียที่ดูเหมือนจะพอใจอย่างมากจนยกยิ้มมุมปากขึ้นในขณะที่มองภาพตัวเองในกระจกพร้อมกับพูด

ดูเหมือนว่าความจำหล่อนที่เคยได้รับอลังการเป็นของขวัญคล้ายๆ กับชุดนี้ทำให้รู้รสนิยมของอาซเป็นอย่างดี  จากนั้นจึงหัวเราะเสียงเล็กๆ ออกมา

แม้จะเหลือชุดเดรสที่อุตส่าห์ลงแรงตั้งใจทำทั้งวันทั้งคืนอีกกว่าร้อยชุด แต่ด้วยคำพูดของอาเรียที่บอกว่าจะไม่ดูชุดพวกนั้น ทำให้ไม่มีใครรู้สึกเสียดายเลยสักนิด

เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต่างยอมรับในผลลัพธ์นั้น

“อ๋อ แต่ว่าช่วยรอก่อนจะเก็บกลับหน่อยนะ เพราะยังมีคนที่ต้องเลือกชุดอีกน่ะ”

“…อะไรนะคะ”

อาเรียพูดคำที่ไม่คาดคิดออกมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยไปให้เจสซี่และแอนนี่ ราวกับคำพูดก่อนหน้านี้ของเธอก็คือพวกหล่อนทั้งสองคน

“ข้ารับใช้ที่พยายามทุ่มเทดูแลฉันมาจนถึงตอนนี้นี่นา ต้องให้ของขวัญตอบแทนระดับนี้จึงจะเหมาะสมสิ”

 “เลดี้…!

“…!”

ราวกับอาเรียตามหาคู่ของตัวเอง สักวันทั้งสองคนก็จะเจอคู่ของตัวเองเหมือนกัน จึงมั่นใจว่าวันที่น่ายินดีคงอยู่ไม่ไกลแน่

เพราะฉะนั้นเมื่ออาเรียบอกว่าจะนำชุดพวกนี้ไปเป็นของขวัญสำหรับสวมใส่ในวันงานทำให้ดีไซเนอร์ตกใจจนพูดคัดค้านอย่างติดขัด

“ตะ แต่ว่าเลดี้เปียสต์คะ…! ชุดเดรสพวกนี้จัดทำเพื่อราชวงศ์ ไม่สิ ผลิตขึ้นมาอย่างเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งในราชวงศ์น่ะค่ะ สำหรับคนทั่วไปแล้วดูจะเกินไป…!”

ทว่าด้วยสายตาที่มองย้อนกลับมาของอาเรียทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไป ดีไซเนอร์จึงไม่กล้าที่จะพูดต่อจนจบได้แต่ปิดปากเงียบอยู่อย่างนั้น

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ชุดงดงามพวกนี้จะถูกสวมใส่ในงานแต่งงานอย่างสมเกียรติ เพราะฉะนั้นโปรดระวังคำพูดด้วย”

ยิ่งไปกว่านั้นอาเรียก็มีสายเลือดคนธรรมดาอยู่ครึ่งหนึ่ง ในตอนเด็กก็โตมาแบบคนธรรมดาทั่วไป และยังเป็นสายเลือดที่มีจากโสเภณีอีกด้วย ดังนั้นหากจะจับผิดเพื่อนินทาว่าร้ายก็สามารถทำได้อยู่แล้ว

และดีไซเนอร์ก็ที่รู้เรื่องนั้นกลับไม่มีอะไรโต้แย้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามสีหน้าที่ไม่พอใจยังปิดซ่อนได้ไม่มิด ดีไซเนอร์คนนั้นยังคงส่งสายตาราวกับไม่พอใจสถานการณ์ตอนนี้อยู่

เจสซี่ที่สังเกตสายตาคนอื่นจนรู้สึกกระสับกระส่ายตั้งใจจะโบกมือพร้อมพูดว่าไม่เป็นไร แต่ผู้ที่ตกอยู่ในอารมณ์ความปีติยินดีอย่างเช่นแอนนี่ ดันชิงตะโกนออกมาอย่างเบาๆ ดึงดูดสายตาคนรอบข้างไปเสียงก่อน

“จริงเหรอคะ! ให้เลือกชุดตามที่ต้องการได้เลยเหรอคะ!”

