การเคลื่อนไหวนั้นจู่โจมอย่างฉับพลัน สิงหาก็ไม่ทันระวังตัว จึงรับหมัดนี้ไปเต็มๆ ร่างกายสั่นสะเทือน ยันกับขอบโต๊ะข้างหลังเขา
“หมัดนี้ แทนแม่ของผม และเป็นหมัดที่คุณสมควรได้รับไป!”หางตาและคิ้วของเขาเยือกเย็น คำพูดที่พูดออกมาก็เหมือนเศษน้ำแข็ง
จากนั้น ก็ปล่อยไปอีกหมัดตรงๆ:“ส่วนหมัดนี้ เป็นของผมกับเลอแปงให้คุณ!”
ถูกชกสองหมัดติดต่อกัน จึงเอนตัวไป สิงหาหอบเล็กน้อย ใบหน้าดูเจ็บผิดปกติ แต่กลับยังรักษาความน่าเกรงขามในฐานะพ่อไว้:“ออกัส นี่แกจะกำเริบเสิบสานมากขึ้นแล้วนะ!”
“ในเมื่อคุณทำเรื่องแบบนั้นได้ งั้นก็ต้องรับผลที่ผมจะกำเริบเสิบสาน!”สายตาออกัสมองไปที่สิงหา กลายเป็นเย็นชาและห่างเหิน:“ต่อไปทางที่ดีอย่าให้ผมเห็นคุณมาหาเธออีก ไม่อย่างนั้น ผมก็จะกำเริบเสิบสานมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ผมจะเตือนคุณ!”
พูดจบ เขาก็กวาดมองไปที่สิงหาอย่างเย็นชา จากนั้น จึงเดินออกไปจากร้านกาแฟ
ในร้านกาแฟมีสายตาสองสามคนมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น สิงหาไม่ใช่แค่สีหน้าหม่นลง ถึงแม้หน้าจะแก่ไปตามอายุ แต่สีหน้าก็ยังดูดุดัน
ตอนที่ใกล้จะออกไปจากร้านกาแฟ ออกัสหยุดฝีเท้าโดยบังเอิญ พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม:“คุณจะอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ใครก็ห้ามคุณไม่ได้ แต่รีบพาเธอออกไปจากเมืองSทันที อย่ามาปรากฏตรงหน้าพวกเราอีก และก็อย่ามาขอให้อภัย ต่อไปพวกเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!”
เข้าไปนั่งในรถ เขาก็จุดบุหรี่มวลหนึ่ง ควันลอยขึ้นไป จนทำเขาหรี่ตาเล็กน้อย สูดหายใจลึกๆ แล้วพ่นควันสีเทาออกมา ดวงตาที่ลึกซึ้งนั้นล้ำลึกมากขึ้น ร่างที่สูงตรงก็แผ่ความหดหู่ออกมา เหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีเมฆจำนวนมาก
ต่อยสองหมัดนั้นใส่หน้าสิงหา แต่ในใจกลับไม่รู้สึกสะใจอะไร
จำได้ว่าตอนเด็ก สิงหามักจะอุ้มเขาไปบนคอ ออกไปไหนก็จะพาเขาไปข้างๆเสมอ จูงมือ กอด แบก
มองเขาสั่งผู้ช่วยอย่างเป็นระบบระเบียบ มักจะรู้สึกภูมิใจและพอใจ คิดว่าพ่อช่างยิ่งใหญ่ เป็นฮีโร่
จากนั้น ตอนที่เขา ไปอเมริกาตอนอายุสิบสาม ตอนเพิ่งถึงอเมริกาเขาก็ยังโทรมา พอนานๆไปก็น้อยลง
