ตอนที่ 1600

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,600 : ลี่หรัวแทบพังทลาย

 

“สำนักจันทร์จรัสแสง!”

 

หานเฉวี่ยไน่และคนอื่นๆพอได้รับเบาะแสที่อยู่ของต้วนหลิงเทียน ทั้งหมดก็เร่งเดินทางออกจากทวีปเมฆาล่อง มุ่งหน้าย้อนกลับไปยังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทันที!

 

จุดหมายปลายทางของพวกนางคือสำนักจันทร์จรัสแสง!

 

ตอนนี้เองทางด้านสำนักจันทร์จรัสแสง ผู้คนในสำนักก็เริ่มพบเห็นเรื่องผิดปกติ เพราะพวกมันตระหนักได้ว่ายอดฝีมือขอบเขตเซียนทั้งหมดของสำนัก ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ! รวมถึงประมุขก็ไม่เคยปรากฏตัวที่โถงหลักอีกเลย!!

 

เมื่ออาวุโสฝ่ายในบางคนตัดสินใจเข้าไปสืบเรื่องราวในเขตหวงห้าม ในที่สุดมันก็พบว่าไม่มีใครอยู่สักคน!

 

ในตอนแรกพวกมันก็จงใจปิดเรื่องนี้เอาไว้

 

อย่างไรก็ตามสุดท้ายกระดาษก็ไม่อาจห่อไฟ ไม่นานข่าวการหายตัวไปของประมุขและยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนัก ก็เริ่มแพร่กระจายไปในสำนักจันทร์จรัสแสง และทุกคนในสำนักจันทร์จรัสแสงก็ตระหนักได้ถึงหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามา!

 

เพราะเมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป อีก 8 ขุมพลังก็จ้องจะหยิบชิ้นปลามันด้วยกันทั้งสิ้น!

 

ไม่ว่าจะเป็นขุมพลังที่เคยมีสัมพันธ์อันดีกำสำนักจันทร์จรัสแสงมาก่อน หรือขุมพลังที่มีเรื่องราวกับสำนักจันทร์จรัสแสง พอพวกมันพบว่าสำนักจันทร์จรัสแสงไร้ยอดฝีมือในขอบเขตเซียนคุ้มกะลาหัว พวกมันก็เริ่มบังเกิดความโลภในทรัพยากรของสำนัก แต่ละฝ่ายเริ่มลงมือเคลื่อนไหวกันทั้งสิ้น!

 

ไม่นานสำนักจันทร์จรัสแสงก็ถูกผู้คนบุกมาช่วงชิงทุกอย่าง ทรัพย์สมบัติถูกตัดเฉือนหันแบ่งปานชื้นเนื้อหอมหวาน! กระทั่งรุ่นเยาว์ที่พอมีแววก็ไม่เว้นถูกแบ่งสันปันส่วนไปตามแต่ละขุมพลัง!

 

เหล่ารองเจ้าสำนักนั้นเสมือนนกรู้! พวกมันชิงเอาตัวรอดไปก่อนใคร ทั้งพยายามฉกฉวยทรัพยากรล้ำค่าของสำนักแล้วรีบเตลิดหนีไปก่อนที่จะเกิดเรื่อง! ได้กำไรกันไปเป็นกอบเป็นกำนัก!!

 

ส่วนเหล่าอาวุโสและศิษย์ของสำนักจันทร์จรัสแสงที่ไม่รู้จะทำอย่างไ ก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้รุกรานเข้ามากวาดทุกสิ่งอย่างไปต่อหน้าต่อตา อย่างที่ไม่อาจต้านทานอะไรได้…

 

เพียงเวลาแค่ไม่นาน สำนักจันทร์จรัสแสงก็เหลือแต่ชื่อ…

 

กว่าที่พวกหานเฉวี่ยไน่จะมาถึง สำนักจันทร์จรัสแสงก็ไม่อาจเรียกว่าสำนักได้อีกแล้ว

 

