สะใภ้จางโก่วจื่อฉวยโอกาสนี้โผเข้าหาเขา กอดเขาร้องฟูมฟาย “พ่อเอ๊ย ทำไมเจ้าถึงโชคร้ายแบบนี้ แค่มากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งชามเดียวเท่านั้น ก็ต้องมาประสบวิบากกรรมเช่นนี้ ยังถูกคนใส่ร้ายว่าเป็นคนวางยาพิษ โลกใบนี้ยังมีความยุติธรรมหรือไม่?”
ความจริงกำลังจะปรากฏแล้ว สะใภ้จางโก่วจื่อกลับเข้ามาก่อกวนอาละวาด ผู้ว่าการตำบลโมโหตวาดนางเสียงเข้ม “พอแล้ว เลิกฟูมฟายได้แล้ว หากไม่ใช่พวกเจ้าวางยาพิษ ข้าย่อมต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกเจ้า หากว่าเป็นพวกเจ้าจริง เจ้าไปร้องฟูมฟายในคุกก็ยังไม่สาย”
สองสามีภรรยาจางตกใจตัวสั่น
สะใภ้จางโก่วจื่อยิ่งให้หวาดกลัวถอยห่างจากเตียงออกมา
ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวร้องขออีก ผู้ว่าการตำบลสั่งการเจ้าหน้าที่ “พวกเจ้าเข้าไปตรวจค้นตัวเขา ว่าจะพบหลักฐานอะไรหรือไม่?”
เจ้าหน้าที่สองนายเดินขึ้นหน้า เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าห้ามพวกเขา “ไม่ต้องแล้ว ตอนนี้ในตัวจางโก่วจื่อ ไม่มียาพิษแล้ว”
ได้ยินถ้อยคำเรรวนของเมิ่งเชี่ยนโยว ผู้ว่าการตำบลเริ่มมีน้ำโห พูดกับนางเสียงเกรี้ยว “แม่นางเมิ่ง เดี๋ยวบอกมี เดี๋ยวบอกไม่มี เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรืออย่างไร?”
เมิ่งเชี่ยนโยวพูดว่า “ใต้เท้าใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ ที่เมื่อครู่ข้าพูดว่าในตัวจางโก่วจื่อยังมียาพิษหลงเหลืออยู่ เป็นความจริง แต่ที่ตอนนี้พูดว่าในตัวเขาไม่มียาพิษแล้วก็เป็นความจริง เพราะตอนที่นางเข้ามาร้องไห้ฟูมฟายเมื่อครู่ จางโก่วจื่อได้ฉวยโอกาสที่ทุกคนไม่สังเกตเห็น ยัดยาพิษที่เหลือไปไว้ที่ตัวสะใภ้จางโก่วจื่อแล้วเจ้าค่ะ”
สะใภ้จางโก่วจื่อหน้าขาวซีดเป็นไก่ต้ม ร้องโวยวายข้างๆ คูๆ “เจ้าพูดเหลวไหล ในตัวพวกเราเดิมก็ไม่มียาพิษอยู่แล้ว”
เมิ่งเชี่ยนโยวแค่นเสียงหึ “พวกเจ้านึกว่ากระทำการได้อย่างแนบเนียน ไม่มีคนใครเห็น แต่กลับถูกข้าเห็นอย่างแจ่มแจ้ง ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง จงมอบยาพิษออกมาแต่โดยดีเถอะ”
สะใภ้จางโก่วจื่อกลิ้งกลอกนัยน์ตา มองคนโดยรอบ ให้ตายก็ไม่ยอมรับ “ข้าไม่มีอะไรจะมอบให้ แน่จริงเจ้าก็ให้คนมาค้นตัวข้าสิ ดูว่าในตัวข้ามีหรือไม่?”
เมิ่งเชี่ยนโยวเข้าใจความคิดของนาง เจ้าหน้าที่มีแต่ผู้ชาย ย่อมไม่อาจค้นตัวสตรีท่ามกลางสายตามวลชนที่จับจ้องได้ และเมิ่งเชี่ยนโยวที่เป็นคนต้นเรื่อง ยิ่งทำไม่ได้ หากค้นเจอยาพิษจริงๆ สะใภ้จางโก่วจื่อจะต้องแว้งกัดนางกลับ ถึงตอนนั้นผู้ว่าการตำบลก็คงตัดสินได้ยากว่าใครกันแน่ที่ซ่อนยาพิษไว้ในตัว ดังนั้นสะใภ้จางโก่วจื่อถึงไม่กริ่งเกรง ร้องเรียกให้คนมาค้นตัวนาง
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มอ่อนให้สะใภ้จางโก่วจื่อ
สะใภ้จางโก่วจื่อไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นอย่างประหลาด
เป็นดังคาด เมิ่งเชี่ยนโยวเดินมาตรงหน้าสตรีที่เหลือ พูดขึ้น “เมื่อครู่พวกท่านคงได้ยินที่ข้าพูดแล้ว ไม่ทราบว่าพวกท่านยินดีจะช่วยข้าค้นตัวนาง คืนความบริสุทธิ์ให้ข้า คืนความเป็นธรรมให้สามีของพวกท่านหรือไม่?”
