บทที่ 285 ส้มเปรี้ยวตัวปลอมออกตัว

รักหวานอมเปรี้ยว

เขาว่าแล้วเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับมายมิ้นท์แน่!

เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ไตรภูมิฆ่าลูกสาวคนแรกของเขาไป และตอนนี้ลูกสาวของไตรภูมิ ก็มาทำร้ายลูกสาวคนที่สองของเขาอีก และโอกาสที่เขาจะให้ลูกสาวเขาแต่งงานกับตระกูลนวบดินทร์ก็พังไปหมดแล้ว

ถ้าเขาไม่ทำให้ตระกูลกิตติภัคโสภณล้มลง เขาก็จะไม่ใช่ตระกูลภักดีพิศุทธิ์อีกต่อไป!

เมื่อได้ยินว่าเยี่ยมบุญสัญญาว่าจะล้างแค้นให้กับตัวเอง ส้มเปรี้ยวยิ้มดีใจ

จากนั้น เธอก็นึกถึงอะไรได้อีก จึงรีบถามว่า “ใช่แล้วแม่ค่ะ พวกท่านหาหนูเจอได้อย่างไรคะ?”

ชายทั้งหกคนนั้น ทำให้เธออับอายขายหน้าอย่างไร้มนุษยธรรม และเธอก็ทนไม่ไหวและเป็นลมอยู่ไปตอนครึ่งทาง โดยไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นต่อ

“ไม่ใช่พวกเราพบหนูหรอก แต่เป็นคนที่เดินผ่านไปมาพบหนูในย่านใจกลางเมือง” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ส่ายหัวและตอบ

รูม่านตาของส้มเปรี้ยวหดตัวลงครู่หนึ่ง และความรู้สึกไม่สบายใจก็ผุดขึ้นในใจของเธอ “ใจกลางเมือง?”

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักหน้าด้วยตาที่แดง “ใช่จะ คืนนั้นหนูเปลือยกายอยู่ในกระสอบและถูกโยนทิ้งในย่านใจกลางเมือง เป็นคนเดินผ่านไปเห็นและไปเปิดดูด้วยความประหลาดใจ จึงพบหนูและโทรแจ้งตำรวจ”

“แจ้งตำรวจ!” เมื่อได้ยินสองคำนี้ ส้มเปรี้ยวก็หน้ามืดตามัว และเกือบเป็นลมอีกครั้ง

เธอหยิกฝ่ามือของตัวเองอย่างแรง และฝ่ามือของเธอก็ถูกเล็บหยิกจนหนังฉีก และมีเลือดสีแดงสดไหลออกมา

แต่ดูเหมือนว่าตัวเธอเองจะไม่รู้สึกเจ็บ และพูดด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรงว่า:“แม่หมายถึงว่า เรื่องที่หนูถูกรังแก ถูกเปิดเผย?ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าฉัน ส้มเปรี้ยว ลูกสาวของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถูกรังแก?”

แม้ว่าคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์คิดที่จะปิดปัง แต่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็รู้ดีว่าเธอปิดปังส้มเปรี้ยวไม่ได้นานหรอก แค่ส้มเปรี้ยวเล่นโทรศัพท์เธอก็จะพบว่าแม่เธอกำลังโกหกเธออยู่

ดังนั้น ยอมรับโดยตรงมันจะดีกว่า

“ใช่” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พยักอย่างโศกเศร้า

เยี่ยมบุญลูบไหล่ของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เพื่อปลอบโยนเธอ

“เป็นไปได้อย่างไร……” ส้มเปรี้ยวเวียนหัว เธอรู้สึกอกอีแป้นจะแตกอยู่แล้ว

ทุกคนต่างก็เรื่องที่เธอถูกรังแกแล้ว

ตอนนี้เธอสามารถจินตนาการได้อย่างเต็มที่ว่าชาวเน็ตบนอินเทอร์เน็ตนั้นจะพูดถึงเธออย่างไร คุณหนูและคุณชายในแวดวงจะหัวเราะเยาะเธออย่างไร และสื่อเหล่านั้นจะใช้เธอหาเงินและให้ได้รับความนิยมได้อย่างไร!

“เปปเปอร์ล่ะ?เปปเปอร์ก็รู้แล้วเหรอ?” ส้มเปรี้ยวถามอีกครั้งด้วยดวงตาที่แดง

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ทนดูสภาพแบบนี้ของส้มเปรี้ยวไม่ไหว เธอจึงหันหน้าหนี

เมื่อเห็นแม่เธอเช่นนี้ เธอก็รู้สึกตกใจ “เปปเปอร์……รู้แล้ว……”

เยี่ยมบุญทุบโต๊ะอย่างโกรธเคือง “เขาไม่เพียงแต่รู้ เขายังถือโอกาสที่จะถอนหมั้นด้วย!”

