เฮ่อหว่านอีกับถังซีเดินไปหลังเวที ไม่มีใครกล้าพูดจาเสียดสีถังซีเพราะมีเฮ่อหว่านอีมาด้วย เมื่อถังซีเห็นว่าเฮ่อหว่านอียังคงอยู่ที่หลังเวทีก็อดถามไม่ได้ “พี่หว่านอี จะรอส่งฉันขึ้นบนเวทีเหรอคะ”
“แหม คนสวย อย่าเพิ่งรีบไล่พี่สิ พี่อยู่ที่นี่จะได้ไม่มีใครรังแกเธอไง ดีออก” เธอนั่งลงบนเก้าอี้แล้วเลิกคิ้ว “แล้วอีกอย่างของขวัญของพี่ก็ยังไม่มาถึง ไม่เห็นต้องรีบ”
ถังซีได้ยินอย่างนี้ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ เธอ เฮ่อหว่านอีนั่งเฉยอยู่บนเก้าอี้ คอยสังเกตเด็กผู้หญิงหลายคนที่อยู่ด้านข้างถัดออกไป ซึ่งมองมาที่เธอกับถังซี เธอยิ้มแล้วจู่ๆ ก็ลุกขึ้น “พี่ไปห้องน้ำก่อนนะ รอแป๊บหนึ่ง”
ถังซีพยักหน้า เฮ่อหว่านอีเดินจากไป ในเวลานี้กลุ่มเด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไปจ้องมาที่ถังซีด้วยท่าทางหยิ่งจองหอง ในดวงตามีประกายร้ายกาจวาววับ ถังซีเลิกคิ้วมองพวกเธอตาไม่กะพริบ “มีอะไรเหรอ”
“เฮ้ เซียวโหรวเราได้ยินมาว่าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัว ขับไล่คุณครูหัวหน้าระดับออกจากโรงเรียน ทำตัวโดดเด่นแย่งความสนใจจากพวกเราบนพรมแดง และให้ดาราใหญ่มาปกป้องเธอ คิดว่าเธอเลิศเลอนักหรือไง คิดว่าเธออยู่เหนือพวกเราเหรอ!” เด็กสาวมองถังซีอย่างถากถาง “เธอคิดว่าเธอได้รับอภิสิทธิ์ทั้งหมดนี้เพราะตัวเธอเอง เพราะความเก่งกาจของเธอหรือ เปล่าเลย! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะอิทธิพลของครอบครัวเธอต่างหาก!”
ถังซีฟังพวกเธอด้วยรอยยิ้มและไม่อยากพูดอะไร หนึ่งในเด็กหญิงเหล่านั้นขมวดคิ้ว ตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธเมื่อเธอเห็นถังซียังคงนิ่งเงียบ “เฮ้! หัวหดไม่กล้าแม้แต่จะตอบพวกเราเหรอ”
“ฉันขี้เกียจตอบ” ถังซีนั่งลงบนเก้าอี้ เงยหน้ามองพวกเธอ แม้ว่าเธอจะนั่ง แต่รัศมีเจิดจรัสของเธอก็ครอบงำไปทั่วบริเวณ หญิงสาวกล่าวอย่างเฉยเมยและเยือกเย็น “ในเมื่อพวกเธอก็รู้อยู่แล้วว่าครอบครัวฉันมีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้พวกเธอถูกไล่ออกจากโรงเรียนได้ แล้วทำไมถึงยังกล้ามายุ่งกับฉัน ทำไมไม่กลัวว่าฉันจะทำกับพวกเธอเหมือนกับที่ทำกับครูคนนั้นล่ะ”
“เธอ!” เด็กหญิงคนหนึ่งกล่าวอย่างโกรธแค้น และเด็กหญิงอีกคนตะโกนว่า “เธอไม่กล้าหรอก!”