สตรีสองนางหันหน้ามองกัน พยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ยินดี”
เมิ่งเชี่ยนโยวให้คำสัญญากับพวกนาง “ดี หากพวกท่านค้นพบยาพิษในตัวนาง พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าได้ ค่าใช้จ่ายที่ใช้รักษาสามีของพวกท่านข้าจะรับผิดชอบเองทั้งหมด หากพวกท่านหาไม่เจอ ก็ไม่เป็นไร ข้าไม่เพียงจะรับผิดชอบค่ารักษาของพวกเขา ข้ายังจะชดใช้เงินจำนวนหนึ่งให้พวกท่าน เป็นค่าเสียหายที่พวกเขาจะทำงานไม่ได้ระยะหนึ่ง”
ไม่คิดว่าสตรีนางหนึ่งกลับตอบอย่างไม่อ่อนน้อมแต่ก็ไม่แข็งกร้าว “แม่นางเมิ่ง ที่พวกเรารับปากจะค้นตัวสะใภ้จางโก่วจื่อ เพราะพวกเราอยากรู้ว่าพวกเขาจงใจวางยาสามีของพวกเราจริงหรือไม่ ไม่เกี่ยวกับที่ท่านจะชดใช้ค่ารักษาให้พวกเรา”
สตรีอีกนางหนึ่งพยักหน้าสมทบ “กรรมใดใครก่อ คนนั้นต้องรับผิดชอบ หากพวกเขาเป็นคนวางยาจริงๆ ค่ารักษานี้ย่อมต้องให้พวกเขาเป็นคนจ่าย หากไม่ใช่ ก็สมควรเอากับท่าน สักอีแปะเดียวพวกเราก็จะไม่ลดให้”
ว่าแล้วทั้งสองนางก็เดินเข้าหาสะใภ้จางโก่วจื่อ
สะใภ้จางโก่วจื่อถอยหลังกรูด แต่ก็ยังไม่วายใส่ไคร้เมิ่งเชี่ยนโยว “อาซ้อทั้งสอง พวกเจ้าอย่าให้นางหลอกได้ นังตัวแสบใจอำมหิตนั่น เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก หากพวกเราไม่ปรองดองกัน นางจะฉวยโอกาสนี้ไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้พวกเรา”
สตรีทั้งสองนางยืนประกบหน้าหลังนาง ขวางทางหนีทีไล่ของนาง หญิงที่อยู่เบื้องหน้านางพูดว่า “สะใภ้จางโก่วจื่อ หากที่ตัวเจ้าไม่มีพิษจริงๆ ก็ให้พวกเราค้นตัวแต่โดยดีเถอะ พวกเราจะเป็นพยานให้เจ้าต่อหน้าทุกคนเอง”
สะใภ้จางโก่วจื่อหลบเลี่ยง ยังคงปากแข็ง “อาซ้อ ในตัวข้าไม่มียาพิษจริงๆ พวกท่านไม่ต้องค้นแล้ว”
เห็นนางไม่ให้ความร่วมมือ สตรีที่อยู่ข้างหลังยื่นมือออกมา กอดตัวสะใภ้จางโก่วจื่อแน่น ส่งสายตาให้คนข้างหน้าค้นตัวนาง
สตรีข้างหน้ายื่นมือออกมาค้นหาทั่วตัวนาง แต่หาไม่เจอสิ่งแปลกปลอม ส่ายหน้าให้สตรีอีกคน
สตรีที่กอดสะใภ้จางโก่วจื่อไว้กำลังจะคลายมือ เสียงเมิ่งเชี่ยนโยวพลันดังขึ้น “พวกท่านค้นหาในแขนเสื้อนางให้ดีก่อนเถิด”
สตรีด้านหลังปล่อยตัวสะใภ้จางโก่วจื่อ คว้าแขนข้างหนึ่งของนางไว้
สตรีอีกคนก็คว้าแขนอีกข้างของนางไว้
สะใภ้จางโก่วจื่อดิ้นรนขัดขืน ไม่ให้ทั้งสองตรวจค้น
จางโก่วจื่อโมโหร้องโวยวายบนเตียง “พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว ค้นตัวนางต่อหน้าคนมากมาย ไม่คิดบ้างว่าต่อไปพวกเราจะมีหน้าไปเจอใครได้อีก?”
