ตอนที่ 317 ไม่ให้เจ้าร่วมหอ
เมื่อถูกชายชราดุเข้าให้เช่นนี้ ทั้งสองจึงเงียบไป
หลังจากทานอาหารแล้ว ท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดมิดลง ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันจากไป
ชายชราโบกมืออย่างไม่ใส่ใจนัก “พวกเจ้ารีบไปเถิด หากอยู่กันที่นี่ข้าจะนอนไม่หลับเอา อย่าลืมเอาตัวแม่นางน้อยที่นอนสลบอยู่บนเตียงไปด้วยล่ะ ก่อนไปก็ทิ้งเงินไว้เป็นค่าเสบียงให้ข้าด้วย”
“ข้าไม่ให้ ท่านจะทำไม” อวี้อาเหราหัวเราะเยาะ
“นางหนูคนนี้ ชอบรังแกข้าอยู่เรื่อยเชียว!” ชายชราก่นด่า
ทั้งสองเริ่มต้นต่อล้อต่อเถียงกันตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ จนทำให้ผู้ที่มองอยู่ถึงกับหัวเราะ
ชายชราไม่อยากจะเถียงกับนางอีก เช่นนั้นจึงพูดขึ้นอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า “รีบไปหยิบของแล้วก็ไปเสียที ช่างขัดหูขัดตาข้ายิ่งนัก วันนี้ข้าได้พบเจ้าก็ลดอายุข้าไปได้หลายปีแล้ว สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับข้ายิ่งนัก…”
“ข้าไปก็ได้ ท่านไม่ต้องร้องไห้อ้อนวอนสวรรค์หรอกน่า” อวี้อาเหรามองการแสดงเกินจริงของชายชราอย่างเบื่อหน่ายจนหมดวาจาที่จะพูด
ตอนที่มาพวกเขาก็ไม่ได้มีของอะไรมากมายนัก ดังนั้นจึงกลับไปมือเปล่า มีเพียงเจาเอ๋อร์ที่จัดการได้ยากหน่อย สภาพของนางในตอนนี้ก็คงไม่อาจจะเดินทางได้ จะต้องหาคนมาช่วยแบกนาง อวี้อาเหรามองไปทางผู้คนที่อยู่รายล้อม สุดท้ายแล้วสายตาก็หยุดลงที่ร่างของหานสือ “เห็นว่าความสัมพันธ์ของเจ้ากับเจาเอ๋อร์นั้นไม่เลวนัก เช่นนั้นเจ้าก็มาแบกนางเถิด”
“คุณหนูรอง ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน…” หานสือก้มหน้าลงด้วยสีหน้าแดงก่ำ
อวี้อาเหราพลันรู้สึกขันขึ้นมา “ข้าไม่ได้ให้เจ้าอุ้มเจาเอ๋อร์เข้าห้องหอเสียหน่อย จะหน้าแดงไปทำไมกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น คนที่อยู่ที่นั่นทั้งหมดก็หัวเราะพรืดออกมาทันที
ใบหน้าของหานสือที่แดงอยู่แล้วก็ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ จนดูเหมือนผลแอปเปิ้ลสุก
สุดท้ายแล้ว เขาก็กลายเป็นคนที่แบกเจาเอ๋อร์แล้วออกเดินทาง
พวกเขาสวมหน้ากากแล้วเดินทางออกจากตลาดมืด แม้ปากอวี้อาเหราจะพูดเช่นนั้นแต่ก่อนที่จะออกเดินทาง นางก็ได้มอบเงินให้ชายชราเป็นจำนวนมาก แล้วจึงกลับมายังโรงเตี๊ยม หลงจู๊เจ้าของโรงเตี๊ยมไม่เห็นพวกนางเสียทั้งวันก็คิดว่าคงเกิดเรื่องจนไม่กลับมาแล้ว ทว่าเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงเสียจนต้องยืนขึ้นอยู่หน้าโต๊ะเก็บเงินไร้ปฏิกิริยาตอบรับ
อวี้อาเหราคร้านจะสนใจเขา เพียงใช้สายตาส่งให้ชิงอวิ๋น “เอาของมาให้ข้า”
ชิงอวิ๋นเข้าใจขึ้นมาทันที จากนั้นก็ส่งปิ่นรูปหงส์ให้นาง
หลังจากที่นางนำเอากล่องบุผ้าสอดเข้าไปในแขนเสื้อ เมื่อหันไปมองฉู่ป๋ายแล้วก็หันไปสั่งหานสือว่า “เจ้าแบกเจาเอ๋อร์ไปยังห้องของนางเถิด ข้ามีเรื่องจะคุยกับซื่อจื่อของเจ้า”
