ตอนที่ 454: องค์หญิง
“เซียงเอ๋อ เจ้าไม่จำเป็นต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับตระกูลไป๋ของเราตอนนี้ รอก่อน เจ้าจะรู้เองในภายหลัง” ไป๋หยุนเทียนพูดด้วยความกังวล แม้ลูกชายของนางจะเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวง แต่ศัตรูของตระกูลไป๋ก็แข็งแกร่งมากและตัวตนของพวกเขาในวันนี้ก็ยังไม่ชัดเจน หากบรรพชนของตระกูลไป๋ซึ่งเป็นเซียนผู้คุมกฎยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ลูกชายของนางจะสามารถทำได้อย่างไร ? อย่างน้อยตอนนี้มันก็ยังเป็นไปไม่ได้
“เซียงเทียน ฟังแม่ เจ้าจะต้องจดจำศัตรูของเราไว้เท่านั้น การแก้แค้นสามารถรอต่อไปได้ เรายังไม่รู้เลยว่าศัตรูคือใคร บางทีบรรพชนของเราก็รู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับพวกเขาเช่นกัน” ไป๋เต๋าพูดเสียงกระซิบต่ำ เขามีสีหน้าเจ็บปวดเมื่อเขาพูดถึงอดีต
ไป๋เต๋าสงบสติและพูดต่อไปว่า “ตระกูลไป๋ของเรามีเซียนสวรรค์ 4 คน แต่พวกเขาก็ล้มเหลว แม้แต่สถานะปัจจุบันของบรรพชนเซียนผู้คุมกฎของเราก็ยังไม่มีใครรู้ ลำดับความสำคัญสูงสุดของเราคือการค้นหาว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่”
“แต่เรายังไม่รู้ว่าบรรพชนอยู่ที่ไหนถ้าเขายังมีชีวิตอยู่” ไป๋หยุนเทียนพูดอย่างหนักใจ
“เซียนผู้คุมกฎจะไม่ตายง่าย ๆ ด้วยความสามารถของเซียงเทียน ข้าเชื่อว่าเขาจะข้ามไปถึงระดับเดียวกันไม่ช้าก็เร็ว นั่นจะทำให้เขาตามหาบรรพชนได้ง่ายขึ้น” ไป๋เต๋ามองเจี้ยนเฉิน “เซียงเทียน ข้าหวังว่าเจ้าจะมีสติและฟังข่าวเกี่ยวกับบรรพชนของตระกูลไป๋ของเรา”
“ข้าจะทำ ! ” เจี้ยนเฉินพยักหน้า
เจี้ยนเฉิน,แม่และลุงของเขาเริ่มพูดคุยกันที่ห้องโถงหลังจากนั้นไม่นานนัก คนสามคนนั้นแยกย้ายกันและกลับไปที่ห้องพัก
คืนนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้าวันถัดไปเจี้ยนเฉินเดินออกไปพร้อมกับลูกเสือในมือของเขา หลังจากรับประทานอาหารเช้ากับทุกคน เขาก็ออกจากตระกูลเจียงหยางพร้อมกับเจียงหยางป้า,ไป๋หยุนเทียน, ราชาและทหารชุดเกราะดำของเขา ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าคนยังคงอยู่ในตระกูลเจียงหยางและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
เหตุผลที่เจี้ยนเฉินให้พวกเขาอยู่ต่อนั้นค่อนข้างเห็นแก่ตัว เขาต้องการให้ตระกูลของเขามีศักดิ์ศรีจากการมีที่ปรึกษาจักรพรรดิอยู่ด้วย
หลังจากการเดินทางผ่านไปหลายชั่วยาม ในที่สุดทุกคนก็กลับมาถึงพระราชวังในเวลากลางคืน ราชานำเจี้ยนเฉินและพ่อแม่ของเขามาที่พื้นที่ส่วนตัวให้พวกเขาพักผ่อน สาวใช้หลายคนที่เข้ามาด้วยรีบออกไปเพื่อให้พวกเขาอยู่ตามลำพัง
ไม่นานหลังจากนั้น ชายหนุ่มสาวอายุไม่เกินยี่สิบปีและผู้อาวุโสก็สนทนากันในห้องรับแขกใหญ่
ณ ห้องแห่งหนึ่งชายวัยกลางคนเดินทางเข้ามาและคุกเข่าต่อหน้าชายหนุ่มและผู้อาวุโส “องค์ชายรองและอัครเสนาบดีเช่อ มีรายงานมาว่า ราชาแห่งอาณาจักรเกอซุนกลับมาที่พระราชวังพร้อมกับคนแปลกหน้า 3 คน”
