ตอนที่ 1599

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,599 : ปฏิเสธ

 

“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

 

เผชิญหน้ากับคำถามของสื่ออวิ๋น ต้วนหลิงเทียนได้แต่ส่ายหัว

 

7 ทวาราเที่ยงแท้ ชื่อนี้เขาพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

 

สื่ออวิ๋นได้ที่ฟังคำตอบของต้วนหลิงเทียน ก็ลอบถอนหายใจอย่างลับๆ นางรู้ดีว่าครั้งนี้เป็นนางคิดมากเกินไปจริงๆ โลกหล้าไหนเลยมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ได้? ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 เป็นอะไรที่ลึกลับที่สุด ยังพบเจอกันได้ง่ายๆ?

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้สื่ออวิ๋นก็ไม่คิดจะถามอะไรสืบต่อ

 

เพราะนางรู้สึกว่าไม่จำเป็นแล้ว

 

ตอนแรกนางยังหลงคิดว่าหากต้วนหลิงเทียนเป็นผู้สืบทอดนามหมอกพิรุณ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 จริง ความสำเร็จในภายภาคหน้าย่อมไม่มีทางอ่อนด้อยกว่าเฟิ่งเทียนหวู่ หากตัดสินจากพลังฝีมือและความสำเร็จในวันนี้

 

แต่ตอนนี้พอตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ 7 ทวาราเที่ยงแท้ นางจึงยึดถือความคิดเดิมต่อไป ว่าวันหน้าเฟิ่งเทียนหวู่ต้องก้าวล้ำสุดที่ต้วนหลิงเทียนจะเทียบติด

 

“เจ้าสนใจเข้าร่วมนิกายอัคคีล่องลอยและเป็นศิษย์ข้าหรือไม่?”

 

ครู่ต่อมา สื่ออวิ๋นก็เปิดประตูเห็นภูผากล่าวถามต้วนหลิงเทียน

 

คำถามของนาง ทำให้ต้วนหลิงเทียนและเฟิ่งเทียนหวู่อึ้งไม่น้อย

 

“ด้วยศักยภาพพรสวรรค์ของเจ้า ความสำเร็จเจ้าในวันหน้าย่อมไร้ขีดจำกัด…หากเจ้าเต็มไปใจเป็นศิษย์ข้า ตำแหน่งประมุขนิกายอัคคีล่องลอยคนต่อไปก็คือเจ้า”

 

สื่ออวิ๋นมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน พร้อมให้คำมั่น

 

หากเป็นคนอื่นสื่ออวิ๋นคงไม่กล่าวเสนออะไรแบบนี้

 

อย่างไรก็ตามศิษย์นางอย่างเฟิ่งเทียนหวู่เชื่อใจบุรุษผู้นี้นัก และศิษย์นางก็ไม่ใช่นัยน์ตามืดบอดมองคนผิด จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหากส่งมอบนิกายอัคคีล่องลอยให้ต้วนหลิงเทียนสืบทอด

 

หลังได้ยินคำของสื่ออวิ๋น คิ้วต้วนหลิงเทียนขมวดเป็นปมทันที ยังหันมองไปทางเฟิ่งเทียนหวู่อย่างไม่รู้ตัว

 

“เจ้าอย่าได้คิดมากไป”

 

หลังจากที่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนหันไปมองเฟิ่งเทียนหวู่ สื่ออวิ๋นย่อมเข้าใจความคิดของต้วนหลิงเทียน จึงเร่งกล่าวออกมาทันที “เส้นทางที่เฟิ่งเทียนหวู่จะก้าวเดินนั้นมันต่างจากเจ้านัก เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะรับสืบทอดตำแหน่งประมุขนิกายอัคคีล่องลอยในวันหน้า เพราะศักยภาพพรสวรรค์ของนางมิได้ถูกจำกัดอยู่แค่ประเทศฝูเฟิง”

 

ในวาจาของสื่ออวิ๋นเผยให้เห็นถึงความมั่นใจที่มีต่อเฟิ่งเทียนหวู่

 

นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นว่าแค่ตำแหน่งประมุขนิกายอัคคีล่องลอย มันไม่คู่ควรให้เฟิ่งเทียนหวู่รับ

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยิน ก็หันมองสื่ออวิ๋นด้วยรอยยิ้ม

 

“ขอบคุณอาวุโสสื่ออวิ๋นที่เมตตา แต่ข้ามีอาจารย์อยู่แล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวปฏิเสธไปอย่างสุภาพ

 

ตั้งแต่ที่เขาได้รับสืบทอดเคล็ดบำเพ็ญจิต ยอดใจกระบี่ ที่เป็นมรดกตกทอดของเซียนกระบี่ฟงชิงหยางมา ใจเขาก็ได้ยึดถือเซียนกระบี่ฟงชิงหยางเป็นดั่งอาจารย์!

 

สื่ออวิ๋นที่คิดกล่าวโน้มน้าวเพิ่มเติม แต่พอเห็นสีหน้าแววตาเด็ดเดี่ยว นางก็ไม่คิดจะเปลืองลมหายใจกล่าวอะไรสืบต่อ

 

นางรู้ดีว่าสายตาของต้วนหลิงเทียนหมายความว่าอย่างไร ให้นางโน้มน้าวอีกฝ่ายให้ตาย อีกฝ่ายก็ไม่ยอมเป็นศิษย์ของนาง

 

จังหวะนี้นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังในใจ

 

อย่างไรก็ตามแม้จะผิดหวัง แต่นางก็ไม่คิดบังคับฝืนใจใคร

 

“เจ้าไม่ยอมรับข้าเป็นอาจารย์ก็ได้ไม่มีปัญหา”

 

ครู่หนึ่งสื่ออวิ๋นคล้ายตัดสินใจครั้งใหญ่อะไรได้ จึงกล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ “แต่ตราบใดที่เจ้าเข้าร่วมนิกายอัคคีล่องลอย เจ้ามิจำเป็นต้องนับถือผู้ใดกระทั่งข้าเป็นอาจารย์ แต่ข้ายังจะสนับสนุนทรัพยากรบ่มเพาะที่ดีที่สุดให้เจ้า…แน่นอนว่าหากเปลี่ยนใจ เจ้าสามารถเป็นประมุขของนิกายอัคคีล่องลอยได้ทุกเมื่อ”

 

เห็นได้ชัดว่าสื่ออวิ๋นก็ให้ความสำคัญของพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนอย่างแท้จริง

 

“ท่านประมุขสื่ออวิ๋นน้ำใจนี้ของท่านข้าทำได้แค่รับไว้ด้วยใจ แต่ข้าต้องขออภัยท่านด้วย เพราะข้าเกรงว่าข้าคงมิอาจทำตามข้อเสนออันดีของท่านได้…ข้าเองก็ไม่ได้คิดจะรั้งอยู่ที่ประเทศฝูเฟิงนานนัก”

 

ต้วนหลิงเทียนยังคงกล่าวปฏิเสธออกมาอีกครั้งอย่างสุภาพ

 

สื่ออวิ๋นที่ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียนเพียงขมวดคิ้วอยู่ย่นไปพักหนึ่งค่อยคลายลงทั้งพยักหน้า

 

เมื่อได้ยืนยันแล้วว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ และยืนยันได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดเข้าร่วมนิกายอัคคีล่องลอย นางก็ไร้ความสนใจอะไรอีก เพียงกล่าวบอกเฟิ่งเทียนหวู่และต้วนหลิงเทียนอีกไม่กี่คำ ก็จากไป

 

ต่อมาก็คงเหลือแต่ต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งเทียนหวู่เท่านั้น

 

ทั้งคู่ต่างสงสัยในประสบการณ์หลายปีที่ผ่านมาของอีกฝ่ายไม่น้อย

 

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบประสบการณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลายปีของเฟิ่งเทียนหวู่ นับตั้งแต่ช่วงที่นางออกจากทวีปเมฆาล่อง กระทั่งออกจากหมู่เกาะเซียนโพ้นทะเลมายังนิกายอัคคีล่องลอย

 

