ตอนที่ 455: ยกเลิกการหมั้นหมาย ?

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 455: ยกเลิกการหมั้นหมาย ?

เจี้ยนเฉินยืนขึ้นจากเก้าอี้ของเขาและมองดูโหยวเยว่ด้วยตาที่เงียบสงบและมีรอยยิ้ม “คารวะองค์หญิง ! “

องค์หญิงสวมชุดกี่เพ้าสีขาวและยืนเงียบ ๆ อยู่ข้างหลังราชา ผมยาวถึงเอวสีดำสวยงามถูกเกล้าขึ้นไปเรียบร้อย เมื่อรวมกับรูปลักษณ์ที่งดงามปานล่มเมืองของนาง หน้าตาของนางก็สามารถขโมยวิญญาณของผู้คนได้เช่นกัน

องค์หญิงไม่ได้พูดอะไรตอบสักคำ นางจ้องมองเจี้ยนเฉินอย่างสงสัย ดวงตาของนางส่องแสงระยิบระยับทำให้นางดูฉลาดเฉลียว

ราชาหัวเราะและพูดว่า “ลูกเขยที่รัก นี่ต้องเป็นครั้งแรกที่เจ้าเข้ามาที่พระราชวังของข้า เยว่เอ๋อจะพาเจ้าไปชมดูรอบ ๆ เอง ราชามองเยว่เอ๋อที่ยินอยู่ข้างหลังโดยไม่รอคำตอบของเจี้ยนเฉิน

องค์หญิงเข้าใจความหมายในสายตาที่จ้องมองมา นางจึงพูดเบา ๆ ว่า “ท่านเจียงหยางเซียงเทียน โปรดตามข้ามา” เสียงของนางนุ่มนวลและอ่อนโยนจนทุกคนที่ได้ยินรู้สึกสงบ

“ข้าต้องขอรบกวนองค์หญิงด้วย” เจี้ยนเฉินยิ้มขณะที่เดินไปข้างหน้า ยังมีบางสิ่งที่เขาต้องการพูดกับองค์หญิงตามลำพัง

เจียงหยางป้ากับไป๋หยุนเทียนอมยิ้มเมื่อเห็นเขาเดินไปอย่างสบาย ๆ กับองค์หญิง การที่จะได้องค์หญิงเป็นลูกสะใภ้คือสิ่งที่ทั้งคู่ต่างพึงพอใจอย่างมาก. ในอาณาจักรเกอซุน นอกเหนือจากองค์หญิง พวกเขาไม่สามารถหาผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับลูกชายของพวกเขาได้อีกแล้ว

แม้แต่ราชาก็มีรอยยิ้มที่ร่าเริงบนใบหน้าขณะที่เขานั่งถัดจากเย่หมิง และเผชิญหน้ากับเจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียน

“ครอบครัวที่รัก หลานเซียงเทียนและลูกสาวของข้าเยว่เอ๋อไม่ใช่เด็กอีกต่อไป สำหรับข้า ดูเหมือนว่าจะเป็นการดีหากว่าจะจัดการเรื่องแต่งงานในทันที ราชาหัวเราะหวังว่าและพวกเขาจะได้จัดงานแต่งงานโดยเร็วที่สุด

เจียงหยางป้าและไป๋หยุนเทียนมองหน้ากันสักครู่ก่อนที่ไป๋หยุนเทียนจะตอบว่า “ฝ่าบาท เราเห็นด้วยกับการแต่งงานของทั้งสอง อย่างไรก็ตามเซียงเอ๋อก็โตพอที่จะรับภาระหน้าที่ของตัวเอง มีบางเรื่องที่เราไม่กล้าเข้าไปยุ่ง ข้าจึงเสนอให้เรารอเซียงเอ๋อเพื่อดูว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไร”

เมื่อได้ยินอย่างนี้แววตาของราชาก็มีความผิดหวัง แต่เขาก็เห็นด้วยกับความคิดของไป๋หยุนเทียน

ในพระราชวังสามารถมองเห็นทหารเดินเข้าไปในห้องพักของตัวแทนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์ เขายกมือขึ้นและพูดว่า “ข้าขอรายงานองค์ชายรองและท่านอัครเสนาบดี ราชาของอาณาจักรเกอซุนเชิญตัวองค์หญิงออกมา นางและผู้ชายอีกคนอายุราว ๆ 20 ปีได้เดินไปทางอุทยาน”

“เจ้าออกไปได้ ! ” อัครเสนาบดีโบกมือให้ทหารออกไปก่อนที่จะขมวดคิ้วเข้าด้วยกัน

องค์ชายรองมีแววตาเย็นชาขณะที่ใบหน้าของเขาเริ่มถมึงทึง เขาแค่นเสียงเอ่ยออกมาว่า ชายหนุ่มผู้นั้นต้องเป็นเจียงหยางเซียงเทียน ราชาปฏิเสธข้อเสนอของพวกเรา เขาจะต้องได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้ของเขา ข้าอุตส่าห์มาที่นี่ด้วยตัวเอง ข้ากลับได้รับการปฏิบัติเช่นนี้หรือ ? ไร้สาระสิ้นดี !