“ขอรับ” หานสือที่แบกเจาเอ๋อร์มาตลอดทาง แน่นอนว่าต้องรู้สึกไม่สบายตัวเป็นแน่ ในยามนี้เขาเหนื่อยหอบมาเสียนานแล้ว โชคยังดีที่มีรถม้า เพราะมิเช่นนั้นหากจะต้องแบกนางมาจากตลาดมืดก็คงเปลืองแรงน่าดู
อวี้อาเหราและฉู่ป๋ายเดินไปข้างบน ก่อนจะเข้าไปยังห้องของนาง
หลังจากที่ปิดประตูลง นางก็นำกล่องบุผ้าออกมาจากแขนเสื้ออย่างลับๆ ล่อๆ ก่อนที่จะส่งมันให้กับเขา หลังจากที่ฉู่ป๋ายกวาดตามองเล็กน้อย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งสงบ แล้วพยักหน้าลง “ของชิ้นนี้งดงามมากจริงๆ เหมาะสมแล้วกับราคาสิบห้าตำลึงทอง”
“เท่านี้เองหรือ ไม่มีอะไรจะพูดอีกหรืออย่างไร” อวี้อาเหราชะงัก
“ไม่มีแล้ว” ฉู่ป๋ายพยักหน้าลงอย่างจริงจัง
อวี้อาเหราระบายความผิดหวังออกมา นางก็คิดว่าของสวยงามถึงเพียงนี้จะได้รับคำชื่นชมมากมายแท้ๆ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าของที่มีมูลค่าเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วก็เป็นเพียงของธรรมดาไร้ราคา แต่เมื่อคิดดูแล้วก็ไม่แปลกนักหรอก จวนเซิ่นอ๋องล้วนแล้วแต่มีของดีๆ ทั้งนั้น ปิ่นรูปหงส์ชิ้นนี้ ในสายตาของนางก็ถือว่าเป็นของที่ดีมากแล้ว แต่ในสายตาของเขาก็คงเป็นเพียงของเล็กน้อยไม่มีราคาค่างวดอะไร
สีหน้าท่าทางของฉู่ป๋ายดูเรียบเย็น “วันนี้เจ้าคงไม่ได้ถามแม่นางเซียวกระมัง ว่าของเช่นนี้นางได้มันมาอย่างไร”
“โอย ข้าลืมไปเลย!” อวี้อาเหราตบหน้าผากอย่างแสนเสียดาย
ตอนที่ 318 อย่างเสแสร้งไปหน่อยเลย
นางมัวแต่สนใจเรื่องข่าวคราวของนักพรต จึงลืมเรื่องของปิ่นรูปหงส์นี่ไปเสียสนิท ไหนเลยจะนึกถึงเรื่องนี้ได้เล่า แต่จะมาเสียดายตอนนี้ก็คงไร้ประโยชน์เสียแล้ว นางปล่อยตัวแม่นางเซียวไปแล้ว และในยามนี้ยิ่งรู้ว่านางนั้นเป็นคนของเม่ยเก๋อก็ยิ่งทำให้รับมือยากไปกันใหญ่
หลังจากสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว อวี้อาเหราจึงเงยหน้าขึ้น “เจ้ามาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“เพิ่งมาถึงเมื่อเช้าตรู่วันนี้” ฉู่ป๋ายตอบคำ
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ตรงไปยังตลาดมืดเลยสินะ?” อวี้อาเหรานึกสงสัยขึ้นมา
“ข้าก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงค่อยไปที่ตลาดมืด” ฉู่ป๋ายตอบอีกครั้ง
อวี้อาเหราพยักหน้าแสดงท่าทีว่าเข้าใจแล้ว หลังจากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น “เช่นนั้นเจ้าพักอาศัยอยู่ที่ไหนหรือ พาข้าไปดูหน่อยสิ”
นางเพียงอยากรู้ว่าฉู่ป๋ายอยู่ที่ไหนในเมืองนี้เท่านั้น หากยึดตามนิสัยของเขาที่อยู่ในจวนเซิ่นอ๋อง แม้ว่าจะอยู่ที่วันเป่าหัวซื่อก็ยังให้หานสือทำอาหารด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพราะความหรูหราฟุ่มเฟือย แต่เป็นเพราะความประณีตในการกินอยู่ต่างหาก
ราวกับฉู่ป๋ายเข้าใจถึงความคิดของนาง มุมปากของเขาจึงโค้งขึ้นเล็กน้อย “ตกลง”
ดังนั้น อวี้อาเหราจึงเดินตามเขาออกมา ที่แท้เขาก็พักอยู่ข้างๆ นี่เอง ทั้งเครื่องเรือนและการตกแต่งห้องนั้นก็แทบจะเหมือนกับห้องของนางไม่มีผิดเพี้ยน ช่างเป็นเรื่องที่น่าบังเอิญเสียยิ่งนัก นี่เขาก็คงไม่ได้จงใจจะตามมาพักอยู่ข้างๆ นางหรอกนะ?
