เขาว่าแล้วเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับมายมิ้นท์แน่!
เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ไตรภูมิฆ่าลูกสาวคนแรกของเขาไป และตอนนี้ลูกสาวของไตรภูมิ ก็มาทำร้ายลูกสาวคนที่สองของเขาอีก และโอกาสที่เขาจะให้ลูกสาวเขาแต่งงานกับตระกูลนวบดินทร์ก็พังไปหมดแล้ว
ถ้าเขาไม่ทำให้ตระกูลกิตติภัคโสภณล้มลง เขาก็จะไม่ใช่ตระกูลภักดีพิศุทธิ์อีกต่อไป!
เมื่อได้ยินว่าเยี่ยมบุญสัญญาว่าจะล้างแค้นให้กับตัวเอง ส้มเปรี้ยวยิ้มดีใจ
จากนั้น เธอก็นึกถึงอะไรได้อีก จึงรีบถามว่า “ใช่แล้วแม่ค่ะ พวกท่านหาหนูเจอได้อย่างไรคะ?”
ชายทั้งหกคนนั้น ทำให้เธออับอายขายหน้าอย่างไร้มนุษยธรรม และเธอก็ทนไม่ไหวและเป็นลมอยู่ไปตอนครึ่งทาง โดยไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นต่อ
“ไม่ใช่พวกเราพบหนูหรอก แต่เป็นคนที่เดินผ่านไปมาพบหนูในย่านใจกลางเมือง” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ส่ายหัวและตอบ
รูม่านตาของส้มเปรี้ยวหดตัวลงครู่หนึ่ง และความรู้สึกไม่สบายใจก็ผุดขึ้นในใจของเธอ “ใจกลางเมือง?”
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้าด้วยตาที่แดง “ใช่จะ คืนนั้นหนูเปลือยกายอยู่ในกระสอบและถูกโยนทิ้งในย่านใจกลางเมือง เป็นคนเดินผ่านไปเห็นและไปเปิดดูด้วยความประหลาดใจ จึงพบหนูและโทรแจ้งตำรวจ”
“แจ้งตำรวจ!” เมื่อได้ยินสองคำนี้ ส้มเปรี้ยวก็หน้ามืดตามัว และเกือบเป็นลมอีกครั้ง
เธอหยิกฝ่ามือของตัวเองอย่างแรง และฝ่ามือของเธอก็ถูกเล็บหยิกจนหนังฉีก และมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา
แต่ดูเหมือนว่าตัวเธอเองจะไม่รู้สึกเจ็บ และพูดด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรงว่า:“แม่หมายถึงว่า เรื่องที่หนูถูกรังแก ถูกเปิดเผย?ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าฉัน ส้มเปรี้ยว ลูกสาวของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถูกรังแก?”
แม้ว่าคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์คิดที่จะปิดปัง แต่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็รู้ดีว่าเธอปิดปังส้มเปรี้ยวไม่ได้นานหรอก แค่ส้มเปรี้ยวเล่นโทรศัพท์เธอก็จะพบว่าแม่เธอกำลังโกหกเธออยู่
ดังนั้น ยอมรับโดยตรงมันจะดีกว่า
“ใช่” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักอย่างโศกเศร้า
เยี่ยมบุญลูบไหล่ของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เพื่อปลอบโยนเธอ
“เป็นไปได้อย่างไร……” ส้มเปรี้ยวเวียนหัว เธอรู้สึกอกอีแป้นจะแตกอยู่แล้ว
ทุกคนต่างก็เรื่องที่เธอถูกรังแกแล้ว
ตอนนี้เธอสามารถจินตนาการได้อย่างเต็มที่ว่าชาวเน็ตบนอินเทอร์เน็ตนั้นจะพูดถึงเธออย่างไร คุณหนูและคุณชายในแวดวงจะหัวเราะเยาะเธออย่างไร และสื่อเหล่านั้นจะใช้เธอหาเงินและให้ได้รับความนิยมได้อย่างไร!
“เปปเปอร์ล่ะ?เปปเปอร์ก็รู้แล้วเหรอ?” ส้มเปรี้ยวถามอีกครั้งด้วยดวงตาที่แดง
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ทนดูสภาพแบบนี้ของส้มเปรี้ยวไม่ไหว เธอจึงหันหน้าหนี
เมื่อเห็นแม่เธอเช่นนี้ เธอก็รู้สึกตกใจ “เปปเปอร์……รู้แล้ว……”
เยี่ยมบุญทุบโต๊ะอย่างโกรธเคือง “เขาไม่เพียงแต่รู้ เขายังถือโอกาสที่จะถอนหมั้นด้วย!”
