ตอนที่ 349 สั่งสอน

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 349

สั่งสอน

“ยัยหนูนั่น กล้าปฏิเสธข้า”กู่หานพูดพลางนั่งลงในห้องรับรองที่ทางอาณาจักรเฉินจัดเอาไว้ให้ ตอนนี้มันรู้สึกโมโหอย่างมาก ชีวิตมันไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธอะไรมาก่อน แม้แต่พี่ใหญ่หรือท่านพ่อก็ยังไม่เคยทำ

“นางอาจจะยังไม่ทราบก็ได้ขอรับว่าท่านเป็นใคร”ชายผู้ติดตามบอกพลางถือชุดเปลี่ยนขององค์ชายกู่หานเข้ามา เพราะอาณาจักรของพวกมันไม่ได้มีอาณาเขตติดกัน ลำพังอาณาจักรไป๋จะผูกมิตรกับอาณาจักรเฉินและอินที่อยู่ขั้นกลางระหว่างอาณาจักรไป๋และกู่ก็ลำบากพอแล้ว 6 ปีมานี้พวกมันไม่ได้ส่งคนไปทำความรู้จักกับอาณาจักรกู่เลย ทำให้อาณาจักรกู่เองก็ไม่รู้จักอาณาจักรไป๋เช่นกันเพราะแต่เดิมอาณาจักรกู่ก็ยิ่งใหญ่มาก่อนหน้าอาณาจักรอู๋เสียอีก ทำให้ไม่ลดตัวไปยุ่งกับอาณาจักรโฮกับหลิวก่อนหน้านี้ พวกมันไม่รู้แม้แต่ว่าอาณาจักรทั้งสองกลายเป็นอาณาจักรไป๋ไปแล้วเสียด้วยซ้ำ

“อืม…คงต้องสั่งสอนให้นางรู้เสียหน่อย”กู่หานว่าพลางยิ้มบางๆออกมา

“องค์ชายจะทำอะไรหรือขอรับ”ผู้ติดตามถามพลางมองไปทางองค์ชายเหมือนกำลังรอคอยคำสั่ง

“จับตัวองค์หญิงไป๋หลิน…..”กู่หานพูดออกมา แต่ก็ชะงักไป อยู่ๆมันก็รู้สึกไม่อยากทำเช่นนั้นขึ้นมา หากจับตัวไป๋หลินเข้านางอาจจะได้รับบาดเจ็บก็ได้ แบบนั้นคงเสียดายความงามของนางไม่น้อยเลย มันเหมือนกำลังจะทำให้รูปวาดอันสมบูรณ์แบบต้องมีรอยด่างไม่มีผิด

“ไม่ดีกว่า เอาเป็นจับตัวคนสนิทของนางสักคนก็แล้วกัน”กู่หานว่าพลางยิ้มออกมา คนสนิทของไป๋หลินที่มันเห็นในงานนอกจากพี่น้องตระกูลหลิวแล้วก็มีชิงชิวและไป๋ไป่ พี่น้องตระกูลหลิวดูจะสนิทกับภรรยาขององค์ชายใหญ่ของอาณาจักรเฉิน กู่หานจึงเล็งเป้าไปที่ผู้ติดตามที่แสนจะอ่อนแอของไป๋หลินแทน

“บอกลูกน้องของเจ้าให้ลักพาตัวผู้ติดตามขององค์หญิงไปที่อาณาจักรกู่ เอาเป็นเจ้าหนุ่มระดับชำระกล้ามเนื้อกับเด็กผู้หญิงที่ไม่มีพลังวิญญาณก็แล้วกัน”กู่หานว่าพลางยิ้มออกมา ในใจของมันต้องการจะแสดงศักยภาพของอาณาจักรตนเองให้ไป๋หลินได้เห็น ต่อให้มันลักพาตัวผู้ติดตามขององค์หญิงไปสักคนหรือสองคน อาณาจักรไป๋ที่พึ่งก่อตั้งใหม่จะไปมีปัญญาอะไรมาต่อว่ามันกัน

เมื่อไป๋หลินทราบข่าวว่าผู้ติดตามของตนโดนจับตัวไป นางย่อมกลับไปบอกบิดาของตนซึ่งเป็นองค์จักรพรรดิของอาณาจักรไป๋อะไรนั่นอย่างแน่นอน เมื่อนั้นนางจะได้รู้ว่าบิดาผู้ยิ่งใหญ่ของนางไร้ความสามารถแค่ไหน เมื่อนางได้ทราบว่าจริงแล้วตัวมันคือใครนางจะขอร้องให้มันปล่อยตัวผู้ติดตามของนาง เมื่อนั้นมันจะได้ยิ้มร่าพลางปล่อยตัวผู้ติดตามของนางด้วยความเมตตา