ถึงแม้ว่าจะได้รับทราบข่าวของต้วนหลิงเทียนจากอดีตศิษย์ที่ยังคงอาศัยสายแร่หินเซียนบ่มเพาะพลังอยู่ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะหายตัวไป แต่ศิษยี่เหลือก็รู้แค่ว่าต้วนหลิงเทียนได้จากไปแล้วเท่านั้น

 

ส่วนเรื่องอื่นๆพวกมันที่เป็นชนชั้นปลายแถวก็ไม่ได้รู้อะไรมากมาย…

 

ดังนั้นเบาะแสของต้วนหลิงเทียนก็ได้ขาดหายไปที่นี่อีกครั้ง

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านไปอยู่ที่ใดกันแน่…”

 

ใบหน้าของหานเฉวี่ยไน่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะนางรับทราบจากศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงมาว่า ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะหายตัวไป สถานการณ์ของเขาก็ไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไร เห็นว่าได้สังหารขอบเขตเซียนซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างไม่อาจอภัยให้ได้!!

 

ในเมื่อเบาะแสมันขาดหายไปแล้ว หานเฉวี่ยไน่ก็ทำได้แค่ย้อนกลับไปยังคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามพอนางกลับมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีได้ไม่ทันไร ก็ได้ยินจากชิงหนูว่า…ลี่เฟยถูกใครก็ไม่ทราบรับตัวไปพร้อมลูกน้อยเสียแล้ว!

 

“คุณหนูท่านอย่าได้กังวลไป ผู้ที่มารับตัวแม่นางลี่เฟยกับทารก…สมควรเป็นคนของบิดาต้วนหลิงเทียน”

 

ชิงหนูกล่าว “เรื่องนี้ข้าคาดจากวาจาที่คนผู้นั้นกล่าวทิ้งไว้…เห็นว่าแม่นางลี่เฟยเป็นฮูหยินของนายน้อย”

 

“คนของบิดาพี่ใหญ่หลิงเทียนหรือ?”

 

หานเฉวี่ยไน่พอได้ฟังเรื่องนี้ก็พอได้โล่งใจขึ้นมาหน่อย “แล้วมิมีร่องรอยอื่นใดจากผู้ที่พาตัวพี่สาวลี่เฟยไปเลยเหรอ?”

 

“ไม่เลย”

 

ขิงหนูส่ายหัวไปมา หากแต่สีหน้าแววตาของนางก็แลดูลอกแลกเล็กน้อย

 

“หือ? มีเรื่องอะไรอีกงั้นหรือ?”

 

หานเฉวี่ยไน่นั้นเรียกว่าตั้งแต่เด็กจนโตล้วนอยู่กับชิงหนูมาตลอด พอได้เห็นสีหน้าแววตาของชิงหนู ใจนางก็รู้สึกถึงลางไม่ดีทันที

 

ชิงหนูถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง สุดท้ายก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวก่อนที่ลี่เฟยจะจากไปออกมา

 

“เป็นหานจิ้นเหนียนคิดก่อการอุบาทว์กับแม่นางลี่เฟย โชคดีที่คนของบิดาต้วนหลิงเทียนมาช่วยเหลือเอาไว้ได้ทันเวลา หลังจากที่ยอดฝีมือผู้นั้นฆ่าหานจิ้นเหนียนตาย ก็พาตัวลี่เฟยกับทารกน้อยจากไปโดยที่มิมีผู้ใดในคฤหาสน์คลื่นขจีสัมผัสถึงความเคลื่อนไหวได้เลย”

 

ชิงหนูกล่าว

 

“หานจิ้นเหนียน!!”

 

หลังจากที่ได้ทราบว่าหานจิ้นเหนียนคิดล่วงเกินลี่เฟย ใบหน้าหานเฉวี่ยไน่ก็บิดเบี้ยวไปปานยักษ์มาร ลูกตากระจ่างปานสระยามสารทเผยความดุร้ายเย็นเยียบออกมาทันที

 

ตอนนี้ถ้าหากหานจิ้นเหนียนมันมาอยู่ใกล้ๆมือ นางจะฟาดมันให้ตาย!