“……” ส้มเปรี้ยวไม่พูดอีกต่อไป ดวงตาของเธอจ้องไปที่เพดานอย่างว่างเปล่า คนทั้งคนดูเหมือนสูญเสียจิตวิญญาณไปหมด ทำให้คนดูหวาดกลัว

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็หัวเราะ และเสียงหัวเราะของเธอก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความโกรธ และน้ำตาก็ไหลออกมา

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รู้สึกปวดใจมาก “ส้มเปรี้ยว……”

“พอเถอะ ตอนนี้ส้มเปรี้ยวกำลังอึดอัดใจอยู่ คุณปล่อยให้เธอระบายไปเถอะ” เยี่ยมบุญดึง คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่อยากจะไปปลอบใจส้มเปรี้ยวไว้

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากตอบตกลงและพยักหน้า

ในเวลานี้ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในห้องผู้ป่วย เป็นผู้ช่วยของเยี่ยมบุญ

“ท่านประธานเยี่ยมบุญครับ หาเจอหญิงสาวที่มีสร้อยคอพิเศษที่ท่านประกาศหาก่อนหน้านี้แล้วครับ!” ผู้ช่วยเดินเข้ามาและพูดอย่างเร่งรีบ

สีหน้าของเยี่ยมบุญและคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็หยุดนิ่งในเวลาเดียวกัน

แม้แต่ส้มเปรี้ยวก็ไม่สามารถร้องไห้ต่อไปได้อีก ลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ และเธอก็ไออย่างรุนแรง ไอจนหน้าแดงไปหมด

แต่เยี่ยมบุญและภรรยาของเขาก็ไม่สนใจเธอ ทั้งคู่จ้องไปที่ผู้ช่วย

“คุณบอกอะไรนะ?หาชวนชมเจอแล้ว?” มือของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์สั่นด้วยความตื่นเต้น

เยี่ยมบุญก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

เช่นเดียวกับภรรยาของเขา เขาก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะหาลูกสาวคนโตชวนชมเจอ

เพราะลูกสาวคนโตคนนี้ ถึงจะเป็นลูกแท้ๆของเขา

และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้ส้มเปรี้ยวจหมดหวังแล้ว เขาทำได้เพียงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ชวนชม

“ใช่ครับ” ผู้ช่วยพยักหน้า “ตอนที่กระผมเข้ามาในโรงพยาบาลเมื่อครู่นี้ ถูกหญิงสาวคนหนึ่งตัดหน้าไว้ หญิงสาวนำสิ่งนี้ให้กระผมครับ” ว่าแล้ว ผู้ช่วยก็แบมือออกมา และมีสร้อยคอที่เก่าแก่อยู่ในมือ

เมื่อเห็นสร้อยคออันนี้ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถึงกับน้ำตาไหลออกมาเลย เอามือทั้งสองปิดปาก แล้วร้องไห้สะอื้นอยู่ในใจอย่างเศร้าโศก

เยี่ยมบุญสงบนิ่งกว่าเธอหน่อย แต่มือของเขาที่ไปหยิบสร้อยคอนั้นสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด

เยี่ยมบุญนำสร้อยคอไปมา และเปิดด้านหลังจี้โดยตรง เห็นอักษรย่อสามตัวของชื่อชวนชม และยิ้มทันที “นี่คือสร้อยคอของชวนชม เป็นสร้อยคอของชวนชมจริงด้วย”

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เห็นแล้วก็พยักหน้าเช่นกัน “เป็นชวนชม ชวนชมลูกของฉัน แล้วตอนนี้ชวนชมของฉันอยู่ไหน?”

“ที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล ผมขอให้เธอรออยู่ตรงนั้นครับ” ผู้ช่วยตอบ

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จับมือของเยี่ยมบุญ “เยี่ยมบุญ ไป เราไปหาชวนชมกันเถอะ”

“โอเคๆ เราไปกันเถอะ!” เยี่ยมบุญนำสร้อยคอเก็บอย่างระมัดระวัง

สามีภรรยาทั้งคู่ก็รีบออกไปจากห้องผู้ป่วย ผู้ช่วยก็ตามติดอยู่ด้านหลัง

ทั้งสามคนไม่มีใครหันมองส้มเปรี้ยวที่อยู่ข้างหลังเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเยี่ยมบุญและภรรยาของเขาและว ตอนนี้ส้มเปรี้ยว จะไปเทียบอะไรกับการกลับมาของชวนชมได้

“อ๊ะอ๊ะอ๊ะอ๊ะ!” ส้มเปรี้ยวคำรามเสียงดัง และหยิบของข้างเตียงขึ้นคว้างลงบนพื้นและผนัง ระบายความโกรธในใจออกมา

เธอทำไปมากมายขนาดนั้น ก็เพื่อห้ามไม่ให้พ่อแม่ตามหาชวนชมเจอ และเธอยังให้นักสืบตามหาชวนชมด้วย แต่ก็หาไม่เจอ

แต่ใครจะไปคิดว่า ชวนชมกลับมาหาพวกเขาเองในเวลาที่สำคัญแบบนี้!