“ทราบแล้วขอรับ”ผู้ติดตามขององค์ชายกู่หานตอบพลางเดินออกไปนอกห้องด้วยท่าทีเฉยเมยราวกับคำสั่งที่องค์ชายสั่งออกมาเป็นเรื่องปกติที่จะเจอประจำ

“หัวหน้า องค์ชายรับสั่งว่าอะไรหรือ”เดินออกมาจากห้องได้ไม่นาน ชาย 5 คนก็เดินเข้ามาหาพลางสอบถามทันที พวกมันเห็นแล้วว่ากู่หานถูกปฏิเสธกลางงานฉลอง มันไม่มีทางยอมให้ไป่หลินรอดไปเฉยๆแน่ๆ

“ลักพาตัวผู้ติดตามที่เป็นเด็กผู้ชายกับผู้หญิงขององค์หญิงไป๋หลินมาซะ แล้วก็อย่าฆ่าซะล่ะ”ผู้ติดตามขององค์ชายสั่งจบก็เดินกลับเข้าไปในห้องขององค์ชายต่อ ผู้ที่รับงานไปเมื่อครู่ต่างเป็นชนชั้นยอดฝีมือ แค่ลักพาตัวเด็ก 2 คนพวกมันสมควรทำได้ก่อนจะรุ่งสางเสียอีก

ฟุบ! ร่างของชายทั้ง 5 คนทะยานไปบนอากาศอย่างรวดเร็ว พวกมันทั้ง 5 แม้จะอยู่ระดับเทียนเซียนขั้น 10 แต่ยามเคลื่อนไหวกลับไร้ร่องรอยพลังวิญญาณทำให้ทหารของอาณาจักรเฉินจับสัมผัสถึงพวกมันไม่ได้เลย เพียงอึดใจเดียวเท่านั้นพวกมันก็มาถึงส่วนที่พักขององค์หญิงไป๋หลินเป็นที่เรียบร้อย นับว่าเป็นโชคของพวกมันที่หลิวมู่เฉินจัดที่พักแยกให้พี่ๆน้องๆของนางทำให้พื้นที่นี้มีเพียงไป๋หลินและพวกพี่น้องตระกูลหลิวเท่านั้นที่พัก พูดง่ายๆก็คือปลอดผู้คน

“เจ้าหนูนั่นเป็นองครักษ์หรือไง ทำไมออกมายืนเฝ้าข้างนอกแบบนั้น”ชายคนหนึ่งถามพลางมองไปทางชิงชิวที่ยืนอยู่ด้านนอก พวกมันนึกว่าหลิวหลงจะทำหน้าที่องครักษ์เสียอีก เพราะมันมีพลังสูงที่สุดในกลุ่มของไป๋หลินแล้ว

“เด็กเฝ้าประตูละมั้ง ช่างเถอะมันออกมาข้างนอกคนเดียวแบบนี้ก็ง่ายกับพวกเรา”ชายอีกคนว่าพลางจ้องไปที่ชิงชิว มันคือหนึ่งในเป้าหมายของพวกมัน การที่มันแยกออกมาอยู่คนเดียวแบบนี้ทำให้งานง่ายขึ้นมากทีเดียว

“………”ชิงชิวที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูสะดุ้งวาบพลางมองไปรอบๆ แม้จะกลบพลังวิญญาณจนมิด แต่พวกมันไม่ได้ซ่อนกลิ่นเอาไว้เลย จมูกที่ดีกว่าสุนัขของชิงชิวได้กลิ่นแปลกปลอม 5 จุดทันที ทำให้มันเรียกเอาอาวุธออกมาก่อนที่พวกยอดฝีมืออาณาจักรกู่จะลงมือเสียอีก

“เจ้าหนูนั่นมันสัมผัสถึงพวกเราได้งั้นหรือ”ชายคนหนึ่งตกใจ พวกมันเป็นหน่วยที่ทำงานเบื้องหลังเหมือนๆกับกลุ่มมือสังหาร วิชาลบพลังวิญญาณของพวกมันยอดเยี่ยมปกติแล้วไม่มีใครสามารถจับสัมผัสได้เลยพึ่งจะมีชิงชิวนี่เองที่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของพวกมันได้ทั้งๆที่ยังไม่ได้โจมตี นับว่าเป็นเรื่องแปลกทีเดียว

“พวกเจ้าเป็นใคร ทำไมถึงมายังที่พักขององค์หญิงไป๋หลินเช่นนี้”ชิงชิวถามพลางตั้งท่าอาวุธสองมือด้วยท่าทางรัดกุม ดวงตาของมันพยายามมองฝ่าความมืดไปรอบๆ แต่น่าเสียดายดวงตาของมันไม่ได้ดีเหมือนจมูก มันไม่สามารถมองเห็นพวกคนขององค์ชายกู่หานได้เลย