เมื่อได้ยินอย่างนี้อัครเสนาบดีก็เบิ่งตากว้างและถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสามคนนี้เป็นใคร ? “
“ท่านอัครเสนาบดี ผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยคนนี้สามารถได้ยินได้ชัดเจน ทั้งสามคนมาจากตระกูลเจียงหยาง พวกเขาค่อนข้างมีอิทธิพลในอาณาจักรเกอซุน” ชายคนนั้นพูด
ดวงตาของอัครเสนาบดีส่องประกายแวววาวขณะที่เขาพูดว่า “เจ้าออกไปได้ อย่าลืมจดจำทุกการกระทำของพวกเขาแล้วกลับมารายงานข้า”
“ขอรับ ท่านอัครเสนาบดี ! ” ชายคนนั้นออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
อัครเสนาบดีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในขณะที่เขาพูดพึมพำว่า พวกเขามาจากตระกูลเจียงหยางหรือ ? ไม่กี่ปีที่ผ่านมาข้าเคยได้ยินว่าราชาแห่งอาณาจักรเกอซุนได้หมั้นหมายลูกสาวของเขากับคนที่ชื่อว่าเจียงหยางเซียงเทียน,นายน้อยสี่แห่งตระกูลเจียงหยาง เมื่อวานนี้ ราชาปฏิเสธการแต่งงานระหว่างสองอาณาจักรของเรา และในวันนี้เขานำตระกูลเจียงหยางเข้ามาในพระราชวัง ฮ่าฮ่า ข้าไม่จำเป็นต้องตีความเรื่องนี้เลย
สายตาขององค์ชายรองมีประกายแวววับอันโหดร้ายในขณะที่เขาดื่มชาอย่างช้า ๆ เขาพูดด้วยเสียงที่ไม่ได้สงบหรือโกรธว่า “ราชาองค์นี้ไม่รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อาณาจักรอินทรีสวรรค์ของเราได้เสนอให้มีการรวมกันระหว่างสองอาณาจักร แทนที่จะรีบคว้าโอกาสเช่นนี้ไว้ เขากลับเหยียดหยันเราต่อสาธารณชน ! ฮึ่ม !”
อัครเสนาบดีกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะ “องค์ชายรองโปรดเก็บความโกรธแค้นไว้ในใจ การแต่งงานเป็นสิ่งที่ราชาสั่งให้ข้าทำให้สำเร็จ คนรับใช้เก่าแก่ผู้นี้จะจัดการให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรฉินหวงและอาณาจักรเกอซุนนั้นไม่ได้ลึกซึ้งอย่างที่เราคิดในตอนแรก ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ! “
เมื่อได้ยินอย่างนี้ องค์ชายรองก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าต้องรบกวนท่านแล้ว ! “
อัครเสนาบดีลูบเคราขณะที่มององค์ชายรองด้วยรอยยิ้ม “องค์ชายรองชอบองค์หญิงหรือ ? “
องค์ชายรองพยักหน้า “ชื่อเสียงของนางเป็นที่เลื่องลือ องค์หญิงเป็นคนที่หาที่เปรียบไม่ได้ ความสามารถของนางในการฝึกฝนแข็งแกร่งมากเช่นเดียวกับความงามของนาง นางค่อนข้างแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ นางเหมือนเข็มในกองหญ้า นางงดงามราวกับนางฟ้าที่ลงมายังโลกมนุษย์”
อัครเสนาบดียิ้มแย้ม ดวงตาอันเต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ของเขาเฝ้าดูท่าทีขององค์ชายที่กำลังเคลือบเคลิ้มไปกับความคิด
ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องที่มีผ้าไหมสีแดงของพระราชวัง หญิงสาวผมสีดำคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง แขนทั้งสองของนางกำลังยกขึ้นและลงขณะที่นางหวีผมยาว นิ้วสีขาวเรียวของนางจับหวีไม้ ท่าทางของนางขณะหวีผมดูงดงามและเป็นธรรมชาติ