“แน่นอนสิ มันไม่ใช่เดรสที่ถูกทำขึ้นเพื่อให้ใครสวมใส่มันไม่ใช่หรือ”

“ตายแล้ว… พระเจ้า! ฉันจะได้สวมชุดเดรสอันเลอเลิศเช่นนี้อย่างนั้นเหรอ!”

ทันทีที่อาเรียอนุญาตแอนนี่ก็ดีใจจนตัวลอย รีบเข้าไปในฝั่งชุดเดรสและเริ่มเลือกชุดที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด

แม้ดีไซเนอร์ที่ภาคภูมิใจในผลงานของตัวเองจะรู้สึกไม่พอใจกับข้ารับใช้นั่นก็ตาม ทว่ากลับไม่แสดงออกมาทั้งยังฟังคำสั่งของแอนนี่

“เจสซี่ เธอไม่ไปเลือกด้วยเหรอ”

“เลดี้…”

ในระหว่างนั้นอาเรียก็ดันหลังเจสซี่ที่มัวแต่ลังเลออกไป พร้อมกับเร่งให้หล่อนรีบเลือกชุด

“ตะ แต่ว่า… สำหรับดิฉันมันมากเกินไปนะคะ ยิ่งไปกว่านั้นเพราะดิฉันเลดี้อาจจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากได้นะคะ…”

ดูเหมือนอาเรียจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าถึงคำตอบนั้นพร้อมกับเสียงที่สั่นราวกับจะร้องไห้ เธอจึงยกยิ้มขึ้นพลางพูดจี้จุดความโง่เขลาของเจสซี่

“เจสซี่ ฉันเข้าใจว่าเธอกังวลเรื่องอะไรนะ… ฉันดูง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”

“…คะ”

เนื่องจากเป็นคำถามที่ไม่สามารถเข้าใจทั้งหมดได้ เจสซี่จึงได้แต่กะพริบตาหันไปมองอาเรียอีกครั้ง

“ไม่มีเรื่องอะไรที่เธอต้องกังวล ไม่สิ เรื่องที่กังวลจะไม่เกิดขึ้นหรอก อย่างที่เธอรู้ดี… ฉันก็ไม่ได้ดีมาตั้งแต่แรกนี่นา”

หลังจากผ่านเวลาไปนานแสนนานได้ต่อกรกับคนเลวที่เคยไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้าด้วยซ้ำ เหลือแค่ไม่กี่คนที่เธอชอบใจจนแทบจะนับนิ้วได้ ยังต้องมาสังเกตสายตาคนอื่นในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เองเหรอ

“เลดี้…”

“แล้วก็การที่เธอไม่ฟังคำพูดฉันกลับไปใส่ใจสายตาคนพวกนั้น ยิ่งเป็นการหมิ่นเกียรติของฉัน หวังว่าเธอจะเข้าใจมันนะ”

อาเรียเตือนเจสซี่อีกครั้ง แม้จะตอบด้วยน้ำเสียงเดียวกับครั้งแรกที่ได้เจอกันก็ตาม แต่เนื้อความในคำพูดกลับมีความหมายแฝงอยู่

ถึงจะเป็นดีไซเนอร์ที่โด่งดังในราชอาณาจักรมากแค่ไหน หากบังอาจขัดคำพูดของผู้ที่จะเป็นพระชายาในวันข้างหน้าล่ะก็ ไม่มีเรื่องไหนที่แย่และน่าอับอายเท่านี้อีกแล้ว

เจสซี่ที่เข้าใจแล้วจึงปิดปากเงียบพลางเผยสีหน้าราวกับจะร้องไห้พลางค่อยๆ เดินไปยังฝั่งชุดเดรส แม้จะรู้ว่าการกระทำของอาเรียจะส่งผลไม่ดีกลับมา แต่หล่อนก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด

………………..