ฉู่ป๋ายเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ใช่ว่าข้าอยากที่จะอยู่ข้างๆ เจ้า แต่ได้ยินมาว่าคนที่เพิ่งเข้ามาพักที่นี่นั้นได้ชุบมือเปิบซื้อเอาทั้งโรงเตี๊ยมมาเป็นของตัวเองเสียหมดแล้ว อีกทั้งก็เกือบจะจุดไฟเผาที่นี่ จนคนทั่วไปไม่อาจอยู่ข้างๆ นางได้ แต่แม่นางเจ้าของโรงเตี๊ยมผู้นั้นก็ขอร้องให้ข้าอยู่ที่นี่ ข้าเห็นว่านางช่างน่าสงสารนัก เช่นนั้นจึงจำยอมต้องอยู่ที่นี่”
“คนผู้นั้นก็คือข้าเอง”
อวี้อาเหราถลึงตาจ้องมองเขา วาจานี้ก็ไม่ใช่ว่าเขากำลังตีวัวกระทบคราดด่านางอยู่หรืออย่างไร
“อ้อ? ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองหรือ” ฉู่ป๋ายพยักหน้าอย่างเข้าใจ ดูจากสีหน้าแล้วก็บอกได้ว่าเขาเองก็เพิ่งรู้จริงๆ นางมองสีหน้าของเขาแล้วก็หมดคำที่จะเอ่ย “เจ้าอย่าได้เสแสร้งไปหน่อยเลย เห็นแล้วข้าคลื่นไส้นัก”
สีหน้าของฉู่ป๋ายนิ่งเฉย สีหน้าเรียบนิ่งเป็นปกติ “เช่นนั้นเหตุใดเจ้าต้องเผาร้านของเขาด้วยเล่า ฆ่าคนวางเพลิงนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่นัก โทษของเจ้าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย แม้ว่าจะมีหลิงอ๋องคอยช่วยเหลือ แต่ก็คงหนีความกริ้วของฮ่องเต้ไม่พ้น”
“ก็เขารนหาที่เอง หากเขาไม่ยั่วยุข้าไหนเลยจะเกิดเรื่องได้ เมื่อวานนี้ข้าเพียงแต่ต้องการจะสั่งสอนเขาเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะเผาร้านเขาจริงๆ เสียหน่อย อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ต้องการจะทำลายร้านของเขา หากเจ้าไม่ยินดี ข้ากลับก็ได้”
อวี้อาเหราเห็นท่าทางเขาจริงจังเช่นนี้ ก็ไม่กล้าเอาแต่ใจอีก
เป็นเพราะว่าทุกคำพูดของเขานั้นล้วนมีเหตุผล นางนั้นยามที่อยู่เมืองเฟิ่งเฉิงก็มักจะโดนปองร้ายอิจฉาริษยามาตลอด ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะใช้โอกาสนี้เล่นงานนางก็ได้ ฆ่าคนวางเพลิงนั้นโทษไม่เบา เหตุการณ์นี้อาจจะทำให้นางไม่อาจยืนอยู่ในสังคมได้อีกต่อไป และคนทั้งจวนหลิงอ๋องก็คงจะโดนหางเลขไปด้วย
“เจ้ารู้ว่าเรื่องนี้หนักหนาก็ดีแล้ว ประเดี๋ยวเจ้ากลับไปแล้วก็ไปจัดการให้ดีเถิด หลังจากนี้หากจะเล่นอะไรก็อย่าเล่นให้เกินพอดี อีกทั้งวาจาที่ข่มขู่แม่นางเซียวในวันนี้อีก เจ้าไปเอามาจากที่ใดกัน” ฉู่ป๋ายสั่งสอนอยู่ชั่วครู่ แล้วจึงตัดเข้าเรื่องที่อยากรู้
อวี้อาเหราแย้มยิ้มเจิดจ้า “เจ้าอยากรู้หรือ”
“อืม” เขาพยักหน้ารับด้วยสีหน้าปกติ
“แต่ข้าไม่อยากบอกเจ้านี่นา” อวี้อาเหรากะพริบตาอย่างสาสมใจ หมุนตัวแล้วเดินออกไปด้านนอก ไม่หันกลับมาพูดด้วยซ้ำ “เจ้าเองก็พักผ่อนดีๆ เถิด หากป่วยไข้ขึ้นมาอีกก็ให้หานสือไปตามข้าที่ห้องก็แล้วกัน ตอนนี้ข้าก็จะไปดูเสียหน่อยว่าหานสือดูแลเจาเอ๋อร์ดีหรือไม่”