นางสวมชุดกี่เพ้าสีดำและสีขาว มันเพิ่มความบริสุทธิ์ให้กับความงามของนาง ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยสีดำที่ดูเหมือนว่ามันกำลังปกปิดความสามารถในการดึงดูดหัวใจของผู้ชายที่มองนาง
“เยว่เอ๋อ พ่อขอเข้าไปได้หรือไม่ ? ” เสียงเบา ๆ ของชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านนอกประตูดังขึ้นมา
“เสด็จพ่อเข้ามาเลยเพคะ ! ” หญิงสาวที่นั่งอยู่พูดเบา ๆ
ประตูเปิดออกเผยให้เห็นราชาแห่งอาณาจักรเกอซุนกำลังเดินเข้ามาในห้อง เมื่อเขาเห็นลูกสาวของเขากำลังหวีผม เขาก็ถอนหายใจเล็กน้อย “เยว่เอ๋อ พ่อเข้าใจความรู้สึกของเจ้า แต่พ่อก็เป็นราชาของอาณาจักรด้วย ซึ่งหมายความว่ามีสถานการณ์ที่พ่อไม่สามารถควบคุมได้”
“ท่านพ่อ ลูกเข้าใจ ตั้งแต่วันที่ข้าเกิดมาในราชวงศ์ ข้าก็หมดสิทธิ์ใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง” การแสดงออกของลูกสาวดูเศร้าสร้อย
“เยว่เอ๋ออย่าเศร้าไปเลย พ่อรักเจ้าจริง ๆ พ่อจะทนให้เจ้ารู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร ? เยว่เอ๋อ เจ้าเป็นคนที่โดดเด่นมาก ดังนั้นจึงมีผู้ชายเพียงคนเดียวในความคิดของพ่อที่เหมาะกับเจ้า เจ้ารีบแต่งตัว เราต้องไปพบว่าที่สามีของเจ้า เจียงหยางเซียงเทียนจากตระกูลเจียงหยาง”
“เจียงหยางเซียงเทียนหรือ ? ไม่ใช่องค์ชายแห่งอาณาจักรอินทรีสวรรค์หรือ ? ” หญิงสาวถามด้วยความรู้สึกสับสน
“อาณาจักรอินทรีสวรรค์ ! ” ราชาลากเสียงต่ำและดวงตาของเขาก็แสดงท่าทีเหยียดหยาม “องค์ชายแห่งอาณาจักรอินทรีสวรรค์จะคู่ควรกับเยว่เอ๋อของข้าได้อย่างไร ? เยว่เอ๋อ เจ้าอาจไม่รู้เรื่องนี้ แต่เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาบอกเจ้าแล้ว”
ราชาหยุดพูดสักครู่ขณะที่เขาเข้าไปใกล้เยว่เอ๋อ เขามองไปที่กระจกทองแดงที่สะท้อนความงามของลูกสาวของเขา เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เยว่เอ๋อ ข้าคิดว่าเจ้าเคยเจอเจียงหยางเซียงเทียนตอนที่เจ้าอยู่สำนักคากัต หลังจากสองสามปีที่เจียงหยางเซียงเทียนกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากมายซึ่งเกินความคาดหวังของข้า เจ้ารู้รึไม่ ? เจียงหยางเซียงเทียนอายุ 21 ปี แต่เขาได้กลายเป็นเซียนสวรรค์แล้ว นอกจากนี้เขายังสามารถเอาชนะเซียนสวรรค์ 3 คนของสำนักหัวหยุนได้ด้วยตัวเอง”
แววตาของเยว่เอ๋อเริ่มไม่สงบนิ่งขณะที่นางมีสีหน้าตกใจ นางกำลังคิดว่าชายหนุ่มอายุ 21 ปีกลายเป็นเซียนสวรรค์ได้อย่างไร
ต่อจากนั้นราชาก็พูดต่อ “นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เยว่เอ๋อ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมที่ปรึกษาจักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวงรีบเข้ามาให้ความช่วยเหลืออาณาจักรเกอซุนของเรา ? “
เยว่เอ๋อส่ายหน้าอย่างมึนงง
