ตอนที่ 456 :คำข่มขู่.

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 456:คำข่มขู่.

ย้อนกลับไปตอนที่องค์หญิงเข้าร่วมสำนักคากัต เมื่อนางได้ยินว่าพ่อของนางจัดการหมั้นหมายนางกับคนอื่น นางก็ต่อต้านข้อเสนอดังกล่าวอย่างมาก นางไปหาพ่อของนางด้วยตัวเองหลายครั้งเพื่อพยายามยกเลิก แต่ความพยายามทั้งหมดของนางก็ต้องล้มเหลว

แต่หลังจากที่นางโตขึ้น นางก็ค่อย ๆ เข้าใจสถานการณ์ ตอนนี้อาณาจักรเกอซุนอาจถูกพิจารณาว่าเป็นอาณาจักรที่กำลังพัฒนา และถึงแม้ว่านางจะเป็นองค์หญิงที่ดูร่าเริง แต่ก็มีหลายสิ่งที่นางไม่สามารถทำได้อย่างอิสระ ยกตัวอย่างเช่นนางไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่น้อยเกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น การแต่งงาน ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับความสุขในอนาคตของนาง ดังนั้นนางจึงเกิดมาเป็นเหยื่อ – ต้องเสียสละเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของอาณาจักร นางจำต้องยอมรับชะตากรรมอันน่าโศกเศร้าเมื่อเวลาผ่านไป

ในตอนแรก นางต่อต้านอย่างมากเมื่อนางได้ยินครั้งแรกเกี่ยวกับข้อเสนอของราชาเกี่ยวกับการแต่งงานระหว่างเจี้ยนเฉินกับนาง แต่ตั้งแต่วินาทีที่นางได้ยินถึงความสำเร็จของเจี้ยนเฉินและได้เห็นรูปร่างหน้าตาของเขา หัวใจของนางก็ค่อย ๆ ยอมรับเขา นอกจากนี้เจี้ยนเฉินเป็นบุรุษรูปงามและมีพรสวรรค์ หากเขาสามารถเป็นเซียนสวรรค์ได้เมื่ออายุ 21 ปี นั่นหมายความว่าศักยภาพในอนาคตของเขาก็ไร้ขีดจำกัด ไม่เพียงแค่นั้น แต่เขายังเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง แม้จะมีสถานะเช่นนี้เขาก็ยังนอบน้อมถ่อมตน ในความเป็นจริงเขาค่อนข้างน่ารัก หลังจากถูกยึดติดกับความสำเร็จอันรุ่งโรจน์มากมาย ทัศนคติขององค์หญิงที่มีต่อเจี้ยนเฉินก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น นางยังสามารถพูดได้ว่าเจี้ยเฉินเกิดมาเพื่อช่วงชิงหัวใจของหญิงสาว เขาคืออัศวินในชุดเกราะที่หญิงสาวทุกคนใฝ่ฝัน

ดังนั้นองค์หญิงจึงแอบดีใจอย่างลับ ๆ กับการแต่งงานครั้งนี้เนื่องจากคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของเจี้ยนเฉิน แม้ว่านางจะสำรวจทั่วทั้งทวีป มันก็ยากที่จะหาคนที่มีความสามารถเทียบเท่ากับเจี้ยนเฉิน ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งและสถานะพิเศษของเจี้ยนเฉินก็มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อองค์หญิง หัวใจของนางเต้นระทึกด้วยความตื่นเต้นเมื่อนางคิดว่ามีบุคคลที่โดดเด่นเช่นนี้จะเป็นว่าที่สามีของนาง

แต่ในเวลานี้ เจี้ยนเฉินกลับแนะนำให้นางยกเลิกงานแต่งงาน มันทำให้องค์หญิงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก แม้ว่าจะผ่านไปเพียงระยะเวลาสั้น ๆ และองค์หญิงก็ไม่สามารถบอกได้ว่านางหลงรักเจี้ยนเฉิน อย่างน้อยที่สุดเขาก็คว้าส่วนหนึ่งของหัวใจของนางไปแล้ว

หลังจากที่ทั้งสองคนเงียบไปนาน ในที่สุดองค์หญิงก็ทำลายความเงียบด้วยการเอ่ยว่า “เจียงหยางเซียงเทียน ช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหมว่า ทำไมเจ้าถึงต้องการยกเลิกการแต่งงาน ? เป็นไปได้ไหมว่าหัวใจของเจ้ามีเจ้าของแล้ว ? “