หากเทียบกับเส้นทางอันขรุขระเผชิญเรื่องราวหวาดเสียวมากมายของเขา การเดินทางของเฟิ่งเทียนหวู่นับว่าราบรื่นมาก

 

“พี่ใหญ่ต้วนแล้วท่านเล่าเป็นเช่นไรบ้าง”

 

เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวถามออกมาด้วยความสนใจ

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็กล่าวเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นออกมาโดยไม่คิดจะปิดบังอะไรนาง และก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร

 

รวมถึงเรื่องที่คู่หมั้นทั้งสองของเขาตั้งครรภ์ และตอนนี้เขาเองก็ไม่ทราบว่าพวกนางไปอยู่ที่ใด ขณะกล่าวใบหน้าของต้วนหลิงเทียนก็เป็นกังวลขึ้นมาไม่น้อย

 

“พี่ใหญ่ต้วน พี่สาวทั้ง 2 คนต้องปลอดภัยดีแน่”

 

หลังจากได้ยินว่าลี่เฟยกับเค่อเอ๋อตั้งครรภ์ลูกของต้วนหลิงเทียน ลึกลงไปในแววตาเฟิ่งเทียนหวู่พลันเผยความอิจฉาออกมา ขณะเดียวกันนางก็พยายามกล่าวปลอบต้วนหลิงเทียน

 

“จริงสิเทียนหวู่ บิดาของเจ้า…ลุงเฟิ่งเองก็อยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าด้วย”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกเฟิ่งเทียนหวู่ “หลังจากที่เกิดเรื่องบนเกาะป้านเยว่ พวกลุงเฟิ่งก็ติดตามข้ามายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า”

 

ต้วนหลิงเทียนยังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่เฟิ่งหวู่เต้ามาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าให้นางทราบ

 

พอได้ยินว่าบิดาของนางมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าสีหน้าเฟิ่งเทียนหวู่อดไม่ได้ที่จะเผยความสุขความยินดีออกมา แต่พอได้ยินว่าตอนนี้บิดาของนางไม่ทราบไปอยู่ที่ใดแล้ว สีหน้าแววตาก็แปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นวิตกกังวลทันที

 

“เจ้าวางใจได้เลย ลุงเฟิ่งอยู่กับศิษย์พี่ของข้า ย่อมต้องปลอดภัยดีแน่”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวปลอบโยน “นอกจากนี้ที่ข้ามานิกายอัคคีล่องลอย ก็เพื่อที่จะได้รับชื่อเสียง เพราะมีเพียงแบบนี้ศิษย์พี่ของข้าจะได้รู้ว่าข้ามาอยู่ที่ประเทศฝูเฟิง ถึงตอนนั้นพอทราบข่าวศิษย์พี่ต้องมาหาข้าที่ตระกูลซือถูทันทีแน่ และข้ามั่นใจว่าลุงเฟิ่งก็ต้องมาที่ตระกูลซือถูด้วยเหมือนกัน”

 

เมื่อได้ยินคำกล่าวของต้วนหลิงเทียนแม้ สีหน้าเฟิ่งเทียนหวู่จะคลายกังวลไปไม่น้อย แต่นางก็ยังอดห่วงความปลอดภัยของเฟิ่งหวู่เต้าไม่ได้อยู่ดี

 

“เทียนหวู่พรุ่งนี้ข้าจะออกจากนิกายอัคคีล่องลอยเพื่อกลับตระกูลซือถูแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับเฟิ่งเทียนหวู่ “เจ้าอยากไปกับข้าไหม?”

 

เฟิ่งเทียนหวู่แน่นอนว่าย่อมอยากไปกับต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตามนางอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอาจารย์อย่างสื่ออวิ๋นก่อน “พี่ใหญ่ต้วน เรื่องนี้ข้าต้องไปถามท่านอาจารย์ก่อน”

 

เฟิ่งเทียนหวู่ไม่รอช้าอะไร เร่งรุดไปหาสื่ออวิ๋นทันที

 

คำตอบของสื่ออวิ๋นนั้นง่ายดายนัก หากเฟิ่งเทียนหวู่ยังไม่บรรลุขอบเขตเซียน ห้ามมิให้นางก้าวเท้าออกจากนิกายอัคคีล่องลอยไปที่ใดแม้แต่ก้าวเดียว! เพราะมันอันตรายเกินไป!!