” นี่เป็นเพราะเจียงหยางเซียงเทียน เพราะเขาเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง ที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าแห่งอาณาจักรฉินหวงจึงปฏิบัติตามคำสั่งของเจียงหยางเซียงเทียนในการเข้ามาช่วยอาณาจักรเกอซุนของเรา” ขณะที่พูด ราชาแห่งอาณาจักรเกอซุนก็อดไม่ได้ที่จะเปิดเผยความตื่นเต้นในน้ำเสียงของเขาขณะที่ตัวเขาเองเริ่มสั่น
เยว่เอ๋อตกตะลึงกับข้อมูลชิ้นนี้ ขณะที่นางรับฟัง ดวงตาของนางก็เริ่มเบิกกว้างขณะที่ริมฝีปากสีแดงอ้าค้างด้วยความไม่เชื่ออย่างที่สุด
หลังจากนั้นสักพัก เยว่เอ๋อก็ตั้งสติและหันมามองราชาด้วยความตกใจ นางเอามือปิดปากและถามว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ? … เสด็จพ่อ ท่านกำลังหลอกลูกสาวของท่านอยู่หรือไม่ ? “
ราชาหัวเราะ “เยว่เอ๋อ เจ้าคิดว่าพ่อของเจ้าจะเล่นกลอุบายแบบนี้กับเจ้าหรือ ? เยว่เอ๋อถึงเวลาแต่งตัวแล้ว อีกสักครู่ข้าจะไปพบเจียงหยางเซียงเทียน ในขณะนี้อาณาจักรเกอซุนของเราควรจำไว้ว่าเราควรทำดีกับตระกูลเจียงหยางให้มาก. ในอนาคต อาณาจักรของเราจะต้องพึ่งพาพวกเขา”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่เคยคิดเลยว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิจะเป็นนายน้อยสี่ของตระกูลเจียงหยางอย่างไม่คาดคิด ข้าชื่อเย่หมิง แต่ถ้าผู้พิทักษ์จักรพรรดิไม่รังเกียจโปรดเรียกชื่อจริงของข้า” ภายในพระราชวังชายสวมชุดคลุมสีขาวหัวเราะเสียงดังและเปิดเผยหน้าตาที่ร่าเริง ผู้อาวุโสท่านนี้คือเซียนสวรรค์ที่ทำหน้าที่ปกป้องอาณาจักรเกอซุน แต่ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นเจี้ยนเฉินที่ป้อมปราการทางทิศตะวันออกในระหว่างสงคราม
เจี้ยนเฉินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไรเลย
“ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ข้าได้ยินมาว่าท่านเคยเป็นศิษย์ของสำนักคากัต อาจารย์ใหญ่สำนักคากัต คาเฟอร์กำลังเดินทางมาหลังจากได้ยินข่าว ข้าเชื่อว่าเขาจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า รอจนกว่าเขาจะรู้ว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิเคยเป็นศิษย์ของสำนักคากัต ข้าสงสัยว่าเขาจะทำหน้าเช่นไร ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” เย่หมิงหัวเราะ
“ฮ่าฮ่า ข้าคาดการณ์ว่าเขาคงจะตกตะลึงมากจนพูดอะไรไม่ออก”
หลังจากเย่หมิงพูดจบ มีเสียงดังออกมาจากข้างหลังพวกเขาทันที เมื่อมองไปรอบ ๆ พวกเขาก็เห็นราชาและสาวงามสวมชุดสีขาวยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา ดวงตาของนางเปล่งประกายอย่างงดงามเมื่อนางมองคนสามคนจากตระกูลเจียงหยางด้วยความสงสัย และในที่สุดนางก็จ้องมองที่ใบหน้าของเจี้ยนเฉิน
“ลูกเขยที่รัก นี่คือลูกสาวของข้า องค์หญิงโหยวเยว่ แม่ของนางเลือกชื่อนี้ให้นางโดยเฉพาะ” ขณะที่พวกเขาเข้ามาในห้อง ราชาก็แนะนำพระธิดาของเขาทันที ใบหน้าของเขาแสดงความเศร้าสลดเมื่อเขาพูดถึงแม่ของโหยวเยว่