“……” ส้มเปรี้ยวไม่พูดอีกต่อไป ดวงตาของเธอจ้องไปที่เพดานอย่างว่างเปล่า คนทั้งคนดูเหมือนสูญเสียจิตวิญญาณไปหมด ทำให้คนดูหวาดกลัว
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็หัวเราะ และเสียงหัวเราะของเธอก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความโกรธ และน้ำตาก็ไหลออกมา
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รู้สึกปวดใจมาก “ส้มเปรี้ยว……”
“พอเถอะ ตอนนี้ส้มเปรี้ยวกำลังอึดอัดใจอยู่ คุณปล่อยให้เธอระบายไปเถอะ” เยี่ยมบุญดึง คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่อยากจะไปปลอบใจส้มเปรี้ยวไว้
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากตอบตกลงและพยักหน้า
ในเวลานี้ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในห้องผู้ป่วย เป็นผู้ช่วยของเยี่ยมบุญ
“ท่านประธานเยี่ยมบุญครับ หาเจอหญิงสาวที่มีสร้อยคอพิเศษที่ท่านประกาศหาก่อนหน้านี้แล้วครับ!” ผู้ช่วยเดินเข้ามาและพูดอย่างเร่งรีบ
สีหน้าของเยี่ยมบุญและคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็หยุดนิ่งในเวลาเดียวกัน
แม้แต่ส้มเปรี้ยวก็ไม่สามารถร้องไห้ต่อไปได้อีก ลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ และเธอก็ไออย่างรุนแรง ไอจนหน้าแดงไปหมด
แต่เยี่ยมบุญและภรรยาของเขาก็ไม่สนใจเธอ ทั้งคู่จ้องไปที่ผู้ช่วย
“คุณบอกอะไรนะ?หาชวนชมเจอแล้ว?” มือของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์สั่นด้วยความตื่นเต้น
เยี่ยมบุญก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
เช่นเดียวกับภรรยาของเขา เขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะหาลูกสาวคนโตชวนชมเจอ
เพราะลูกสาวคนโตคนนี้ ถึงจะเป็นลูกแท้ๆของเขา
และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ส้มเปรี้ยวจหมดหวังแล้ว เขาทำได้เพียงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ชวนชม
“ใช่ครับ” ผู้ช่วยพยักหน้า “ตอนที่กระผมเข้ามาในโรงพยาบาลเมื่อครู่นี้ ถูกหญิงสาวคนหนึ่งตัดหน้าไว้ หญิงสาวนำสิ่งนี้ให้กระผมครับ” ว่าแล้ว ผู้ช่วยก็แบมือออกมา และมีสร้อยคอที่เก่าแก่อยู่ในมือ
เมื่อเห็นสร้อยคออันนี้ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถึงกับน้ำตาไหลออกมาเลย เอามือทั้งสองปิดปาก แล้วร้องไห้สะอื้นอยู่ในใจอย่างเศร้าโศก
เยี่ยมบุญสงบนิ่งกว่าเธอหน่อย แต่มือของเขาที่ไปหยิบสร้อยคอนั้นสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด
เยี่ยมบุญนำสร้อยคอไปมา และเปิดด้านหลังจี้โดยตรง เห็นอักษรย่อสามตัวของชื่อชวนชม และยิ้มทันที “นี่คือสร้อยคอของชวนชม เป็นสร้อยคอของชวนชมจริงด้วย”
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เห็นแล้วก็พยักหน้าเช่นกัน “เป็นชวนชม ชวนชมลูกของฉัน แล้วตอนนี้ชวนชมของฉันอยู่ไหน?”
“ที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล ผมขอให้เธอรออยู่ตรงนั้นครับ” ผู้ช่วยตอบ
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จับมือของเยี่ยมบุญ “เยี่ยมบุญ ไป เราไปหาชวนชมกันเถอะ”
“โอเคๆ เราไปกันเถอะ!” เยี่ยมบุญนำสร้อยคอเก็บอย่างระมัดระวัง
สามีภรรยาทั้งคู่ก็รีบออกไปจากห้องผู้ป่วย ผู้ช่วยก็ตามติดอยู่ด้านหลัง
ทั้งสามคนไม่มีใครหันมองส้มเปรี้ยวที่อยู่ข้างหลังเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเยี่ยมบุญและภรรยาของเขาและว ตอนนี้ส้มเปรี้ยว จะไปเทียบอะไรกับการกลับมาของชวนชมได้
“อ๊ะอ๊ะอ๊ะอ๊ะ!” ส้มเปรี้ยวคำรามเสียงดัง และหยิบของข้างเตียงขึ้นคว้างลงบนพื้นและผนัง ระบายความโกรธในใจออกมา
เธอทำไปมากมายขนาดนั้น ก็เพื่อห้ามไม่ให้พ่อแม่ตามหาชวนชมเจอ และเธอยังให้นักสืบตามหาชวนชมด้วย แต่ก็หาไม่เจอ
แต่ใครจะไปคิดว่า ชวนชมกลับมาหาพวกเขาเองในเวลาที่สำคัญแบบนี้!