 

เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน ก็โมโหจนสองตาแดงก่ำ!

 

“คุณหนู…มันถูกฆ่าตายไปแล้ว”

 

พอตระหนักได้ถึงจิตสังหารจากหานเฉวี่ยไน่และเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 ชิงหนูพลันกล่าวสืบต่อ

 

“ตายได้ดี!!”

 

เสี่ยวเฮยกำหมัดพร้อมคำรามออกมาอย่างสะใจ

 

เสี่ยวจินกับเสี่ยวไป๋ก็พักหน้าด้วยความถูกใจ ยังเผยให้เห็นว่ายินดีปรีดาไม่น้อย!

 

“วาจาเหล่านี้เพียงกล่าวกันแค่นี้เถอะ…หากอาวุโสหานซิ่นมาได้ยินเข้าเดี๋ยวจักเป็นเรื่องเอา”

 

ชิงหนูระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน

 

“มันรู้แล้วจะอย่างไร!?”

 

หานเฉวี่ยไน่แสยะยิ้มเย้ยออกมาด้วยสายตาเย็นชา “ตัวอุบาทว์หานจิ้นเหนียนมันสมควรตายแล้ว! ยังดีที่มันก่อการอุบาทว์ไม่สำเร็จ หาไม่แล้ววันหน้าข้ามิรู้จะพบหน้าพี่สาวลี่เฟยกับพี่ใหญ่หลิงเทียนอย่างไร! และถ้าหากมันยังไม่ตายข้านี่ล่ะจะรีบไปฆ่ามันเดี๋ยวนี้! ต่อให้อาวุโสหานซิ่นจะมีโมโหก็ช่างหัวมันไปสิ!!”

 

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรหานจิ้นเหนียนก็ตายไปแล้ว

 

ด้วยเหตุนี้โทสะของหานเฉวี่ยไน่จึงสงบลงได้ในเวลาอันสั้น “เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือค้นหาว่าพี่สาวลี่เฟยถูกผู้ใดพาตัวไป…ข้ามั่นใจว่ายอดฝีมือที่เข้ามาพาตัวพี่สาวลี่เฟยไปต้องทรงอย่างยิ่ง ถึงขั้นที่สามารถพาตัวพี่สาวลี่เฟยไปภายใต้จมูกยอดฝีมือของตระกูลหานเราโดยที่มิมีผู้ใดรู้ตัว! ดูเหมือนว่าฐานะของบิดาพี่ใหญ่หลิงเทียนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจักมิใช่ธรรมดาเสียแล้ว!!”

 

ถึงแม้คาดว่าลี่เฟยน่าจะถูกคนของบิดาต้วนหลิงเทียนพาตัวไป แต่หานเฉวี่ยไน่ก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อทั้งหมด และอยากรู้ไม่น้อยว่าลี่เฟยถูกพาตัวไปที่ใดกัน

 

อย่างไรก็ตาม หานเฉวี่ยไน่คงไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าลี่เฟยจะถูกพาไปอยู่ที่ตำหนักเมฆาครามแล้ว!

 

ตำหนักเมฆาครามนั้นเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ไม่ใช่อะไรที่ขุมพลังชั้น 5 อย่างคฤหาสน์คลื่นขจีจะมีสัมพันธ์ด้วยได้ เช่นนั้นเรื่องตามหาตัวลี่เฟยคงยากที่จะกระทำได้…

 

ในตำหนักเมฆาครามที่ลอยล่องเหนือฟ้าห่างไกลจากความวุ่นวาย ลี่เฟยที่ถูกพาตัวมาก็ได้พบเจอกับลี่หรัวอีกครั้ง ทำให้ลี่หรัวมีความสุขความยินดีนัก

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางได้เห็นทารกที่อยู่ในอ้อมแขนลี่เฟย นางก็ตื่นเต้นยินดีสุดที่จะหาใดเปรียบ แย้มยิ้มไม่หุบ “ข้ามีหลานชายแล้ว ข้ามีหลานชายแล้ว!”