“พวกเธอก็พยายามห้ามฉันให้ได้สิ” กล่าวจบถังซีก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาเซียวจิ่ง เธอโบกโทรศัพท์ในมือให้พวกเด็กสาว แล้วยิ้มอย่างเย็นชา “พวกเธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนใจแคบและอาฆาตพยาบาท ทำไมยังมาก่อกวนฉัน อยากเดินเข้าหาความตายเหรอ”
ในที่สุดเธอก็รู้ว่าทำไมพี่หว่านอีจึงยืนกรานที่จะตามเธอมาหลังเวที เป็นเพราะเธอจะต้องเจอปัญหาที่นี่ การสนทนากับพี่หว่านอี พูดคุยเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทเธอ ยังจะดีกว่าทำสงครามปากโง่ๆ กับเด็กผู้หญิงงี่เง่าพวกนี้
เด็กผู้หญิงคนหนึ่งรีบเข้ามาคว้าโทรศัพท์จากเธอ เมื่อเห็นถังซีกำลังกดหมายเลข ทันใดนั้นเสียงของเฮ่อหว่านอีก็ดังขึ้นด้านหลังของทุกคน “เธอกำลังทำอะไร!”
เด็กสาวตกใจ เฮ่อหว่านอีรีบเดินเข้าไป เด็กผู้หญิงคนหนึ่งทักทายเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ “พี่หว่านอีคะ เรา…”
“หวงเสี่ยวอี้ อะไรที่ทำให้เธอคิดว่าเธอกลั่นแกล้งคนอื่นได้เหรอ เพราะบริษัทพ่อเธอได้รับการสนับสนุนการลงทุนจากตระกูลเฮ่อของเรางั้นเหรอ” เฮ่อหว่านอีจ้องหน้าเด็กผู้หญิงที่ตั้งตัวเป็นศัตรูต่อถังซี และกล่าวอย่างเยือกเย็น
“ไม่ใช่ค่ะ พี่หว่านอี” หวงเสี่ยวอี้รีบขอโทษถังซี “ขอโทษนะเซียวโหรว ฉันไม่ได้ตั้งใจจะกลั่นแกล้งเธอ”
ถังซียักไหล่ พอดีกับที่เซียวจิ่งรับโทรศัพท์เธอ เมื่อได้ยินเสียงเขาทางโทรศัพท์ ถังซีก็ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู หัวใจบรรดาเด็กสาวกลุ่มนั้นหล่นวูบอย่างแรง เมื่อพวกเธอเห็นการกระทำของถังซี เซียวจิ่งได้ยินเสียงเฮ่อหว่านอีจากในโทรศัพท์จึงถามอย่างร้อนรน “โหรวโหรว มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอหรือเปล่า”
ถังซีรู้สึกอบอุ่นหัวใจเมื่อเธอได้ยินคำพูดนี้ แต่เธอสามารถแก้ปัญหาน่ารำคาญเล็กๆ น้อยๆ นี้ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรบกวนเซียวจิ่ง เธอโทรหาเซียวจิ่งไม่ใช่จะฟ้องเขา แต่ด้วยจุดประสงค์อื่น เธอกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีอะไรค่ะ การแสดงกำลังจะเริ่มเดี๋ยวนี้แล้ว ฉันยังไม่เห็นพี่เข้ามาในหอประชุม ก็เลยโทรหาพี่ ให้พี่รีบเข้ามา ฉันเป็นคนแรกที่จะแสดง และฉันจะเล่นเปียโน”
ตอนนี้การแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
เมื่อถังซีพูดถึงเปียโน เธอสังเกตเห็นเด็กสาวคนหนึ่งแอบยิ้มเยาะ ถังซีหรี่ตามองเฮ่อหว่านอี ซึ่งยักคิ้ว และส่งสายตาเป็นคำถามมาให้เธอ ถังซีจับมือเฮ่อหว่านอีแล้วเอ่ยถามเบาๆ “พี่หว่านอีคะ ฉันจำได้ว่าพี่บอกว่า ของขวัญที่พี่จะให้ฉันจะช่วยฉันได้ในเวลาวิกฤติใช่ไหมคะ”