ฟ้าไม่ยุติธรรมจริงๆเลย มีมายมิ้นท์คนเดียวที่มาแย้งของกับเธอแล้วยังไม่พอ ยังจะหาชวนชมมาเพิ่มอีกหนึ่งคน
แต่ในไม่ช้า ส้มเปรี้ยวก็สงบลงอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างที่เหี้ยมโหดนั้นจ้องมองบนเพดาน
เมื่อชวนชมกลับมา ก็จะแบ่งปันความรักของพ่อแม่ ทรัพย์สินและสิทธิ์ผู้ครอบครองมรดก แต่คนที่อาศัยอยู่ที่บ้านของคนอื่นมาเป็นเวลานานนั้น เธอไม่เชื่อว่าเธอจะสู้กับมันไม่ได้
ดังนั้น เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดตอนนี้คือจัดการกับเรื่องที่ตัวเองถูกรังแกก่อน ชวนชมเอาไว้ทีหลังก่อนก็ได้
เมื่อคิดถึงเช่นนี้ ส้มเปรี้ยวก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หยิบโทรศัพท์ข้างหมอนแล้วโทรการันต์ด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม
การันต์กำลังดูอาการผู้ป่วยอยู่ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ข้างๆดังขึ้น เอียงหัวมอง เห็นชื่อผู้โทร
เขาไม่ได้รับในทันที แต่กลับหันหัวกลับมา ฉีกใบสั่งยาออกแล้วยื่นให้ผู้ป่วยฝั่งตรงข้าม “คุณไม่เป็นไรมากครับ แค่กินยาสองอันนี้ก็จะดีขึ้นครับ”
“ครับ ขอบคุณมากครับหมอ” คนไข้รับใบสั่งยาด้วยมือทั้งสองข้าง และลุกขึ้นยืนอย่างซึ้งใจ
การันต์อืมอย่างเฉยชา “ไปเอายาเถอะครับ”
“ครับ” คนไข้พยักหน้าแล้วหันหลังเดินจากไป
การันต์จึงค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรับสาย
ยังไม่รอเขาเอ่ยปาก เสียงของส้มเปรี้ยวที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก็ดังขึ้น “การันต์ ไหนคุณบอกว่าคุณได้หลอกล่อมายมิ้นท์ไปที่ถนนเลเหนือแล้วไม่ใช่?แล้วทำไมสุดท้ายคนที่ถึงถูกรังแกกลับกลายเป็นฉัน!”
การันต์ยิ้มเล็กน้อย แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้น กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ผมได้หลอกล่อมายมิ้นท์ไปที่นั่นแล้วจริงๆ แต่ผมคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายคุณกลับกลายเป็นคนที่ถูกรังแก ผมก็พึ่งเห็นข่าวของคุณในคืนนั้น จึงค่อยรู้ว่ามายมิ้นท์ไม่ได้ไป และผมก็ไปตวจสอบมาว่า ตอนระหว่างทางไปมายมิ้นท์มีเรื่องพอดี เลยจากไปตอนครึ่งทาง และทั้งคุณและมายมิ้นท์ต่างก็มีไฝสีแดงที่ข้อมือ ดังนั้นคนพวกนั้นจึงคิดว่าคุณเป็นมายมิ้นท์”
สิ่งที่เขาพูดนั้นมีเหตุและผล ส้มเปรี้ยวฟังไม่ออกเลยว่าเขากำลังโกหกอยู่
ดังนั้น ส้มเปรี้ยวจึงเชื่อคำพูดของการันต์
ในเมื่อเธอเป็นนางฟ้าของการันต์ และการันต์ก็จะไม่คิดทำร้ายเธออย่างแน่นอน
บอกได้อย่างเดียวเลยว่า ทั้งหมดนี้คือมันจับพลัดจับผลู จะโทษก็ต้องโทษมายมิ้นท์ โทษที่ทำไมข้อมือของมายมิ้นท์ถึงมีไฝเหมือนเธอ โทษมายมิ้นท์ที่จากไปในครึ่งทาง
ถ้ามายมิ้นท์ไม่จากไปในครึ่งทาง เธอก็คงจะไม่ถูกผู้ชายพวกนั้นรังแก!