เจี้ยนเฉินส่ายหน้า “องค์หญิง ท่านต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าในอดีต ข้าถูกบีบบังคับให้ต้องออกจากตระกูลเจียงหยางเป็นเวลาหลายปี และแม้ว่าข้าจะมีชีวิตรอดในสภาพที่เลวร้าย แต่ข้าก็ได้สร้างศัตรูไว้มากมาย พวกเขาแข็งแกร่งมากและอาจเป็นศัตรูที่ข้าไม่สามารถเผชิญหน้าได้ในวันนี้ นอกจากนี้อาจจะมีเรื่องที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้ในอนาคตอันไกลโพ้น ผลลัพธ์นั้นอยู่นอกขอบเขตที่ข้าคาดไว้ แต่ข้ารู้ว่าข้าต้องอุทิศตนเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง เพื่อที่วันหนึ่งข้าจะได้สามารถหลีกเลี่ยงหายนะที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการเสียเวลากับผู้หญิง”

เมื่อได้ยินเจี้ยนเฉินอธิบายเหตุผลของเขา องค์หญิงก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนที่จะยิ้มให้กับใบหน้าที่หล่อเหลาและมุ่งมั่นของเจี้ยนเฉิน “เจียงหยางเซียงเทียน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าสามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วในเวลาอันสั้น เจ้าคงเหน็ดเหนื่อยมากที่ต้องพยายามฝึกบ่มเพาะอย่างหนักแน่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้”

เจี้ยนเฉินถอนหายใจเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาประสบกับความยากลำบากมากมายและต้องแลกกับราคาแสนแพง เขาเฉียดตายมาหลายครั้ง และยังพูดได้ว่าเขาเคยเสียชีวิตมาแล้ว ความสำเร็จในปัจจุบันที่เขามีในวันนี้จึงไม่ได้เป็นเรื่องบังเอิญ

“องค์หญิง ข้าหวังว่าท่านจะเข้าใจ ข้าไม่ต้องการมีความสัมพันธ์ในขณะนี้ ข้าเพียงต้องการพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองเพื่อให้สามารถรับมือกับอนาคตได้” เจี้ยนเฉินตอบ เขาคิดถึงตระกูลชิและตระกูลเจียเต๋อ ทั้งสองตระกูลมีเซียนผู้คุมกฎคอยช่วยเหลือ พวกเขาเป็นตัวตนที่น่ากลัวสำหรับเจี้ยนเฉิน

นอกจากนี้ยังมีนิกายหยางจิแห่งอาณาจักรฉินกาน ผู้นำพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตระกูลผู้พิทักษ์ สิ่งนี้ทำให้เจี้ยนเฉินค่อนข้างกังวล พวกเขาไม่น่าจะเป็นตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจ ,แต่คำพูดของผู้นำทำให้เจี้ยนเฉินต้องกังวลหลายเรื่อง ดังนั้นเขาจึงเริ่มกลัวว่าตระกูลผู้พิทักษ์อาจจะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรก

แล้วยังมีเรื่องของลูกเสือ เจี้ยนเฉินยึดคำพูดของผู้อาวุโสซุยไว้ในใจ บางทีลูกเสือขาวอาจะทำให้เกิดความปั่นป่วนในทวีปนี้ ตระกูลกิลลิกันได้วางตัวเป็นศัตรูของลูกเสือขาวและจะไล่ล่ามันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตาย ลูกเสือเป็นพยัคฆ์ปีกเทวะ ตระกูลกิลลิกันคงจะยืนกรานที่จะให้มันตายก่อนที่มันจะเติบโตขึ้น เนื่องจากหากลูกเสือเติบใหญ่ มันจะทำลายล้างตระกูลกิลลิกัน

ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เจี้ยนเฉินกังวลมากที่สุดก็คือราชาของตระกูลกิลลิกันจะไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำไว้กับมนุษย์และจะออกจากเทือกเขาครอสเพื่อค้นหาและฆ่าลูกเสือด้วยตัวเอง ราชาเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวมากที่สามารถฆ่าเซียนผู้คุมกฎได้อย่างง่ายดาย เจี้ยนเฉินจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับราชาแห่งตระกูลกิลลิกันหากตนเองโดยไม่มีกำลังเพียงพอ