อัครเสนาบดีก็ก็แค่นเสียงพูดว่า “ดูเหมือนว่าราชาแห่งอาณาจักรเกอซุนตั้งใจจะให้องค์หญิงแต่งงานกับชายหนุ่มจากตระกูลเจียงหยาง หืมม ถึงเวลาต้องไปถามหาคำตอบจากราชาซะแล้ว อัครเสนาบดีจึงสะบัดแขนเสื้อด้วยท่าทางที่ฉุนเฉียว

หลังจากที่อัครเสนาบดีจากไป องค์ชายรองคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า เจียงหยางเซียงเทียน ข้าอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าเจ้ามีอะไรดี ข้าเป็นคนที่เจ้าไม่สามารถแตะต้องได้” เมื่อถึงตอนนั้นองค์ชายรองก็ออกจากห้องและเดินไปยังอุทยานกับคนอื่น ๆ จากอาณาจักรอินทรีสวรรค์

เจี้ยนเฉินเดินเคียงข้างองค์หญิงขณะที่พวกเขาเดินไปรอบ ๆ พระราชวัง พวกเขาเข้าไปในอุทยานอย่างรวดเร็ว นี่คือโลกที่เต็มไปด้วยดอกไม้สดทุกชนิดและทุกสี มันถูกจัดเรียงในรูปแบบที่สวยงาม กลิ่นหอมหวานที่ลอยอยู่ในอากาศทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจในทุกลมหายใจ

ระหว่างทางทั้งสองไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เห็นได้ชัดว่าองค์หญิงรักสวนดอกไม้นี้มาก ขณะที่นางเดินไปพร้อมกับดอกไม้ด้วยความสบายใจ ใบหน้าของนางก็เผยให้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนขณะที่นางมองดูดอกไม้ที่สวยงามมากมาย

” นี่เป็นสวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเกอซุน ข้าเพลิดเพลินไปกับสถานที่แห่งนี้ และถ้าข้าอยู่ในวัง ข้าก็มักจะมาเฝ้ามองดอกไม้สวยงามเหล่านี้อยู่เสมอ ข้าปลูกดอกไม้เหล่านี้ด้วยตัวเองตอนที่ข้ายังเด็ก” องค์หญิงยิ้มขณะที่นางพูดด้วยเสียงที่คล้ายกับเสียงร้องของนกกระจาบ ชุดกี่เพ้าสีขาวหิมะของนางรวมกับรูปลักษณ์ที่สวยงามของนาง ทำให้นางดูเหมือนนางฟ้าขณะที่นางยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้

เจี้ยนเฉินมองใบหน้าที่สวยงามขององค์หญิงครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า องค์หญิง เราเคยเจอกันมาก่อนหรือไม่ ? เขารอที่จะถามคำถามนี้มานานมาก

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ดวงตาขององค์หญิงก็หันหน้าหนีจากดอกไม้แล้วกลับไปหาเจี้ยนเฉินก่อนที่จะยิ้มว่า ” ข้าชื่อโหยวเยว่ เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าจำได้หรือไม่ ? “

ทันใดนั้นภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเจี้ยนเฉินในขณะนั้นเขาจำได้แล้วว่านางเป็นใคร แม่นางคนนั้นคือท่าน ? เราเคยเจอกันหลายปีที่ผ่านมาที่สำนักคากัต ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกคุ้นหน้าองค์หญิงมาก”

องค์หญิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเมื่อครั้งที่นางได้พบกับเจียงหยางเซียงเทียนเป็นครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อนในห้องสมุดของสำนักคากัต ความกระหายและความหลงใหลในความรู้ของเขาทำให้นางประทับใจอย่างมาก และตอนนี้หลังจากหลายปีที่ผ่านไป ชายหนุ่มได้กลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเทียนหยวน ชายหนุ่มคนนี้ได้ช่วยชีวิตอาณาจักรเกอซุนที่กำลังจะถูกทำลาย มันทำให้องค์หญิงรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกว่าทั้งหมดแทบไม่น่าเชื่อ

เมื่อมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเจียงหยางเซียงเทียน องค์หญิงก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “เจียงหยางเซียงเทียน ข้าได้ยินมาจากท่านพ่อว่าเจ้าเป็นเซียนสวรรค์ เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าจะให้ข้าได้ลองสัมผัสกับการบิน ? “

เจี้ยนเฉินลังเล ในที่สุดเขาก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิง เตรียมตัวให้พร้อมได้เลย” หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็ใช้มือขวาจับแขนขององค์หญิงเบา ๆ เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ถึงผิวที่นุ่มนวลและยืดหยุ่นของนาง แม้เสื้อของนางจะทำหน้าที่เป็นกำแพงกั้นระหว่างมือของเขาและแขนของนาง แขนของนางเล็กมาก ๆ มือของเจี้ยนเฉินจึงสามารถกำได้รอบแขน