ตอนอายุยี่สิบสามกลับมาที่เมืองS เวลาสิบปีนี้ เขาไม่เคยไปเยี่ยมเขาที่อเมริกา ส่วนเขาก็ไม่เคยกลับมา คุณตาห้ามเขากลับประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต บอกว่านี่คือการฝึกเขาอย่างหนึ่ง
ไกรวิทย์ที่เป็นทหาร ไม่ว่าเรื่องไหนก็ชอบตามกฎของกองทัพ และยังใช้กฎชุดนั้นกับเขาด้วย ตอนนั้น ทั้งบ้านนอกจากยายแล้ว ก็ไม่มีใครไม่กลัวเขา แม้แต่แม่ก็เช่นกัน
หลังจากกลับมาที่เมืองS สำหรับพ่อที่ไม่เจอกันสิบปีแล้ว ก็แปลกหน้ากันอย่างมาก และทั้งสองอยู่ด้วยกันก็ยังอึดอัดหน่อยๆ
ส่วนเขาก็อยู่ที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์น้อยมาก ปีหนึ่งกลับมานี่นับครั้งได้เลย พอเติบโตไปตามกาลเวลา ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ค่อยๆเฉยเมยกันมากขึ้น ถึงแม้เจอหน้ากัน ก็ไม่มีอะไรจะพูด
มักจะบอกว่าที่อำเภอซีซ่านั้นยุ่งมาก ปลีกตัวกลับบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ไม่ได้ เหตุผลเช่นนี้เขาจึงไม่สงสัย แต่พอวันนี้มาดูแล้ว กลับน่าหัวเราะเยาะจริงๆ
เขาไม่รักแม่น่ะได้ แต่เงื่อนไขก็คือ ตั้งแต่วินาทีที่ไม่รัก เขาควรจะบอกแม่ทันที จากนั้นไม่ว่าจะอยู่กับผู้หญิงคนไหน เขาก็จะไม่ไปถาม ในใจก็จะเกลียดเขาไปเอง แต่จะไม่เกลียดเท่าตอนนี้ เพราะว่า เขาให้แม่มาเห็นเขากำลังจูบอย่างเร่าร้อนกับผู้หญิงอีกคนกับตา
ระหว่างคนแรกกับคนหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบหน้ามือเป็นหลังมือ คนแรกยังมีความเป็นไปได้ที่จะให้อภัย ส่วนคนหลัง……
ให้เขาพาผู้หญิงคนนั้นไปจากเมืองS อย่ามาปรากฏตรงหน้าพวกเขาอีกตลอดไป นี่เป็นการยอมที่ใหญ่ที่สุดของเขาแล้ว!
ยังไง สิงหาก็เป็นพ่อของเขา……
สิงหาเคยเป็นฮีโร่ วีรบุรุษ เป็นแบบอย่าง เป็นที่เคารพในใจเขา ก็แค่ตอนนี้กลับพังทลายลงหมดแล้ว ……
กลิ่นของนิโคตินเข้าปอดไปโดยตรง จึงระงับอารมณ์เหล่านั้นของเขาไว้ไปได้เล็กน้อย แล้วก็สูดไปอีกครั้ง ออกัสดับก้นบุหรี่ เก็บความรู้สึกในใจไว้ แล้วขับรถออกไป
ณ โรงพยาบาล
เห็นใบหน้าสิงหาบวมแดง คิ้วสวยงามแสนเรียวของวินดาขมวดเล็กน้อย ถามอย่างแปลกใจ:“หน้าคุณเป็นอะไรน่ะ?”