องค์หญิงลังเลก่อนที่จะพูดว่า “เจียงหยางเซียงเทียน ปีนั้นพ่อของข้ายื่นข้อเสนอการหมั้นด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้เจ้าต้องการที่จะยกเลิกการแต่งงาน เจ้าคิดเรื่องเกียรติของราชวงศ์เราบ้างหรือไม่ ? “

เมื่อเห็นเจี้ยนเฉินเงียบลง องค์หญิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะคิดถึงวิธีแก้ปัญหา หลังจากชั่วครู่หนึ่งในที่สุด นางก็พบคำพูดที่เหมาะสม นางพูดว่า “เอาอย่างนี้ เจ้ากับข้าไปขอให้ท่านพ่อเลื่อนการแต่งงานออกไปอีก เจ้าคิดอย่างไร ? “

“ถ้าเราทำอย่างนั้น องค์หญิงโหยวเยว่ก็จะเป็น..” เจี้ยนเฉินดูเขินอายเล็กน้อย หากเขาทำเช่นนั้น มันจะเป็นการเอาเปรียบองค์หญิง ตอนนี้เขาต้องการเพียงเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง เขาไม่เคยคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเช่นการแต่งงาน

องค์หญิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากได้ข้อสรุปเช่นนี้ หัวใจของนางก็ยังรู้สึกหมดหนทางเล็กน้อย ถ้านี่เป็นเมื่อหลายปีก่อน นางคงจะเห็นด้วยกับคำแนะนำของเจี้ยนเฉินที่จะยกเลิกการแต่งงานโดยไม่ลังเล แต่ตอนนี้….

“ไฮ้ องค์หญิง ข้าไม่คิดเลยว่าจะเจอท่านที่นี่ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ” ทันใดนั้นเสียงร่าเริงก็ดังขึ้น ขณะที่ชายหนุ่มที่มีสีหน้ายิ้มก็เดินเข้ามาหาพวกเขา อายุของเขาไม่ได้แตกต่างจากเจี้ยนเฉินและเขาก็ค่อนข้างหล่อ อย่างไรก็ตามเขามีหน้าตาเหมือนบัณฑิต มันทำให้เขาดูอ่อนแอ ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับลักษณะท่าทางของเจี้ยนเฉิน

ด้านหลังชายหนุ่มคนนี้มีองครักษ์ 2 คนซึ่งอายุประมาณ 50 ปี พวกเขามีใบหน้าที่สงบนิ่งและดวงตาที่ดุดัน

“นั่นคือองค์ชายรองของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ ! ” องค์หญิงกระซิบบอกเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ดวงตาของเขาตวัดมององค์ชายรองของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ เขาหมดความสนใจอย่างรวดเร็วและหันไปมองดูดอกไม้ที่สวยงามและมีสีสันน่าชื่นชมแทน

องค์ชายรองสวมเสื้อคลุมสุดหรู เขาโบกพัดในมือไปมา เขาเยื้องย่างเข้ามาด้วยท่าทางที่สง่างาม เขานั่งลงบนเก้าอี้ที่โต๊ะหินโดยไม่แม้แต่จะรอคำทักทายจากทั้งสอง และไม่หันมองเจี้ยนเฉินเลยด้วยซ้ำ เขาเผยอยิ้มอย่างงดงามขณะที่เขาพูดกับองค์หญิง “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าการออกมาเดินเล่นจะทำให้ข้าได้เจอองค์หญิง ดูเหมือนว่าองค์หญิงกับองค์ชายผู้สูงศักดิ์เช่นข้าจะชะตาต้องกัน

องค์หญิงและองค์ชายรองทักทายและสนทนากันสักพัก ในที่สุดองค์ชายรองก็สังเกตเห็นเจี้ยนเฉิน “ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าต้องเป็นนายน้อยสี่ของตระกูลเจียงหยาง เจียงหยางเซียงเทียน” องค์ชายรองเผยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า แต่ท่าทีของเขาช่างหยิ่งยโส เขายังจ้องเจี้ยนเฉินด้วยความรังเกียจ

“ถูกต้อง นั่นข้าเอง” เจี้ยนเฉินพูดอย่างไร้อารมณ์

องค์ชายรองยิ้มแย้มและหันไปมององค์หญิง “องค์หญิง ข้าต้องการคุยกับเจียงหยางเซียงเทียนเป็นการส่วนตัว”

