บทที่ 1586 – ล่าถอยด้วยความอัปยศ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1586 – ล่าถอยด้วยความอัปยศ

 

ไม่มีใครที่สามารถหยุดรูปแบบของมนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬ กองกำลังร้อยมือสังหารเป็นเหมือนกระบี่ที่คมกริบ ปราณบัญชาสวรรค์พินาจระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจนั้นยังไม่ได้ลงมือทำอะไร พวกเขาแค่ยืนปักหลักเอาไว้เพื่อให้รู้แบบสมดุล

 

เมื่อพวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ รูปแบบของพวกเขาจะปลดปล่อยพลังที่มากยิ่งขึ้น

 

“ชิงสุ่ย ดูเหมือนความแข็งแกร่งของกำลังร้อยมือสังหารนั้นจะมากขึ้นกว่าเดิม” อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวขณะที่เธอยืนอยู่ข้างชิงสุ่ย

 

“ความแข็งแกร่งของเจ้าก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน” ชิงสุ่ยกล่าวถึงการพัฒนาของเธอ

 

อีเย่เจี้ยนเก้อหันมองมาทางเขา เธอตระหนักถึงสิ่งที่ชิงสุ่ยกำลังกล่าว ช่วง 2-3 วันมานี้ ทุกๆคืนพวกเขาได้มีความสัมพันธ์ การฝึกฝนร่วมกันดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับคนทั้งสอง โดยเฉพาะกับตัวอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอได้รับผลประโยชน์มากกว่าชิงสุ่ย

 

เมื่ออีเย่เจี้ยนเก้อนึกถึงฉากอันน่าหลงใหล หัวใจของเธอก็เต้นระรัว แก้มเธอแดงระเรื่อ ผู้ชายคนนี้ช่างหยาบคายกับเรื่องบนเตียง เขาเรียกร้องกับเธอมากเกินไป

 

ในตอนแรกชิงสุ่ยยังไม่มีอะไร พอเวลาผ่านไป ชิงสุ่ยค่อยๆบอกให้เธอเปลี่ยนแปลงท่วงท่าที่แตกต่างกัน มาตอนนี้เขาเริ่มที่จะใช้เคล็ดวิชาและทำมันไปทีละท่า…

 

สิ่งนี้ทำให้อีเย่เจี้ยนเก้อรู้สึกอายและหมดหนทาง เธอชอบผู้ชายคนนี้และไม่สามารถต้านทานสายตาอันหิวโหยของเขาได้ ชิงสุ่ยชอบที่จะโยกย้ายและสั่นสะเทือนสะโพกของเธอไปตามจังหวะของเขา

 

เมื่ออีเย่เจี้ยนเก้อเห็นสายตาที่หิวกระหายของชิงสุ่ย เธอก็หันมองไปข้างหลังเพื่อดูว่ามีใครอยู่หรือไม่ เขาไม่สามารถยับยั้งใจตัวเองไม่ให้บีบลงไปที่เอวของเธอได้ เธอกล่าว “เจ้าอยากตายงั้นหรือ?”

 

ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาเฝ้าดูหญิงสาวแสดงความเขินอาย “เจ้างดงามจริงๆ!”

 

อีเย่เจี้ยนเก้อลดศีรษะต่ำลงเล็กน้อยเพื่อสงบจิตใจของเธอ ลึกๆเธอรู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ ผู้หญิงจะทำให้ตัวเองดูงดงามเพื่อคนที่พวกเธอรัก พวกเธอหวังเสมอว่าตัวเองจะเป็นผู้หญิงที่งดงามที่สุดในสายตาของคนรัก

 

“เอาหล่ะ ข้าขอพูดอะไรสักหน่อย… พวกเจ้าสองคนอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แล้วทำไมพวกเจ้าถึงยังดูมีความกระหายกันนัก” มู่หยุนชิงเฉิงยิ้มขณะที่เธอเดินเข้ามาใกล้พวกเขา

 

ชิงสุ่ยหัวเราะอย่างตะกุกตะกัก “มีการเคลื่อนไหวใดๆจากพระราชวังสุริยันหรือไม่”

 

ในขณะที่อีเย่เจี้ยนเก้อกำลังยิ้มอย่างนิ่งสงบ มันไม่มีอะไรต้องเขินอายกับมู่หยุนชิงเฉิง ด้วยความสัมพันธ์ของพวกเธอ พวกเธอเคยพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้

 

“ยังไม่มีอะไร แต่พวกเขาจะต้องปรากฏตัวในเร็วนี้แน่ ข้าได้ยินมาว่าเผ่าราชันย์ศึกกำลังจะมาถึง” มู่หยุนชิงเฉิงกังวลเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงชื่อนั้น

 