 

ถึงแม้ว่าสื่ออวิ๋นจะมีบารมี แต่โลกนี้กว้างใหญ่นัก! ผู้ใดจะไปรู้ว่าจะมีใครบ้ากล้าโจมตีนางหรือไม่?

 

เมื่อเห็นทีท่าของสื่ออวิ๋นว่า ‘ไม่อาจต่อรองได้’ เฟิ่งเทียนหวู่ก็รู้ดี ว่าหากนางยังไม่ทะลวงไปถึงขอบเขตเซียน น่ากลัวว่าคงไม่ได้ก้าวเท้าออกจากนิกายอัคคีล่องลอยแน่แล้ว

 

นอกจากนี้นางยังรู้ด้วยว่าทั้งหมดเป็นเพราะอาจารย์หวังดีต่อนาง

 

“ขอบเขตเซียน?”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ เขาเองก็พอรู้ถึงเจตนาของสื่ออวิ๋น “ในเมื่ออาวุโสสื่ออวิ๋นตัดสินใจแบบนี้ก็ไม่เป็นไร…ถ้างั้น เทียนหวู่ เจ้าก็อยู่ที่นี่เถอะ ทะลวงถึงขอบเขตเซียนเมื่อไหร่ค่อยออกจากนิกายอัคคีล่องลอยมาหาข้า”

 

“แน่นอนว่าก่อนจะถึงวันนั้น หากข้าว่างข้าจะแวะมาหาเจ้า”

 

เมื่อเห็นท่าทางไม่ค่อยเต็มใจของเฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่าต้องพูดอะไรสักคำ เขาจึงกล่าวบอกนางออกไปเพื่อให้นางคลายกังวลและไม่ต้องคิดมาก

 

“และถ้าลุงเฟิ่งมายังตระกูลซือถูเมื่อใด ข้าจะพาลุงเฟิ่งมาหาเจ้าที่นี่”

 

เมื่อเห็นเฟิ่งเทียนหวู่เผยอปากคิดกล่าวอะไร ต้วนหลิงเทียนก็พอเดาได้ จึงกล่าวเสริมเพื่อทำให้นางไม่ต้องห่วง เพราะเขารู้ว่าไม่พ้นนางต้องกล่าวถึงเรื่องเฟิ่งหวู่เต้าแน่

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ในที่สุดเฟิ่งเทียนหวู่ก็แย้มยิ้มออกมา

 

ดังคำกล่าวที่ว่า

 

‘นักรบยอมตายเพื่อสหายรู้ใจ สตรีตั้งใจแต่งหน้าเพื่อคนรัก’

 

เช่นนั้นแล้วสำหรับอิสตรี เพียงเพื่อคนที่รักนางย่อมกระทำตามความพอใจของอีกฝ่าย

 

เช้าวันต่อมาต้วนหลิงเทียน ซือถูหังและซือถูโฮ่วก็เดินทางออกจากนิกายอัคคีล่องลอย

 

ขามานั้น..ทีท่าของคนนิกายอัคคีล่องลอยช่างแสนเย็นชานัก!

 

ทว่าขากลับ คนของนิกายอัคคีล่องลอยไม่กล้าละเลยท่าทีปฏิบัติ ด้วยไม่รู้เพราะกริ่งเกรงเฟิ่งเทียนหวู่หรืออย่างไร

 

เพราะในสายตาคนของนิกายอัคคีล่องลอย เฟิ่งเทียนหวู่คือประมุขนิกายคนต่อไป พวกมันย่อมไม่มีใครกล้าผิดใจกับบุรุษที่นางชมชอบ เพื่อหาเรื่องใส่ตัว

 

“เทียนหวู่ ส่งกันพันลี้สุดท้ายก็ต้องจาก เจ้ากลับไปได้แล้ว…”

 

