ตอนที่ 333 ข่มขวัญ / ตอนที่ 334 ไฉนตอนแรกถึงเลือกเจ้าเข้าจวน

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 333 ข่มขวัญ

 

 

 

 

น่าอวี้เล่าเรื่องราวระหว่างความแค้นของนางและเจี่ยงเหว่ยตั้งแต่ต้นจนจบ รายละเอียดทั้งหมดให้เฝิงเยี่ยไป๋ฟัง รวมถึงที่นางยืมดาบฆ่าคนฆ่าลูกชายเจี่ยงเหว่ยอย่างไร พอพูดจบ ก็พูดสิ่งที่เสี่ยงจะล่วงเกินเขาว่า “ตอนที่ฝ่าบาทเลือกข้านั้น เพื่อจะได้ผูกสัมพันธ์กับจวนท่านอ๋อง เขาแทบจะไล่ให้ข้าแต่งเข้ามา หากข้าไม่แต่งก็เอาน้องชายข้ามาขู่ข้า สัตว์เดรัจฉานนี้ ข้าจะต้องฆ่าเขาให้ได้!”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ชื่มชมผู้หญิงที่ฉลาด แต่ก็เพียงแค่ชื่นชมเท่านั้น อยู่ร่วมกับผู้หญิงที่ฉลาดไม่ต้องพูดมาก พูดไปเล็กน้อยก็เข้าใจแล้ว แต่หากจะแต่งกลับมาเป็นภรรยาแล้วละก็ ยังเป็นเว่ยเฉินยางที่เหมาะกับเขา โง่สักหน่อย มีความเจ้าเล่ห์เล็กน้อยในบางครั้งก็พอให้มีความสุขแล้ว เมื่อต้องอยู่ด้วยกันก็ไม่ต้องกังวล สบายใจดี

 

 

เพียงแต่สำหรับเขาแล้วน่าอวี้นั้นแตกต่างออกไป แม่นางผู้นี้มีแผนการมีความกล้ากลับไม่ได้เ**้ยมโหดเลย สามารถหาหลักฐานได้ แถมยังนึกถึงวิธียืมดาบฆ่าคนเช่นนี้อีก หากนางเจ้าเล่ห์ขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่ง่ายๆ แน่นอน นอกจากชื่นชมแล้ว ยังต้องระวังไว้เสียหน่อย ทุกเรื่องระวังเอาไว้ไม่ใช่เรื่องเสียหาย

 

 

จนหลังเที่ยงคืนน่าอวี้ถึงได้กลับไปที่ห้องของตัวเอง อวี๋เอ๋อร์ตำหนินางว่าไม่ควรพูดเรื่องของเจี่ยงเหว่ยออกมา หากตั้งแต่นี้เฝิงเยี่ยไป๋คิดว่านางเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้ง วันหลังอย่าว่าแต่แย่งชิงความรักเลย ระแวงนางยังไม่ทันเลย!

 

 

น่าอวี้กลับทำท่าไม่ใส่ใจนัก “ฮ่องเต้เพื่อจะจัดการเขาสร้างความเคลื่อนไหวใหญ่เช่นนี้ก็เพียงพอที่จะบอกว่าเขานั้นไม่ใช่คนง่ายๆ นัก ในเมื่อไม่ง่าย เช่นนั้นจะมากจะน้อยเขาก็มีความระแวงกับทุกคน ไม่สืบเบื้องลึกของพวกเราให้หมดเขาไม่วางใจแน่ แทนที่จะรอให้เขามาสืบออกมาแล้วสงสัยอีก ไม่สู้พูดเองไปเสีย ความขัดแย้งระหว่างข้าและเจี่ยงเหว่ย อย่างน้อยก็ตัดความสงสัยเรื่องที่ข้าเป็นคนที่ฮ่องเต้ส่งมา ต่อให้เขาสงสัยข้า ก็เพียงกังวลว่าข้าจะเป็นภัยต่อเฉินยาง พวกเราขอแค่เอาใจพระชายาผู้นี้อย่างระวัง อยู่ที่เขานั้นพอมองผ่านไปได้ก็พอแล้ว”

 

 

อวี๋เอ๋อร์พูดด้วยความกังวลอีกว่า “หากถูกเขารู้เข้า พวกเราไม่…”

 

 

“ไม่!” นางทำสีหน้าเคร่งเครียดทันที “ตอนนี้มีเพียงเฝิงเยี่ยไป๋เท่านั้นที่ช่วยน่ายงได้ ข้าต้องช่วยน่ายงออกมาก่อนถึงจะคิดเรื่องอื่นได้”

 

 

ถูกคนกุมจุดอ่อนเอาไว้ จะทำอะไรก็ไม่ถนัด ไม่ช่วยน่ายงออกมา อย่างไรเสียนางก็ไม่วางใจ

 

 