ฟ้าไม่ยุติธรรมจริงๆเลย มีมายมิ้นท์คนเดียวที่มาแย้งของกับเธอแล้วยังไม่พอ ยังจะหาชวนชมมาเพิ่มอีกหนึ่งคน

แต่ในไม่ช้า ส้มเปรี้ยวก็สงบลงอีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างที่เหี้ยมโหดนั้นจ้องมองบนเพดาน

เมื่อชวนชมกลับมา ก็จะแบ่งปันความรักของพ่อแม่ ทรัพย์สินและสิทธิ์ผู้ครอบครองมรดก แต่คนที่อาศัยอยู่ที่บ้านของคนอื่นมาเป็นเวลานานนั้น เธอไม่เชื่อว่าเธอจะสู้กับมันไม่ได้

ดังนั้น เรื่องที่เร่งด่วนที่สุดตอนนี้คือจัดการกับเรื่องที่ตัวเองถูกรังแกก่อน ชวนชมเอาไว้ทีหลังก่อนก็ได้

เมื่อคิดถึงเช่นนี้ ส้มเปรี้ยวก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หยิบโทรศัพท์ข้างหมอนแล้วโทรการันต์ด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยม

การันต์กำลังดูอาการผู้ป่วยอยู่ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ข้างๆดังขึ้น เอียงหัวมอง เห็นชื่อผู้โทร

เขาไม่ได้รับในทันที แต่กลับหันหัวกลับมา ฉีกใบสั่งยาออกแล้วยื่นให้ผู้ป่วยฝั่งตรงข้าม “คุณไม่เป็นไรมากครับ แค่กินยาสองอันนี้ก็จะดีขึ้นครับ”

“ครับ ขอบคุณมากครับหมอ” คนไข้รับใบสั่งยาด้วยมือทั้งสองข้าง และลุกขึ้นยืนอย่างซึ้งใจ

การันต์อืมอย่างเฉยชา “ไปเอายาเถอะครับ”

“ครับ” คนไข้พยักหน้าแล้วหันหลังเดินจากไป

การันต์จึงค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรับสาย

ยังไม่รอเขาเอ่ยปาก เสียงของส้มเปรี้ยวที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังก็ดังขึ้น “การันต์ ไหนคุณบอกว่าคุณได้หลอกล่อมายมิ้นท์ไปที่ถนนเลเหนือแล้วไม่ใช่?แล้วทำไมสุดท้ายคนที่ถึงถูกรังแกกลับกลายเป็นฉัน!”

การันต์ยิ้มเล็กน้อย แต่สิ่งที่เขาพูดออกมานั้น กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ผมได้หลอกล่อมายมิ้นท์ไปที่นั่นแล้วจริงๆ แต่ผมคิดไม่ถึงว่าสุดท้ายคุณกลับกลายเป็นคนที่ถูกรังแก ผมก็พึ่งเห็นข่าวของคุณในคืนนั้น จึงค่อยรู้ว่ามายมิ้นท์ไม่ได้ไป และผมก็ไปตวจสอบมาว่า ตอนระหว่างทางไปมายมิ้นท์มีเรื่องพอดี เลยจากไปตอนครึ่งทาง และทั้งคุณและมายมิ้นท์ต่างก็มีไฝสีแดงที่ข้อมือ ดังนั้นคนพวกนั้นจึงคิดว่าคุณเป็นมายมิ้นท์”

สิ่งที่เขาพูดนั้นมีเหตุและผล ส้มเปรี้ยวฟังไม่ออกเลยว่าเขากำลังโกหกอยู่

ดังนั้น ส้มเปรี้ยวจึงเชื่อคำพูดของการันต์

ในเมื่อเธอเป็นนางฟ้าของการันต์ และการันต์ก็จะไม่คิดทำร้ายเธออย่างแน่นอน

บอกได้อย่างเดียวเลยว่า ทั้งหมดนี้คือมันจับพลัดจับผลู จะโทษก็ต้องโทษมายมิ้นท์ โทษที่ทำไมข้อมือของมายมิ้นท์ถึงมีไฝเหมือนเธอ โทษมายมิ้นท์ที่จากไปในครึ่งทาง

ถ้ามายมิ้นท์ไม่จากไปในครึ่งทาง เธอก็คงจะไม่ถูกผู้ชายพวกนั้นรังแก!