คล้ายว่าสตรีทั้งสองนางจะไม่ได้ยิน มุ่งมั่นแต่จะค้นชายแขนเสื้อสะใภ้จางโก่วจื่อ
สะใภ้จางโก่วจื่อดึงชายแขนเสื้อตัวเองไว้แน่น ไม่ให้ทั้งสองทำสำเร็จ
ตอนที่ทั้งสามกำลังยื้อยุดฉุดกระชากอยู่นั้น ก็มีห่อกระดาษเล็กๆ ห่อหนึ่งตกลงมาจากแขนเสื้อด้านขวาของสะใภ้จางโก่วจื่อ
ผู้ว่าการตำบลและเมิ่งเชี่ยนโยวตาไว สังเกตเห็นพร้อมกัน
ไม่รอให้เมิ่งเชี่ยนโยวเอ่ยปาก ผู้ว่าการตำบลก็ตวาดเสียงลั่น “พวกเจ้าสามคนอย่าขยับ”
ทั้งสามคนยังไม่รู้ว่าห่อกระดาษตกลงมาแล้ว ต่างหยุดชะงักฉับพลัน หันมามองผู้ว่าการตำบลอย่างไม่เข้าใจ
ผู้ว่าการตำบลเดินขึ้นหน้า คิดจะเข้าไปหยิบห่อกระดาษบนพื้น
จางโก่วจื่อกลับกลิ้งตัวลงมาจากเตียง ทับห่อกระดาษไว้พอดี
สตรีทั้งสองนางตกใจหวีดร้อง แล้วปล่อยแขนสะใภ้จางโก่วจื่อ
สะใภ้จางโก่วจื่อโผเข้าหาจางโก่วจื่อ ลนลานร้องถาม “พ่อเอ๊ย เจ้าเป็นอะไร?”
จางโก่วจื่อเจ็บจนต้องขบกรามแน่น พูดอะไรไม่ออก
ผู้ว่าการตำบลกลับเตะเขากระเด็น ตวาดด่า “เจ้าประชาชนเจ้าเล่ห์ อยู่ต่อหน้าข้า ยังกล้าเล่นลูกไม้ เจ้าหน้าที่ ลากตัวคนทั้งสองออกไป”
เจ้าหน้าที่รับคำ เข้ามาลากคนทั้งสอง
จางโก่วจื่ออยู่ไม่เป็นสุขแล้ว คลำหยิบห่อกระดาษบนพื้นได้ก็จะยัดเข้าปาก
สะใภ้จางโก่วจื่อตกตะลึง คิดจะห้ามกลับไม่กล้าห้าม
ผู้ว่าการตำบลถีบมือเขาได้ทันควัน
จางโก่วจื่อไม่ทันได้ป้องกันตัว ห่อกระดาษในมือถูกเตะลอยออกไป ตกข้างกายหมอพอดี
กลุ่มคนที่มามุงล้อมถึงเห็นห่อกระดาษบนพื้น เข้าใจจุดประสงค์เมื่อครู่ของสองสามีภรรยาจางทันที ส่งเสียงวิพากษ์อื้ออึง
เฮ่อเอ้อเห็นห่อกระดาษบนพื้น แทบอยากจะเข้าไปบีบคอจางโก่วจื่อ ไม่เพียงทำงานไม่สำเร็จ กลับทำเสียจนเละไม่เป็นท่า ตอนนั้นเขาบอกอย่างชัดเจนแล้ว นี่เป็นปริมาณของคนสามคน ให้ใส่ลงในชามให้หมด แล้วโยนห่อกระดาษทิ้งไป ไม่คิดว่าเขาจะรักตัวกลัวตาย ใส่ให้ตัวเองจำนวนน้อย ทำให้ทิ้งหลักฐานไว้ คิดจะโยกโย้ปฏิเสธก็คงไม่ได้แล้ว
ผู้ว่าการตำบลเลือดขึ้นหน้าแล้ว เตะจางโก่วจื่ออีกสองครั้งอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ “เจ้าสารเลว คิดจะทำลายหลักฐาน คอยดูว่าข้าจะลงโทษเจ้าอย่างไร”
กลายเป็นเมิ่งเชี่ยนโยวที่เข้ามายับยั้งเขา “ท่านใต้เท้า ท่านอย่าเพิ่งใจร้อนลงโทษพวกเขา ให้ท่านหมอตรวจสอบก่อนค่อยตัดสินใจเถอะเจ้าค่ะ”