ต้วนหลิงเทียนหัวเราะกล่าวกับเฟิ่งเทียนหวู่

 

“พี่ใหญ่ต้วน ข้าจะกลับไปหลังเห็นท่านไปแล้ว”

 

เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวออกมาอย่างดื้อดึง

 

ต้วนหลิงเทียนได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรมากอีก หันหลังและจากไปพร้อมซือถูโฮ่วและซือถูหังทันที พริบตาร่างทั้ง 3 ก็เหินลอยขึ้นฟ้า หายลับสายตาเฟิ่งเทียนหวู่ไป

 

จนกระทั่งมองไปไม่เห็นแผ่นหลังไวๆของต้วนหลิงเทียนแล้ว เฟิ่งเทียนหวู่จึงค่อยหักใจ หันหลังกลับเข้าไปในนิกายอัคคีล่องลอย

 

“ท่านปรมาจารย์ต้วน ความสัมพันธ์ของท่านกับแม่นางเฟิ่งที่แท้เป็นอันใดกันแน่ ไฉนแววตาท่าทางของนางยามเห็นท่าน คล้ายท่านเป็นสามีที่รักเลยเล่า?”

 

ระหว่างเดินทาง ซือถูหังที่บังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกา สุดท้ายก็อดรนทนไม่ไหวจำต้องถามต้วนหลิงเทียนออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

 

เผชิญกับคำถามนี้ของซือถูหัง ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แต่ไม่ทราบจะตอบกลับไปอย่างไรดี…

 

ตอนนี้อารมณ์ของเขาก็ซับซ้อนไม่น้อย

 

ใจเขานั้นยอมรับเฟิ่งเทียนหวู่มานานแล้ว หากแต่พอคิดถึงเรื่องคู่หมั้นทั้ง 2 ที่เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ทราบ เขาจึงไม่อาจคิดเรื่องพวกนี้ได้

 

เมื่อตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่อยากกล่าวถึง ซือถูหังก็ไม่คิดซักไซ้ไล่เลียงอะไรสืบต่อ เพียงเปลี่ยนเรื่องไปทันที “ท่านปรมาจารย์ต้วนหลังจากที่ท่านเอาชนะแม่นางเฟิ่งเมื่อวาน ข้าเชื่อว่าในเวลาอันสั้นชื่อเสียงของท่านต้องขจรขจายไปทั่วประเทศฝูเฟิงแน่…ถึงตอนนั้นตราบใดที่ศิษย์พี่ของท่านอยู่ในประเทศฝูเฟิง ย่อมต้องได้ยินเรื่องราวของท่าน”

 

“ถึงตอนนั้นเขาต้องมาหาท่านที่ตระกูลซือถูแน่นอน!”

 

ซือถูหังกล่าว

 

“ข้าก็หวังไว้อย่างนั้น…”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาเองก็อยากให้เรื่องราวมันราบรื่นง่ายดาย

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับซือถูหังและซือถูโฮ่วเดินทางกลับเมืองหลวง คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานก็เริ่มหวนคืนสู่ความสงบ

 

หากแต่ความสงบนี้เพียงดำรงอยู่แต่ผิวเผินเท่านั้น!

 

ในฐานะอาวุโสสูงสุดของคฤหาสน์คลื่นขจี ตอนนี้หลานชายคนเดียวของมันตายไปทั้งคน มีหรือหานซิ่นจะปล่อยวางเรื่องราวนี้ง่ายๆ “ไม่ว่ามันจะเป็นใคร…กล้ามาฆ่าหลานชายของข้า…ข้าจะให้ทั้งโคตรมันชดใช้ด้วยชีวิต!!”

 

ลูกตาหานซิ่นเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ราวกับมันกลายเป็นมารร้ายกระหายเลือด!

 

ในเวลาเดียวกันทางด้านหานเฉวี่ยไน่และคนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึงอาณาจักรนภาล่องในทวีปเมฆาล่องแล้ว

 

และไม่นานทั้งหมดก็ได้รับทราบเบาะแสที่ต้วนหลิงเทียนฝากสหายเก่าเอาไว้…