องค์หญิงมีสีหน้าเขินอายเมื่อเจี้ยนเฉินจับแขนของนาง นับตั้งแต่ที่นางยังเด็ก ไม่มีชายอื่นแตะต้องนางนอกจากเสด็จพ่อของนาง นางไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบโต้ ธาตุลมเป็นชั้นก็ห่อหุ้มร่างกายของนางและนำร่างของนางลอยขึ้นจากพื้นดิน นางบินขึ้นไปในอากาศอย่างช้า ๆ

ท่าทางของเจี้ยนเฉินสงบมากและดวงตาของเขาเงียบสงบราวกับน้ำ เขาค่อย ๆ นำองค์หญิงขึ้นไปในอากาศและขึ้นสู่ท้องฟ้า

ในไม่ช้าองค์หญิงก็สงบลงเมื่อความรู้สึกสดชื่นเบ่งบานในใจของนาง ใบหน้าของนางเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นและมีความสุขเมื่อนางมองดูพระราชวังที่หดตัวอย่างช้า ๆ อยู่ด้านล่าง

“การได้โบยบินเป็นเช่นนี้นี่เอง? มันเหมือนนกที่บินผ่านอากาศได้อย่างอิสระ ข้ารู้สึกอิจฉามากที่พวกมันได้มีประสบการณ์การบิน” ใบหน้าขององค์หญิงไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นที่นางรู้สึกได้

“องค์หญิงมีพรสวรรค์ ตราบใดที่ท่านยังคงฝึกฝนอย่างหนัก ในวันหนึ่งท่านจะได้ก้าวเข้าสู่การเป็นเซียนสวรรค์” เจี้ยนเฉินหัวเราะ องค์หญิงมีความสามารถมาก ในขณะที่นางยังอายุน้อยนางก็เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญแล้ว

ทั้งสองลงมาอย่างรวดเร็วกลับไปที่ใจกลางของสวนดอกไม้ สีหน้าที่องค์หญิงมองเจี้ยนเฉินในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง

เจี้ยนเฉินมองใบหน้าที่สวยงามขององค์หญิงก่อนที่จะพูดว่า “องค์หญิง..”

“เจียงหยางเซียงเทียน เรียกข้าว่าเยว่เอ๋อเถิด นั่นคือชื่อที่เสด็จพ่อและลุงเย่หมิงเรียกข้า” ขณะที่เจี้ยนเฉินอ้าปากพูด เยว่เอ๋อก็ขัดจังหวะขึ้นมา ใบหน้าของนางก็เริ่มแดงขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่นางพูด

“ข้าจะเรียกท่านเช่นนั้น” เจี้ยนเฉินไม่เถียง “องค์หญิงโหยวเยว่ยังมีเรื่องที่ข้าอยากคุยกับท่าน”

องค์หญิงยังคงเงียบสงบเพราะดวงตาที่สดใสของนางยังจ้องมองเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินพูดต่อว่า “องค์หญิงโหยวเยว่ การแต่งงานระหว่างเราสองคนไม่ได้มาจากความต้องการของเราทั้งสอง พ่อแม่ของเราอาจจะเห็นด้วย แต่การคลุงถุงชนเช่นนี้เป็นสิ่งที่ข้าไม่เห็นด้วย ในอดีต ข้าไม่มีพลังอำนาจเพียงพอที่จะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ ข้าจึงต้องยอมรับมันเงียบ ๆ แต่ตอนนี้มันแตกต่างกัน ตอนนี้ข้ามีอำนาจแล้ว” เจี้ยนเฉินหยุดพูดสักครู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างสมบูรณ์ แต่โหยวเยว่ที่ฉลาดก็เข้าใจว่าเจี้ยนเฉินจะกล่าวอะไร

องค์หญิงเงียบไปครู่หนึ่งขณะที่สายตาของนางจ้องกระดานหมากรุกบนโต๊ะใกล้เคียง หลังจากนั้นไม่นานนางก็พูดว่า “เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าต้องการที่จะยกเลิกการหมั้นหมายของเราหรือ ? “

“องค์หญิงโหยวเยว่ ข้าเชื่อว่าท่านเองก็ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ หากท่านเห็นด้วยกับข้า ข้าจะขอให้ราชายกเลิกการแต่งงานทันที. ข้ารู้ว่าทำไมเสด็จพ่อของท่านถึงทำเช่นนั้น แต่ท่านไม่ต้องกังวล ข้าเป็นราษฎรของอาณาจักรเกอซุน นี่คือบ้านเกิดของข้า และข้าต้องปกป้องบ้านเกิดของข้าอย่างแน่นอน” เจี้ยนเฉินพูดอย่างใจเย็น ในอดีตเขาเคยต่อต้านการแต่งงานครั้งนี้อย่างแข็งขัน อย่างไรก็ตามในเวลานั้น เขาไม่มีอำนาจใด ๆ เขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย ตอนนี้สถานการณ์แตกต่างจากอดีต

องค์หญิงเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ใจของนางก็ยังคงสงบนิ่ง การได้ยินความปรารถนาของเจี้ยนเฉินในการยกเลิกการหมั้นทำให้หัวใจของนางรู้สึกเจ็บปวดด้วยความผิดหวัง มันเหมือนกับว่านางทำสิ่งที่สำคัญมากหายไป