“ไม่เป็นไร แค่ไปชนมา”สิงหาพูดอย่างสบายๆ ไปแบบนี้
ถึงจะโดนชกไปสองหมัด ในใจเขาก็โมโห แต่ตอนนี้ความโมโหนั้นหายไปเยอะแล้ว
“ทำไมไม่ระวังอย่างนี้ล่ะ คุณเดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลยเหรอ?”วินดาให้พยาบาลเอาน้ำแข็งมาประคบให้เขา
สิงหานั่งอยู่ตรงนั้น ในใจนั้นกำลังคิด ส่วนอารมณ์ในจิตใจก็ว้าวุ่นอย่างมาก ส่วนเรื่องที่ให้เชอร์รีนบริจาคไขกระดูก ตอนนี้มีแต่ทำยากขึ้นเรื่อยๆ
ออกัสรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว เขาไม่ยอมให้บริจาคแน่……
ผลักประตูคอนโดออก แสงไฟสีเหลืองสลัวในห้องก็คลายความหดหู่ของเขาไปได้ และริ้วรอยที่แข็งบนใบหน้าก็คลายลง
เชอร์รีนกำลังทำอาหารเย็นในครัว ซารางกำลังอ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษ เขียนไป ปากเล็กๆนั้นก็ท่องคำไปด้วย:“ABCEF……”
ท่องไปสี่ห้ารอบ ทุกครั้งจะขาด D ไปเพียงตัวเดียว จะกระโดดจาก C ไปยัง E เสมอ
ได้ยินเสียงฝีเท้า เธอก็เหมือนผีเสื้อตัวหนึ่งที่วิ่งเข้ามา เรียกพ่อเสียงหวาน
ออกัสก้มลง อุ้มเธอมาไว้ในอ้อมแขน แล้วจูบลงไปที่หน้าอันอ่อนนุ่มของเธอ นั่งบนโซฟา โทรศัพท์กลับสั่นขึ้น เป็นสุนันท์
จึงวางเด็กสาวบนโซฟา แล้วเขาก็กลับไปที่ห้อง รับสาย
เชอร์รีนที่สวมผ้ากันเปื้อนเดินออกมาจากครัว ไม่เห็นร่างของชายหนุ่ม เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัย มองซาราง:“พ่อลูกล่ะ?”
“คุยโทรศัพท์ในห้องค่ะ”มือขาวเล็กๆของซารางชี้ไปที่ห้อง มองเห็นหม่ามี๊เดินไปที่ห้อง เธอเปิดทีวีอย่างเงียบๆ
เดินไปหน้าประตูห้อง กำลังเตรียมเดินเข้าไป กลับได้ยินเขาพูดว่าเห็นทั้งสองคนอยู่ร้านกาแฟในโรงเรียน พอได้ยิน เชอร์รีนก็ไม่เข้าไปอีก ยืนอยู่ตรงนั้น ทั้งสองอยู่ที่ร้านกาแฟของโรงเรียน นอกจากเธอกับสิงหา เธอก็คิดคนอื่นไม่ออก
แต่ว่า เขากำลังคุยโทรศัพท์กับใครอีก?สุนันท์เหรอ?
ตอนเที่ยง เขาเห็นเธออยู่กับสิงหา?
“สิงหาไปหาเชอร์รีน จะต้องเพื่อให้บริจาคไขกระดูกให้วินดายัยแพศยานั้นแน่!”สุนันท์กัดฟันด่า อารมณ์ไม่คงที่อย่างผิดปกติ
ถึงแม้อยู่ห่างกันด้วยโทรศัพท์ แต่เสียงที่เข้ามาผ่านคลื่นวิทยุก็ทำให้ออกัสได้ยินอารมณ์ของเธอชัดเจน
เธอตื่นเต้นมาก ร้อนใจมาก เสียงหอบนั้น เขาได้ยินเข้าไปในหูชัดเจน สุนันท์ในตอนนี้ต้องการการปลอบใจ ต้องการการเอาใจ
“แม่ เธอไม่บริจาคไขกระดูกให้วินดาแน่ กินอาหารเย็นยังครับ?”
พอได้ยิน ขนตาเชอร์รีนก็สั่นเล็กน้อย ที่เธอเดานั้นไม่ผิดเลย เขารู้ทุกอย่างแล้ว!
สุนันท์ดูไม่เชื่ออย่างเห็นได้ชัด:“แม่ไม่เชื่อ เธอจะต้องบริจาคแน่ เธอกับสิงหาเจอกันแล้ว จะต้องพูดเรื่องบริจาคไขกระดูกแน่!”
“เชื่อผม เธอไม่บริจาคไขกระดูกให้วินดาแน่ ผมมีเหตุผลที่แน่ใจอย่างนี้……”