จากนั้น มายมิ้นท์ก็นึกออกว่าตอนบ่ายตอนเธอกับราเม็งกลับมา เปปเปอร์ยังอยู่ที่สถานีตำรวจอยู่
เป็นไปได้ไหมว่าในเวลานั้น เปปปอร์ก็กำลังทำเรื่องนี้อยู่แล้ว?
จงใจให้สถานีตำรวจเพิ่มโทษของขนมผิงและเอสให้หนักขึ้น?
เมื่อคิดเช่นนี้ มายมิ้นท์ก็เม้มริมฝีปากที่แดงและโทรหาเปปเปอร์
ในคฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ เปปเปอร์กำลังจัดการประชุมทางวิดีโอในห้องหนังสืออยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นนั้น ขัดจังหวะการพูดของเขา ซึ่งทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย
แต่หลังจากที่เห็นหมายเลขผู้โทร ความไม่พอใจบนใบหน้าของเขานั้นก็หายไปในทันที และมีความยินดีเล็กน้อยเข้ามาแทน
เธอเป็นคนโทรมาหาเขา!
เปปเปอร์หยิบโทรศัพท์ขึ้น แต่ไม่ได้รีบรับทันที แต่มองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ “หยุดการประชุมก่อน ผมรับสายก่อน”
หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ระเบียงด้วยการจ้องมองของพวกคนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
“อย่ารับโทรศัพท์ระหว่างการประชุม ดูเหมือนว่าจะเป็นกฎที่ประธานเปปเปอร์ตั้งขึ้นเองไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ แต่ตอนนี้เขาเป็นคนฝ่าฝืนมันเอง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้สึกละอายใจแก่ใจตัวเองสักนิดเลย”
“พวกแกว่า มันเป็นสายใครกันแน่นะ”
“ใครจะไปรู้ แต่ดูจากท่าทางที่วาบหวามของเขาแล้ว คงจะเป็นคนในใจแหละ”
เปปเปอร์ไม่รู้ว่าผู้คนในที่ประชุมพูดถึงเขาอย่างไรหลังจากที่เขาจากไป เขายืนอยู่หน้าราวระเบียง วางนิ้วโป้งบนปุ่มตอบรับสีเขียว และรับสายของมายมิ้นท์ “มีเรื่องอะไรครับ?”
น้ำเสียงที่ทุ้มและแหบของเขา มีความอ่อนโยนหน่อย ซึ่งน่าฟังอย่างยิ่ง
มายมิ้นท์เพียงรู้สึกคันหูเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเอาโทรศัพท์ห่างออกไปหน่อย จากนั้นก็ถูหูของเธอแล้วจึงค่อยวางโทรศัพท์กลับอีกครั้ง และถามด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า “โทษของขนมผิง คุณเป็นคนให้พวกเขาเพิ่มหนักขึ้นเหรอ?”
เธอโทรหาเขา ก็เพื่อเรื่องนี้เหรอ!
ในเวลานั้น ความสุขในใจของเปปเปอร์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เงยหน้าลงและอืมไปคำหนึ่ง “ใช่ผมเป็นคนทำเอง”
เขายอมรับตรงขนาดนี้ กลับทำให้มายมิ้นท์รู้สึกตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่เธอก็กลับสงบลงอย่างรวดเร็วและถามอย่างเย็นชาว่า “ทำไม? ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณเลยไม่ใช่เหรอ? ”
“ผมรู้ ผมแค่อยากจะทำอะไรเพื่อคุณสักหน่อย” เปปเปอร์ตอบ
ดวงตาของมายมิ้นท์ค่อยๆเบิกกว้าง “อยากทำอะไร……เพื่อฉัน?”
“ใช่!” เปปเปอร์พยักหน้า
มายมิ้นท์ยิ้มอย่างประชดประชัน “ประธานเปปเปอร์คะ คุณไม่คิดว่ามันจะสายเกินไปแล้วเหรอ?ถ้าคุณบอกและทำก่อนที่เราจะหย่าร้างกัน ฉันอาจจะซาบซึ้ง แต่ตอนนี้ ฉันรู้สึกว่ามันตลก!”