ค่ำคืนนี้เฉินยางหลับได้ไม่สงบนัก ความฝันในตอนกลางคืนนั้น นางฝันเห็นเฝิงเยี่ยไป๋กอดน่าอวี้ไว้ ทั้งสองคนพูดคุยกันสนิทสนมเดินผ่านหน้านาง ในอ้อมกอดยังมีเด็กทารกอยู่ เฝิงเยี่ยไป๋ชี้นางพูดว่า “ข้าไม่เอาเจ้าแล้ว” จากนั้นก็ยื่นหนังสือหย่าให้นางไป น่าอวี้อิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเฝิงเยี่ยไป๋ยิ้มให้นาง เด็กทารกที่อยู่ในอ้อมกอดพวกเขานั้นไม่ได้ร้องไห้ แต่กลับยิ้มอยู่ จากนั้นทุกคนก็หัวเราะนาง สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน บอกว่านางไม่เจียมตัว ไม่คู่ควรกับเฝิงเยี่ยไป๋

 

 

เช้าวันถัดมานางตกใจตื่นขึ้นมา ลืมตาก็เห็นใบหน้าซั่งเหมยกับซั่งเซียง ทั้งสองคนนี้ลูบอกตัวเองด้วยท่าทางหวาดผวา “ท่านตื่นเสียที เมื่อครู่ท่านฝันร้ายรู้หรือไม่ พูดอย่างเดียวว่าไม่เอาๆ ทำเอาบ่าวตกใจแทบแย่”

 

 

ซั่งเซียงเก็บม่านขึ้น เห็นสองตาของนางก็ตกใจ “นายหญิงของข้า เมื่อคืนท่านร้องไห้หรือ ดูตาของท่านบวมเช่นนี้แล้ว พระชายารองทั้งสามท่านที่อยู่ข้างนอกมาน้อมทักทายท่านแต่เช้าเลย เพียงแต่สภาพของท่านเช่นนี้จะพบคนได้อย่างไร”

 

 

เฉินยางตกใจนั่งตัวตรง “มาตั้งแต่เช้าแล้วหรือ เร็วๆ เข้า อย่าให้พวกนางรอนาน โอ๊ย ไฉนพวกเจ้าถึงไม่ปลุกข้า”

 

 

ซั่งเหมยกลับเก็บของให้นางอย่างช้าๆ ด้วยความจงใจ “รีบร้อนอะไรกัน ก็ควรจะข่มขวัญพวกนางเสียหน่อย ไม่เช่นนั้นพวกนางจะข่มท่านก่อนเอาได้”

 

 

 

 

——

 

 

 

 

ตอนที่ 334 ไฉนตอนแรกถึงเลือกเจ้าเข้าจวน

 

 

 

 

ทำอยู่เรื่อยไป รอให้เก็บกวาดเสร็จแล้วมาที่โถงใหญ่ เวลาก็ยังช้าไปชั่วหนึ่งก้านธูป[1]

 

 

น่าอวี้ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังคงมีสีหน้ามีความสุข เพียงแต่ทั้งสองคนที่เหลือนั้นไม่ได้มีสีหน้าที่ดีเท่าไรนัก ก่อนจะน้อมทักทาย ก็ทำเสียงหึเบาๆ ไม่แม้จะมองตรงไปที่เฉินยาง

 

 

ซั่งเหมยอารมณ์ร้อนทนไม่ได้ นางหึเบาๆ อ้าปากพูดขึ้นมาว่า “พระชายารองทั้งสองท่าน คงไม่ใช่ว่าไม่ได้เรียนระเบียบจากในบ้านกระมัง เหนียงเหนียงพวกเราเป็นพระชายาตัวจริง ทั้งสองท่านทำตาขาวใส่นี้หมายความว่าอย่างไร ดูถูกคนหรือ”

 

 

เฉินยางก็เห็นแล้ว ตาขาวที่กลอกตามองบนใส่นั่นแทบจะขึ้นฟ้าไปแล้ว เหมือนดั่งกลัวว่านางจะไม่เห็นความดูถูกของสายตาพวกนางเช่นนั้น ตอนแรกนางคิดจะให้ทุกคนอยู่ด้วยกันดีๆ วันหลังก็ได้เป็นเพื่อนกันชีวิตก็ได้ราบรื่น เพียงแต่นี่เป็นพวกนางที่มาหาเรื่องนางก่อน เฉินยางก็นึกถึงฝันของเมื่อคืน ก็กระตุกในใจขึ้นมา ฝันนั้นไม่ใช่เป็นรางหรือ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางยังจะอยู่ต่อไปได้อีกหรือ

 

 