มรดกตกทอดของพระราชวังสุริยันนั้นล้ำค่ายิ่งกว่าพระราชวังทะเลราชันย์ มีชนเผ่าใต้น้ำไม่มากนักที่ถือว่าทรงพลังซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของพระราชวังทะเลราชันย์ แม้แต่พระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามพยัคฆ์ก่อนหน้านี้ก็มีนักรบที่แข็งแกร่งเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

 

สำหรับพระราชวังสุริยันนั้นแตกต่างกัน พวกเขามีนักรบที่แข็งแกร่งมาก ยิ่งไปกว่านั้น บางคนก็สืบเชื้อสายมาจากชนเผ่าโบราณที่ช่ำชองในการต่อสู้ นี่เป็นมรดกอันล้ำค่าของพวกเขาที่สืบต่อกันมา

 

“พวกชูตงรื่อเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว” อีเย่เจี้ยนเก้อเตือนเขา เมื่อเธอเห็นว่าชิงสุ่ยกำลังเหม่อลอย

 

“ส่งผู้นำเผ่าคนอื่นๆเข้าไปจัดการพวกเขา กองกำลังร้อยมือสังหารถอยออกมา”

 

ชิงสุ่ยสั่งการกองกำลังร้อยมือสังหารและประเมินสถานการณ์

 

ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของพระราชวังทะเลราชันย์จะไม่มากมาย แต่กลุ่มคนที่ชิงสุ่ยส่งออกไปก็ไม่ธรรมดา ชูตงรื่อและสหายอีก 4 คนของเขานั้นทรงพลัง

 

ผู้นำเผ่าคนหนึ่งสังหารชายวัยกลางคนร่างกายกำยำที่ขวางทางลงในทันที นี่เป็นครั้งแรกของชิงสุ่ยที่ได้เห็นผู้นำคนนี้ เขาเป็นคนที่มีร่างกายใหญ่โต และปกติแล้วเขาจะไม่ปรากฏตัวในงานเลี้ยงใดๆ อย่างไรก็ตามเขานั้นแข็งแกร่ง

 

สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจคือทั้งสองผู้นำเผ่าที่ส่งออกไปนั้นฝีมือยอดเยี่ยม ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาไม่เป็นรองศัตรู พวกเขาทั้งสองสามารถสกัดเงือกอสูรทมิฬ 2 คนเอาไว้ได้ พวกเขาไม่ได้พยายามที่จะสังหาร แต่เพียงแค่ถ่วงเวลาเอาไว้

 

สำหรับกองกำลังร้อยมือสังหาร พวกเขาเพ่งเล็งไปที่เงือกอสูรทมิฬอีก 3 คน

 

อากาศโดยรอบเต็มไปด้วยฝุ่นดิน!

 

ทันใดนั้นกองกำลังร้อยมือสังหารก็ใช้คลื่นพสุธาขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่ผ่านตรงข้ามทันที

 

ตูม!

 

มีเสียงระเบิดดังขึ้น บริเวณโดยรอบคละคลุ้งไปด้วยพายุทราย กองกำลังร้อยมือสังหารใช้ธาตุดินสร้างมังกรพสุธาทะยานขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว

 

เงือกอสูรทมิฬถอยห่างออกมาอย่างไม่คิด พวกเขาถูกขัดขวางด้วยเบจธาตุ กองกำลังร้อยมือสังหารผลัดเปลี่ยนจากรุกเป็นรับด้วยพลังอันแข็งแกร่ง

 

กรงเล็บของมังกรพสุธาที่ทะยานอยู่ข้างบนตวัดลงมายังเงือกอสูรทมิฬคนหนึ่งและเฉือนร่างของเขา มันเปิดปากขนาดใหญ่ออกและพ่นศิลาพสุธาใส่

 

พร้อมกันนั้นมีลูกศรสีเหลืองที่แหลมคมพุ่งออกมาด้วยความเปล่งประกาย เพียงพริบตาลูกศรก็เสียบทะลุตาซ้ายของเงือกอสูรทมิฬไปถึงสมอง ก่อนที่ลูกศรจะทะลุออกไป เงือกอสูรทมิฬคนนี้เสียชีวิตทันที

 

นี่คือลูกศรแก่นแท้พสุธา!