ฟุบ…ร่างของชายคนหนึ่งโผล่พรวดเข้ามาข้างหลังชิงชิว ทำให้ชิงชิวที่สัมผัสกลิ่นจากด้านหลังตัวเองได้หันไปตอบโต้ทันที

เปรี้ยง ผลัก!! น่าเสียดาย แม้จะรับมือทันแต่ระดับหลอมรวมกล้าเนื้อกับยอดฝีมือเป็นก้าวที่ห่างกันมากทีเดียว เพียงพริบตาเดียวอาวุธในมือชิงชิวก็โดนฟาดจนแทบหลุดมือก่อนที่ชายคนนั้นจะต่อยเข้าที่ท้องน้อยของชิงชิวอย่างจังจนสติของชิงชิวเลือนหายไปในพริบตา

“ไม่เลวเลย เจ้าหนูนี่สัมผัสถึงข้าได้”ชายคนนั้นชมพลางอุ้มร่างของชิงชิวขึ้นมา พวกมันคือหน่วยลับของอาณาจักรกู่ แม้แต่ยอดฝีมือด้วยกันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับสัมผัสถึงตัวพวกมัน

“เจ้าพาเด็กคนนี้ไปก่อน เด็กผู้หญิงอีกคนเราจะจัดการเอง”ชายอีกคนที่ตามชายคนแรกมาพูดพลางเรียกอาวุธออกมา ที่เหลือก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ไม่มีพลังวิญญาณ เรียกได้ว่าเป็นเรื่องง่านเกินไปที่จะใช้พวกมันมาเลย นับว่าพวกของไป๋หลินโชคร้ายจริงๆที่เจอพวกมัน

ตูม!! ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปในห้องของไป๋หลิน ประตูห้องของไป๋หลินก็กระเด็นออกมากระแทกร่างของมันคนหนึ่งจนถอยไปหลายก้าว

“พวกเจ้าเป็นใคร”ไป๋ไป่ถามพลางเดินออกมาจากประตู พอพวกมันเข้ามาใกล้ไป๋หลินก็สัมผัสถึงพวกมันได้ทันที ทำให้ไป๋ไป่ออกมาเพื่อปกป้องไป๋หลินเป็นอย่างแรก

“อะไรกัน ไม่ใช่ว่ายัยหนูนี่ไม่มีพลังวิญญาณหรือยังไง”ชายที่รับประตูเอาไว้ว่าพลางปล่อยประตูที่แหลกคามือทิ้งลงพื้นไป

“หรือว่านางจะปิดบังพลังเอาไว้เหมือนพวกเรา”ชายอีกคนว่าพลางเดินไปยังตำแหน่งที่จะล้อมประตูที่พักของไป๋หลินเอาไว้

“ไม่ต้องกลัว ถึงจะเป็นระดับยอดฝีมือ แต่จะรับมือพวกเรา 4 คนพร้อมกันได้ยังไง”ชายคนด้านหลังสุดพูดพลางมองไปทางสหายของมันที่พาชิงชิวหายไปในความมืดแล้ว

“พวกแกเป็นคนของใคร”ไป๋ไป่ถามพลางมองชายทั้ง 4 ด้วยท่าทางใจเย็น พวกมันแต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายสีดำล้วน ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยแม้แต่น้อย

“คนของเจ้าองค์ชายนั้นสินะ”ไป๋หลินว่าพลางจ้องชายทั้ง 4 คนด้วยดวงตาที่เปลี่ยนสีไปมา ไป๋หลินมองทั้งชนิดของผ้า พลังวิญญาณ วิชาที่ใช้ รวมทั้งกระบวนท่าที่พวกมันกำลังจะแสดงออกมา แม้จะนิดหน่อยแต่วิชาที่คนพวกนี้ใช้เหมือนผู้ชายที่อยู่ข้างหลังองค์ชายกู่หานไม่มีผิด

“ถูกแล้ว พวกเราคือคนขององค์ชายกู่หาน”พวกมันทั้ง 4 ยอมรับออกมาหน้าตาเฉย พวกมันไม่คิดว่าอาณาจักรไป๋จะสามารถทำอะไรได้อยู่แล้ว ต่อให้พวกมันเดินมาโต้งๆแล้วลากตัวเด็กสาวไป อาณาจักรไป๋จะทำอะไรได้

“เมื่อท่านรู้แล้วเรื่องก็คงง่ายขึ้น ท่านจะได้ไปบอกบิดาของท่านถูกว่าใครเป็นผู้จับตัวเด็กคนนี้ไป”ชายคนหนึ่งว่าพลางโผล่พรวดเข้ามาที่ตรงหน้าไป๋ไป่ มือของมันตรงเข้าไปกอดเอวของไป๋ไป่เอาไว้หมายจะอุ้มนางไปทั้งๆแบบนั้น เพียงแต่…