เธอมองเขาอย่างเย้ยหยัน “คุณรู้ไหม?หกปีนี้ ฉันคาดหวังกับคุณมากขนาดไหน?เมื่อแม่และน้องชายของคุณรังแกฉัน ฉันอยากให้คุณช่วยฉันมากแค่ไหน เมื่อคนในวงการหัวเราะเยาะฉันในฐานะภรรยาของคุณคนนี้ ฉันอยากให้คุณช่วยฉันมากแค่ไหน แต่คุณล่ะ?คุณไม่เคยช่วยฉันสักครั้งเลย ฐานะสามีของฉัน คุณไม่เคยทำอะไรเพื่อฉันเลย ดังนั้นตอนนี้คุณมาบอกว่าทำเพื่อฉันอะไรสักหน่อย มันจะไปมีประโยชน์อะไร?มีแต่ทำให้ดูจอมปลอม!”
เมื่อฟังข้อกล่าวหาของเธอ หัวใจของเปปเปอร์ก็เหมือนถูกแทงด้วยมีด เจ็บปวดจนยากที่จะหายใจ มือที่ถือโทรศัพท์ก็สั่นเล็กน้อย
“ผมขอโทษ……” ใบหน้าที่หล่อล่ำของเปปเปอร์นั้นซีดลง
เขายอมรับว่าเขาไม่เคยทำสิ่งนี้เพื่อเธอมาก่อน
เขาเป็นคนติดค้างเธอเอง
“คุณไม่จำเป็นต้องมาขอโทษฉัน เพราะฉันไม่ได้ใส่ใจมานานแล้ว” มายมิ้นท์หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อเรื่อง และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและไม่แยแส:“เรื่องของขนมผิง มันเป็นเรื่องของฉัน คุณไม่ต้องเข้ามายุ่ง ทางสถานีตำรวจตัดสินว่ายังไงก็ทำอย่างนั้น ดังนั้นฉันขอให้ประธานเปปเปอร์ ยกเลิกแผนการของคุณกับทางสถานีตำรวจซะ ขอบคุณ!”
พูดเสร็จเธอก็วางสายไป
เปปเปอร์เอาโทรศัพท์ลง แล้ววางตรงหน้าเขา
เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย และมองดูโทรศัพท์มือถือที่เด้งกลับหน้าเมนูหลัก ดวงตาของดูเศร้าโศก และสีหน้าของเขาดูโดดเดี่ยวเดียวดายมาก
ไม่รู้ว่าใช้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เปปเปอร์ก็หลับตาลง เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกที สีหน้าของเขานั้นก็เปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็เก็บโทรศัพท์แล้วหันกลับไปที่ห้องหนังสือ
ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาล
ส้มเปรี้ยวที่สลบไปสองวัน ในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมาสักที
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ดีใจจนน้ำตาไหลออกมา และเธอก็รีบนำส้มเปรี้ยวที่กำลังจะลุกขึ้นนั้นนอนลงบนเตียงต่อ “ส้มเปรี้ยว อย่างขยับนะลูก รีบนอนไว้ดีๆ!”
“แม่……” ส้มเปรี้ยวมองดูคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์อย่างอ่อนแอ และเสียงก็แหบมาก “แม่ค่ะ สถานการณ์ตอนนี้ของหนูเป็นยังไงบ้างคะ?”
ตอนนี้เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างกายเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านล่าง แม้แต่ขยับยังไม่สามารถขยับตัวได้เลย
เธอกลัวว่าตัวเองจะเป็นอัมพาตมาก
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์อ้าปาก และไม่ค่อยอยากตอบเธอ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ส้มเปรี้ยวก็เข้าใจทันทีเลยว่าสถานการณ์ของเธอร้ายแรงมาก
เธอเอื้อมมือไปจับแขนของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ และถามด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้นว่า “แม่ค่ะ แม่บอกหนูมา หนูเป็นอัมพาตแล้วใช่ไหม?แม่บอกหนูมาสิ!”
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ถูกเธอดึงจนเจ็บ และรีบดึงมือออกมา “เปล่าๆ หนูไม่ได้เป็นอัมพาต”
“แล้วทำข้างล่างหนูถึงไม่มีความรู้สึกอะไรเลย?” ส้มเปรี้ยวคำรามทั้งน้ำตา ตาโปนและแดงก่ำ ประกอบกับท่าทางที่น่าเกลียดของเธอ ทำให้ดูน่ากลัวมาก น่ากลัวเหมือนผีร้ายกาจเลย
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ตกใจมาก จึงอดไม่ได้ที่จะก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว “ด้านล่างหนูไม่มีความรู้สึก เป็นเพราะหมอฉีดยาให้หนู ก็เพราะกลัวว่าหนูตื่นมาแล้วดิ้นไปมั่วและทำให้แผลชิดขัด เมื่อยาหมดฤทธิ์แล้ว เดี๋ยวหนูก็จะมีความรู้สึกเอง”
“จริงเหรอแม่?” ส้มเปรี้ยวมองดูเธออย่างมีความหวัง
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้า “จริงสิ แม่จะโกหกลูกได้อย่างไร?”