 

เมื่อชิงสุ่ยเห็นภาพนั้น เขาก็ถึงกับหัวเราะ พลังของกองกำลังร้อยมือสังหารนั้นเด่นชัด พวกเขาค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นตามกาลเวลา รูปแบบเบญจธาตุสามารถพลิกแพลงเป็นอะไรก็ได้

 

เหล่าผู้ที่แยกตัวออกมาจากพระราชวังทะเลราชันย์ต่างก็ไม่เคยเห็นสิ่งนี้ที่นั่น ตอนนี้พวกเขาได้เห็นมันแล้ว มันทำให้พวกเขาเกิดความปวดร้าวใจ สิ่งนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าคนจากเผ่าเงือกอสูรทมิฬ

 

พวกเขาเริ่มรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเงือกอสูรทมิฬและส่งต่อข่าวสารไปให้ผู้อื่น ผลที่ตามมาทำให้กองกำลังร้อยมือสังหารมีชื่อเสียงขึ้นมาในทันที

 

ชิงสุ่ยต้องการให้พวกเขาเห็นเช่นนี้ พระราชวังทะเลราชันย์ไม่เพียงแต่จะมีผู้พิทักษ์ พวกเขายังมีชนเผ่าอื่นคอยสนับสนุน กองกำลังลึกลับ และสิ่งอื่นๆอีกมากมายที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่รู้

 

ยิ่งไปกว่านั้นมู่หยุนชิงเฉิงมาจากเผ่านาคาเร้นลับ เผ่าซึ่งไม่อาจมีใครเทียบพลังได้ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามีผู้ทรงพลังคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่

 

ชิงสุ่ยเป็นผู้ที่แอบลดพลังของชูตงรื่อและสหายอย่างเงียบๆ ครู่ต่อมาเงือกอสูรทมิฬที่แข็งแกร่งอีกคนหนึ่งถูกสังหารด้วยน้ำมือของผู้นำเผ่าอีกครั้ง ผู้ที่เห็นเหตุการณ์เริ่มสั่นสะท้านด้วยความกลัว

 

นี่เป็นการสูญเสียครั้งสำคัญ

 

มู่หยุนชิงเฉิงมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความสงสัย เธอรู้สึกว่าชิงสุ่ยได้ลงมือแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ขยับอะไร ความสามารถในการลดพลังศัตรูของเขาอาจควบคุมผ่านทางจิต มันคงไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวใดๆ

เมื่อชูตงรื่อเห็นสหาย 2 คนของเขาถูกสังหาร เขาตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดและมองไปที่ผู้นำเผ่าและมนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬ

 

เงือกอสูรทมิฬบางส่วนมีสายเลือดของชนเผ่าเงือกมังกรในสายเลือด นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงแข็งแกร่งกว่าชนเผ่าใต้น้ำอื่นๆ สถานะของพวกเขาถือว่าสูงส่งและมีความโดดเด่น

 

กองกำลังกบฏนั้นส่วนใหญ่มองเงือกอสูรทมิฬด้วยความเคารพ แต่ตอนนี้พวกเขากลับเห็นเงือกอสูรทมิฬพ่ายแพ้ราบคาบ กำลังใจที่จะต่อสู้ของพวกเขาหมดลงทันที

 

ความเป็นจริงที่โหดร้ายทำให้ชูตงรื่อสูญเสียทุกอย่าง ด้วยขวัญและกำลังของพวกเขาที่หมดไป เงือกอสูรทมิฬไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้อีก เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล่าถอยไปด้วยความอัปยศ เขายังไม่อยากตายและไม่ต้องการให้คนของเขาตายเช่นกัน

 

เขาได้สูญเสียพี่ชายสองคนและเขาไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไปดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะหนีไปหาซันเซ็ทพาเลซเพื่อขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ชูตงรื่อเข้าใจแล้วว่าพระราชวังสุริยันได้ใช้ความเกลียดชังของพวกเขา เพื่อให้พวกเขาออกมาต่อสู้กับพระราชวังทะเลราชันย์ก่อน หากพวกเขาได้รับความสูญเสียที่มากมายไปพร้อมกับพระราชวังทะเลราชันย์ มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อพระราชวังสุริยัน

 

พี่น้อง 2 คนของเขาต้องตายไปและเขาไม่สามารถสู้ต่อได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะถอยเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระราชวังสุริยัน

 

ขณะที่พวกเขากำลังล่าถอย กองกำลังของพระราชวังทะเลราชันย์ก็ตามติดไปและสังหารหนึ่งในห้าเงือกอสูรทมิฬไปอีกหนึ่งคน คนอื่นๆหนีตายด้วยความหวาดกลัว มู่หยุนชิงเฉิงไม่อนุญาตให้พวกเขาตามไปมากกว่านี้ หากเป็นอย่างที่เธอคิด พระราชวังสุริยันจะต้องปรากฏตัวขึ้น

 

เห็นได้ชัดว่าพระราชวังสุริยันเหนือกว่าพระราชวังทะเลราชันย์ พระราชวังมังกรสมุทร และพระราชวังฉลามพยัคฆ์ ในโลกของผู้ฝึกตน ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าย่อมกดขี่ผู้ที่อ่อนด้อย