นางก็อยากเ**้ยมโหดสักครั้ง เรียกคนใช้มา ก็มีคนส่งแส้กับมือนาง จากนั้นก็ฟาดสองคนนี้เสีย แต่ก็ได้เพียงแค่คิด จะให้นางฟาดจริงๆ นางก็ฟาดไม่ลง สุดท้ายจึงได้แต่กัดฟัน แล้วกระฟัดกระเฟียดเหมือนดั่งเด็กไม่สนใจสองคนนั้น นางลุกขึ้นยืน แล้วไปจูงมือน่าอวี้อย่างสนิทสนมว่า “เจ้ามาก็ดีแล้ว เจ้ามาแล้วข้าก็มีเพื่อน เมื่อคืนหลับสบายหรือไม่ พวกเราสองคนอยู่ใกล้กัน วันหลังจะคุยกันก็สะดวก”

 

 

น่าอวี้ป้องปากยิ้ม “ก็จริง ข้ากำลังคิดอยู่เลย แต่ก็กลัวท่านจะหึงหวงแล้วไม่สนใจข้า เพียงแต่ยามนี้ได้ยินท่านพูดเช่นนั้นข้าก็สบายใจแล้ว”

 

 

สองคนนั้นเห็นเฉินยางไม่สนใจพวกนาง จึงสบตากันแล้วพูดว่า “ในเมื่อพระชายามีคนที่พูดคุยได้แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ขอลาไปก่อน จะได้ไม่รบกวนพวกท่านคุยกัน”

 

 

ดูท่าทางของเฉินยางเข้า พวกนางทำตาขาวใส่นาง ยังไม่สั่งสอนพวกนางอีกหรือ อารมณ์ใหญ่ยิ่งกว่านางอีก นางเหมือนเจ้านายเสียที่ใด พวกนางถึงเป็นเจ้านายมากกว่ากระมัง!

 

 

เฉินยางโมโหขึ้นมา นางตบโต๊ะ ความโกรธพุ่งขึ้นมา เรียกสองคนนั้นที่กำลังจะก้าวออกจากประตู “หยุดเดี๋ยวนี้! ข้าให้พวกเจ้าไปแล้วหรือ จะไปก็ไป ไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแล้วกระมัง!”

 

 

ซั่งเหมยคิดในใจว่าเจ้านายคนนี้ฉลาดขึ้นมาเสียที จึงยิ่งได้ใจว่า “พระชายารองทั้งสองท่าน ท่านยังไม่ได้น้อมทักทายเจ้านายพวกเราเลย รีบร้อนเช่นนี้คือจะไปที่ใดหรือ”

 

 

หลานสาวของเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่อก็อารมณ์ร้อน นางมีชื่อที่ไพเราะว่า ‘ซ่งจู’ เพียงแต่ยามที่พูดกลับเหมือนดั่งประทัด “เจ้าเป็นเพียงคนใช้ เจ้านายของพวกเจ้ายังไม่ได้ถามข้าเลย ถึงที่ให้เจ้าอ้าปากแล้วหรือ”

 

 

ลูกสาวของปราชญ์มหาสำนักกลับสงบนิ่ง อย่างไรเสียพ่อของนางก็เป็นนักปราชญ์ การสั่งสอนในบ้านวางอยู่ตรงนั้น ในใจจะดูถูกอย่างไร ก็ไม่ถึงกับด่ากราดไปทั่ว มีคนออกหน้าให้ นางก็ยืนดูเรื่องสนุกอยู่ตรงนั้นก็พอแล้ว

 

 

แม้ว่าปกติซั่งเหมยจะใช้ไม่ค่อยได้นัก เพียงแต่ยามที่ปรนนิบัตินางก็ยังถือว่าทำเต็มที่ วันนี้นางออกหน้าเพื่อนาง นางจะยืนดูอยู่เช่นนั้นก็ไม่ได้กระมัง นางยืนออกมาขวางอยู่ข้างหน้าซั่งเหมย เชิดคางพูดว่า “นางเป็นคนของข้า คำพูดที่ออกมาย่อมเป็นข้าที่อนุญาต ไฉนถึงไม่ใช่ที่ให้นางอ้าปากแล้ว ยังจะเป็นหลานสาวเจ้ากรมศาลต้าหลี่ซื่ออีก ไฉนตอนแรกข้าถึงดลือกเจ้าเข้ามาในจวนแล้ว”

 

 

ซ่งจูหึเบาๆ พูดว่า “ทั้งๆ ที่ท่านอ๋องเป็นคนเลือกพวกเราเข้าจวน แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า”

 

 

ซั่งเหมยยิ้มพูด “มองดูก็รู้ว่าท่านเป็นคนไร้ความรู้ คนที่จะเป็นพระชายารองล้วนเป็นเจ้านายของพวกเราที่เลือกให้ท่านอ๋อง เจ้านายของพวกเราเลือกว่าเป็นใครก็คือคนนั้น พูดตามตรง คนที่ยกให้พวกเจ้าเข้ามาในจวนท่านอ๋องได้ก็คือเจ้านายพวกเรา!”

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] ชั่วหนึ่งก้านธูป หน่วยบอกเวลาในสมัยโบราณ ประมาณ 30 นาที