เธอจับหัวของส้มเปรี้ยว
ส้มเปรี้ยวมองดูความจริงจังในดวงตาของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ออก จึงโล่งใจมาหน่อยและยิ้มทั้งน้ำตา “งั้นก็ดี งั้นก็ดีคะ!”
เธอไม่พิการก็ดี!
เธอเป็นคนหยิ่งผยองขนาดนี้ และจะไม่สามารถยอมรับตัวตนที่ไม่สมบูรณ์ของเธอได้อย่างแน่นอน!
“ว่าแต่แม่ ทำไมหมอถึงต้องปิดกั้นการรับรู้ของหนูด้วยค่ะ” ส้มเปรี้ยวจ้องมาที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ และถามอีกครั้ง
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถอนหายใจก่อน แล้วเอามือปิดหน้าแล้วร้องไห้ “ก็เป็นเพราะไอ้สวะพวกนั้นนะสิ ทำให้ด้านล่างแกฉีกขาดอย่างสาหัส หรือแม้แต่มดลูก……ต่อไปคงจะคลอดลูกไม่ได้อีกแล้ว!”
ครืน!
ส้มเปรี้ยวรู้สึกเหมือนเสียงฟ้าร้องดังขึ้นในหัวของเขา และโลกทั้งใบก็หมุนไปมา
คลอดลูกไม่ได้อีกแล้ว……
แล้วเธอจะแต่งงานกับเปปเปอร์ และคลอดลูกให้เปปเปอร์ได้อย่างไร?
อีกอย่างผู้หญิงที่คลอดลูกไม่ได้ ไม่ใช่พิการแต่ยิ่งกว่าพิการ
ทั้งชีวิตของเธอถูกทำลายไปหมดแล้ว!
“อ๊ะอ๊ะอ๊ะอ๊ะ!” ส้มเปรี้ยวกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวไปจนสุดขีด และความเกลียดชังในดวงตาของเธอก็เกือบจะกลายเป็นมีดจริงแล้ว
“มายมิ้นท์ มายมิ้นท์!” ส้มเปรี้ยวจับผ้าปูที่นอนไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของเธออย่างแน่น ตัวสั่นไปหมด และตะโกนเรียกชื่อไม่หยุด น้ำเสียงที่ร้ายกาจนั้น ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกน่ากลัว
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ทนกับขนลุกบนร่างกายของเธอและรีบถามว่า:“ส้มเปรี้ยว มายมิ้นท์ทำอะไรเหรอ?”
“แม่ค่ะ มายมิ้นท์เป็นคนทำร้ายหนูเอง และตอนนี้ที่หนูเป็นอย่างนี้ ก็เป็นเพราะมายมิ้นท์!” ส้มเปรี้ยวมองไปที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์และตะโกนเสียงแหบแห้ง ใช้พลังจนหมด
“อะไรนะ?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เม้มปากด้วยความตกใจ
เยี่ยมบุญได้ยินว่าส้มเปรี้ยวฟื้นแล้ว และรีบวิ่งจากเอสซีกรุ๊ปมาที่นี้ ทันทีที่เขาเดินมาถึงที่หน้าประตู ก็ได้ยินส้มเปรี้ยวบอกว่ามายมิ้นท์ที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้
สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป และรีบเดินเข้าไปที่ห้องคนไข้และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า: “ส้มเปรี้ยว ที่หนูพูดนั้นเป็นความจริงเหรอ?มายมิ้นท์เป็นคนทำให้หนูต้องถูกรังแกจริงเหรอ?”
ดวงตาของส้มเปรี้ยวสั่นไหวด้วยความรู้สึกผิด จากนั้นเธอก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น “ใช่ค่ะ เธอนั่นแหละ เธอหลอกให้หนูไปที่ถนนเลเหนือโดยเฉพาะ จากนั้นจึงให้คนลักพาตัวหนูไปและพาหนูไปที่โกดังแห่งหนึ่ง……พ่อค่ะ พ่อต้องช่วยหนูล้างแค้นนะคะ ยังมีผู้ชายหกคนนั้นอีก หนูจะให้พวกเขาตายและตายอย่างไม่มีที่ฝังศพ!”
เยี่ยมบุญพยักหน้าอย่างเย็นชา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม “ไม่ต้องกลัว พ่อจะล้างแค้นให้หนูแน่นอน!”