เฮ่อหว่านอียิ้มเลิกคิ้วแล้วกระซิบว่า “แน่นอนจ้ะ พี่เรียนโรงเรียนนี้มาสามปี รู้จักลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ ของนักเรียนพวกนี้ดี รออีกสองนาที ของขวัญของพี่กำลังจะมาถึงเดี๋ยวนี้แล้ว”
ถึงตอนนี้พิธีกรก็มาตามถังซี ได้เวลาทำการแสดงแล้ว ถังซีกำลังจะไปขึ้นเวทีเมื่อมีทีมงานเข้ามาบอกว่า “สายเปียโนมีปัญหา ดูเหมือนว่ามีใครบางคนมาแอบตัด! เซียวโหรวไม่สามารถทำการแสดงได้แล้วตอนนี้ เราจะข้ามรายการของเธอไปเป็นรายการถัดไปเลยได้ไหม”
“ไม่ได้!” เฮ่อหว่านอีขมวดคิ้ว กล่าวว่า “การแสดงรายการแรกมีความสำคัญมาก คณะกรรมการกำลังรอชมอยู่หน้าเวที! คุณจะยกเลิกการแสดงรายการแรกไม่ได้ เราไม่อนุญาต”
“แต่เปียโนพังไปแล้ว เราจะปล่อยให้ผู้ชมรออยู่หน้าเวทีแบบนี้ไม่ได้” พิธีกรบอก เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด แม้จะรู้สึกโกรธหน่อยๆ แต่ก็กล่าวอย่างสุภาพ เพราะเฮ่อหว่านอีเป็นดาราที่โด่งดังมาก
เฮ่อหว่านอีเลิกคิ้ว “ใครบอกว่าเซียวโหรวจะแสดงไม่ได้ ถ้าไม่มีเปียโนตัวนี้”
ถังซีหันไปหาเฮ่อหว่านอี ถามด้วยความประหลาดใจ “ของขวัญของพี่คือเปียโนเหรอคะ”
เฮ่อหว่านอียักไหล่ มองถังซีแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เธอฉลาดมาก จนพี่หมดความรู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จเลย”
ถังซียิ้ม เข้าไปกอดเฮ่อหว่านอีและยิ้มหวาน “พี่หว่านอีคะ พี่ใจดีกับฉันที่สุดเลย ขอบคุณนะคะ”
โดยไม่สนใจบรรดาเด็กสาวที่หน้าคว่ำอย่างเคืองแค้น เฮ่อหว่านอีตบหลังถังซีเบาๆ กล่าวว่า “ถ้างั้นก็ไปคว้าตำแหน่งดาวโรงเรียนได้เลย!”
ถังซียิ้ม แล้วยักคิ้ว “ตกลงค่ะ”
ทีมงานขนเปียโนขึ้นไปบนเวทีเรียบร้อย ถังซีหันไปมองเฮ่อหว่านอี แล้วหันหลังเดินไปขึ้นเวที ทันทีที่เธอก้าวขึ้นเวที หอประชุมก็กึกก้องด้วยเสียงปรบมืออย่างอบอุ่น
“ดูสิ! นั่นราชินีพรมแดงนี่! ฉันไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนแสดงคนแรก!”
“พระเจ้า เธอช่างงดงาม! เธอเหมือนราชินีในเทพนิยายสักเรื่องหนึ่งเลย!”
“นั่นเซียวโหรวไม่ใช่หรือไง เธอจะเล่นเปียโนได้เหรอ เธอไม่ได้โตขึ้นมาบนภูเขาหรอกหรือ เธอเล่นได้จริงๆ ไหม เธอรู้หรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่”
“ฉันพนันได้เลยว่าเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ‘โด’ ‘เร’ ‘มี’ คืออะไร! เธอแค่จะสร้างภาพให้ตัวเองดูดีน่ะสิ!”