องค์หญิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยืนขึ้นจากที่นั่งในที่สุด “ถ้าเช่นนั้นข้าจะไม่รบกวนท่านทั้งสองคน” จากนั้นนางจึงเดินออกจากศาลาและเดินตัดสวนดอกไม้ด้วยตัวเอง

หลังจากที่องค์หญิงออกไป รอยยิ้มบนใบหน้าขององค์ชายรองก็เหือดหายไป เหลือเพียงสายตาที่จ้องมองอย่างข่มขู่ “เจียงหยางเซียงเทียน ข้ารู้เรื่องการหมั้นหมายขององค์หญิงกับเจ้า แต่องค์หญิงเป็นคนที่ข้าหมายปอง ไม่มีชายคนใดรอดสายตาของข้าไปได้ ข้าจึงหวังว่าเจ้าจะไปพบราชาและยกเลิกการแต่งงาน”

เจี้ยนเฉินมององค์ชายรองอย่างเย้ยหยันก่อนที่จะพูดว่า “เจ้าไม่ควรสอดมือเข้ามายุ่งกับเรื่องของข้า นอกจากนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซง องค์ชาย ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องอื่น ข้าขอตัว”

ใบหน้าขององค์ชายรองเปลี่ยนสี ในขณะที่ดวงตาของเขาเริ่มที่จะดูเย็นชาและไร้ความรู้สึก “เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าเข้าใจสิ่งที่ตัวเองพูดออกมาหรือไม่ ? เจ้าต้องการให้ข้าเป็นศัตรูของเจ้าหรือ ? หรือว่าเจ้าอยากจะให้ตระกูลเจียงหยางของเจ้าถูกทำลาย ? ดูเหมือนว่าเจ้าไม่รู้ว่าอาณาจักรอินทรีสวรรค์แข็งแกร่งเพียงใด”

เจี้ยนเฉินเผยรอยยิ้มเย็นชา เมื่อองค์ชายรองไม่สุภาพ เจี้ยนเฉินก็ไม่อยากไว้หน้าเขาเช่นกัน เขาพูดจาดูถูกเหยียดหยามว่า “องค์ชาย เจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นศัตรูของข้าหรือ ? ตระกูลเจียงหยางไม่ใช่ตระกูลที่เจ้าจะล่วงเกินได้ สำหรับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ ท่านเชื่อหรือไม่ว่า แค่ข้าออกคำสั่งไปคำเดียว อาณาจักรอินทรีสวรรค์ของเจ้าก็จะหายไปในชั่วข้ามคืน ! “

โอหัง ! องค์ชายรองคำรามด้วยความโกรธขณะที่มือของเขาทุบโต๊ะหินจนแยกออกเป็น 2 ส่วน ดวงตาของเขาจ้องเขม็งเจี้ยนเฉินอย่างรุนแรงด้วยความโกรธแค้นก่อนที่จะตะโกนว่า เจียงหยางเซียงเทียน เจ้าคงไม่รู้ว่าสวรรค์และโลกแตกต่างกัน ! เมื่อเจ้าเต็มใจที่จะเดินไปตามเส้นทางหายนะ ข้าก็จะขอเฝ้าดูเจ้าเอง เมื่อรู้ว่าตอนนี้เจ้าได้ดูถูกเหยียดหยามอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของข้าแล้ว มันจะไม่มีใครช่วยเจ้าได้ มา จับกุมตัวเขาไว้ ! เราจะพาเขากลับไปยังอาณาจักรอินทรีสวรรค์เพื่อดูว่าพ่อของข้าจะจัดการกับเขาอย่างไร”

องครักษ์ 2 คนซึ่งยืนอยู่ด้านหลังองค์ชายรองก็เดินไปข้างหน้าพร้อมกับใบหน้าที่โหดเหี้ยม แสงแวววาวอันเยือกเย็นในสายตาของพวกเขานั้นแฝงไว้ด้วยจิตสังหารที่ทรงพลัง คำพูดของเจี้ยนเฉินเพิ่งเพิ่มพูนความโกรธแค้นให้กับทั้งสองคน พวกเขาทั้งสองยื่นมือไปทางไหล่ของเจี้ยนเฉิน

มุมปากของเจี้ยนเฉินเผยท่าทางเย้ยหยัน นิ้วของเขาสว่างขึ้น ปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าพุ่งออกมาแล้วมุ่งตรงไปที่ฝ่ามือของคนสองคน