 

ทว่าหลังจากที่ตื่นเต้นไปพักใหญ่ ลี่หรัวพลันได้สติ เร่งหันกลับมาถามลี่เฟยทันที “แล้วเค่อเอ๋อเล่า? ก่อนที่ข้าจะออกจากทวีปเมฆาล่อง ข้าได้ยินเทียนเอ๋อบอกว่าเจ้าอยู่กับเค่อเอ๋อมิใช่หรือ?”

 

ได้ยินคำถามนี้ของลี่หรัว ลี่เฟยพลันนิ่งเงียบไป สองตาอันงดงามของนางเริ่มสั่นระริกยังเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาทันที

 

“เกิดอะไรขึ้น?!”

 

ลี่หรัวพลันสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา

 

“น้าหรัว…”

 

ทว่าทันทีที่ลี่เฟยกล่าวออกมา ก็ถูกลี่หรัวขัดเอาไว้ก่อน “เจ้าให้กำเนิดหลานชายข้าแล้ว ยังเรียกหาข้าว่าน้าอีกหรือ…”

 

“ท่านแม่…”

 

พอเปลี่ยนวาจาเรียกหา ในที่สุดลี่เฟยก็ยากระงับสืบไป หยาดน้ำตาพลันไหลพรากออกมารดแก้มงามเป็นสาย

 

ไม่นานลี่หรัวก็ได้รับทราบเรื่องราวทุกอย่างจากปากลี่เฟย และทั้งหมดที่นางทราบก็คือสิ่งที่ต้วนหรูเฟิงรู้อยู่แล้ว

 

รวมถึงเรื่องการหายตัวไปของต้วนหลิงเทียน กระทั่งเรื่องที่เค่อเอ๋อถูกผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นพี่สาวฝาแฝดพาตัวไป…

 

หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ร่างลี่หรัวพลันสะท้านไปทันที สีหน้ายังซีดเซียวลงอย่างมาก “เรื่องทั้งหมดนี้…พ่อเจ้ารู้หรือไม่?”

 

“ท่านพ่อทราบแล้ว”

 

ลี่เฟยพยักหน้า

 

ลี่หรัวได้ยินดังนั้นก็เร่งส่งเด็กน้อยในอ้อมอกคืนลี่เฟยไป ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปหาต้วนหรูเฟิงทันที

 

“หรัวเอ๋อ…เจ้ารู้เรื่องแล้วหรือ?”

 

เมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีของลี่หรัวที่บุกเข้ามาหา ต้วนหรุเฟิงย่อมคาดเดาเรื่องราวได้ อดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจ

 

“พี่รู้ว่าเจ้าคิดกล่าวเรื่องอะไร…พี่ได้ส่งคนอกไปตามหาตัวเทียนเอ๋อแล้ว ส่วนเค่อเอ๋อนั้น…เพราะนางถูกคนของลัทธิบูชาไฟพาตัวไป พี่ไร้อำนาจทำอะไรในเรื่องนี้ได้ เรื่องนี้นางต้องพึ่งโชคชะตาของนางเองแล้ว…”

 

วาจาท้ายประโยคของต้วนหรูเฟิงก็เผยให้เห็นถึงความอับจนหนทาง

 

“พึ่งโชคชะตาของนางเอง?”

 

ลี่หรัวตัวสั่นระริกไปโดยพลัน สองตายังเริ่มแดงรื้นขึ้นมา ไม่นานหยาดน้ำตาสองสายเริ่มไหลริน กล่าวออกด้วยเสียงสั่นเครือ คล้ายรับไม่ไหวใกล้พังทลายเต็มที “ท่านพี่หมายความว่า…ข้าได้แต่ฝากชีวิตของนางกับหลานข้าไว้กับสวรรค์งั้นหรือ?”