“หนักชะมัด”ชายคนนั้นพูดหลังจากพยายามอุ้มตัวไป๋ไป่ขึ้น ยามนั้นไป๋ไป่หน้าแดงซ่านด้วยความโมโหและอับอาย

ตูม!! ไป๋ไป่ตบลงไปบนร่างของชายที่พยายามอุ้มตนเองขึ้น ทำไมทุกคนชอบบ่นเรื่องน้ำหนักตนเองนัก นางไม่ได้อ้วยเสียหน่อย

“อะไรกัน”ชายคนนั้นตัวสั่นสะท้าน ไม่นึกเลยว่าเด็กตัวแค่นี้จะมีกำลังมหาศาลขนาดทำร้ายมันได้ แถมกำลังยังหนักมากจนมันแทบรับไม่ไหวอีกต่างหาก

“นาง…..นางไม่ใช่……”พูดยังไม่ทันจบ ไป๋ไป่ก็เตะเข้าใส่ร่างของชายคนนั้นจนลอยไปติดกำแพง ทำเอาร่างของมันแทบจะหักเป็นสองท่อนพร้อมดวงตาที่แสดงออกมาถึงความตกใจ

“……..”คนที่เหลืออีก 3 คนสะดุ้งโหยง ความแข็งแกร่งของไป๋หลินพวกมันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะขนาดนี้

“ไป๋น้อย ขอพี่ระบายอารมณ์หน่อยนะ”ไป๋ไป่ว่าพลางปล่อยพลังอสูรออกมาจนรอบข้างรู้สึกเย็นยะเยียบ แม้แต่พวกยอดฝีมือที่เข้ามาโจมตียังสัมผัสได้ถึงพลังแปลกๆที่ไหลออกมา

เมื่อเย็นเจ้าองค์ชายนั่นเกือบจะตบหน้าไป๋หลินอยู่แล้ว บอกตามตรงนางโมโหมากแต่เพราะอีกฝ่ายมีคนห้ามเอาไว้นางก็เลยลงมือไม่ได้ แต่ตอนนี้มีคนของเจ้าองค์ชายนั้นมาหาถึงที่ แถมเป็นฝ่ายโจมตีก่อนเสียด้วย นางเลยจะเอาความโมโหก่อนหน้านี้มาลงที่พวกมันเสีย

ฟุบ….ปีก 6 ปีกของไป๋ไป่กางออกมาในร่างของมนุษย์ ดวงตาเย็นยะเยียบของนางมองเหล่ายอดฝีมือของอาณาจักรกู่ด้วยท่าทางเหมือนมองมดปลวกที่อยู่ข้างทางไม่มีผิด นางไม่ได้กำลังจะต่อสู้กับพวกมัน แต่กำลังจะยกเท้าเพื่อบดขยี้ระบายอารมณ์เท่านั้น

“นี้ข้าฝันร้ายอยู่หรือไง”พวกยอดฝีมืออีก 3 คนที่เหลือเตรียมกำลังจะก้าวถอย เพียงแต่พวกมันคิดจะถอยช้าเกินไปเสียแล้ว

ตูม!!! ไป๋ไป่ใช้ปีกของตนเองฟาดใส่ชายคนหนึ่งจนร่วงลงไปนอนกับพื้นก่อนจะพุ่งตรงไปยังชายอีกคน นางใช้มือน้อยๆของร่างมนุษย์กดไปที่คอของชายคนนั้นก่อนจะออกแรงผลักจนล้มลงนอนกับพื้น นางยิ้มออกมาพลางง้างฝ่ามือไปข้างหลัง

เพี๊ย!! ไป๋ไป่ตบลงไปบนใบหน้าของชายคนนั้นจนใบหน้าของมันหันไปอีกทาง พลังทำลายของการตบครั้งนี้รุนแรงจนคอของชายคนนั้นแทบจะบิดไปตามแรงเลยทีเดียว

ฟุบ!!! หางของไป๋ไป่พุ่งออกมามัดร่างของชายอีกคนที่กำลังฉวยโอกาสตอนไป๋ไป่กำลังตบสั่งสอนเพื่อนของมันอยู่เข้ามาโจมตีด้านหลัง หางของไป๋ไป่รัดเอาร่างของชายคนนั้นแน่น มันคงให้ความรู้สึกเหมือนถูกเสาหินมัดตัวเลยทีเดียว

เพี๊ย!! ไป๋ไป่ตบลงไปที่ชายตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะตบอีกครั้งและอีกครั้ง ส่วนหางตนเองก็ไม่ลดแรงบีบลงเลย ไม่นานชายที่โดนหางตนเองบีบเอาไว้ก็หมดสติก่อนที่ชายที่โดนตบจะเริ่มกระอักเลือดออกมาก่อนจะหมดสติตามไปอีกคน