เฮ่อเอ้อหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง เดิมเขายังคิดว่ารอตอนที่เมิ่งเชี่ยนโยวตรวจห่อกระดาษ จะช่วยสองสามีภรรยาจางแว้งกัดนาง บอกว่าเมิ่งเชี่ยนโยวสับเปลี่ยนห่อกระดาษ ไม่คิดว่านังตัวแสบจะเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ป้องกันแผนการนี้ของพวกเขาเอาไว้แล้ว ไม่ได้แตะห่อกระดาษนั้นเลย
ผู้ว่าการตำบลพยักหน้า พูดกับหมอด้วยโทสะคุกรุ่น “ท่านตรวจดูหน่อยเถอะ ในห่อกระดาษนี้ใช่ยาพิษหรือไม่”
หมอก้มลงเก็บห่อกระดาษบนพื้น เปิดออก สูดดมอย่างถี่ถ้วน แล้วให้พนักงานยกน้ำชามหนึ่งเข้ามา เทผงยาจำนวนหนึ่งในห่อกระดาษลงไปในชาม แกว่งชามเล็กน้อย จึงเดินมาโต๊ะคิดเงิน เปิด**บใบหนึ่งออก หยิบเข็มเงินเรียวแหลมเล่มหนึ่งออกมา ปักลงไปในน้ำ
เข็มเงินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ
หมอชูเข็มเงินขึ้นให้กลุ่มคนได้เห็นอย่างชัดเจน ถึงพูดกับผู้ว่าการตำบล “ใต้เท้า ในห่อกระดาษนี้เป็นยาพิษจริงๆ ขอรับ?”
ความจริงปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว สองสามีภรรยาจางนั่งแช่ไปกับพื้น
สตรีอีกสองนางไม่อดทนแล้ว เข้าไปรุมจิกตีสะใภ้จางโก่วจื่อ “นังคนใจดำอำมหิต ปกติพวกเราดีกับพวกเจ้ามาก พวกเจ้ากลับทำคุณบูชาโทษ คิดจะวางยาสามีของพวกเรา”
สะใภ้จางโก่วจื่อยกแขนหลบหลีก พลั้งปากพูดออกไป “พวกเราไม่ได้คิดจะคิดร้ายถึงแก่ชีวิตพวกเจ้า ไม่เช่นนั้นคงไม่ปรึกษากันก่อนว่าจะใส่ยาในปริมาณน้อยหรอก”
สิ้นเสียงนาง ความเงียบปกคลุมโรงหมอ
สตรีทั้งสองนางหยุดทึ้งผมนาง ถลึงตามองนางอย่างไม่อยากเชื่อ
หลังความตกตะลึงของกลุ่มคน ทุกคนก็แตกฮือ ชี้สองสามีภรรยาจางวิพากษ์วิจารณ์เสียงดังอื้ออึง
สะใภ้จางโก่วจื่อตกใจรู้สึกตัวแล้วว่าตัวเองพูดอะไรออกไป นั่งหน้าซีดคอตกบนพื้น
เมิ่งเชี่ยนโยวหรี่นัยน์ตา แม้สะใภ้จางโก่วจื่อจะยอมรับกลายๆ แล้วว่าตัวเองเป็นคนวางยา แต่ยังไม่ได้พูดถึงผู้บงการเบื้องหลังออกมา
ผู้ว่าการตำบลได้ยินนางยอมรับแล้ว โมโหจนตาแทบจะลุกเป็นไฟ ตนเองเข้าดำรงตำแหน่งมาสี่ปี มีแต่ความรอบคอบและระมัดระวังมาตลอด ด้วยเกรงว่าขอบเขตอำนาจในการตัดสินคดีจะเกิดความผิดพลาด ไม่คิดว่าเพราะคนชั่วช้าสองคนนี้ เพื่อขู่กรรโชกเงินจำนวนหนึ่ง ถึงกับคิดวิธีวางยาให้ตัวเองออกมาได้ หากไม่เพราะเมิ่งเชี่ยนโยวรู้วิชาแพทย์ เปิดโปงแผนการของพวกเขา ไม่แน่ว่าตนเองคงนึกว่าก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งของพวกเขามีปัญหาจริงๆ แล้วบีบบังคับให้พวกเขาต้องปิดร้าน
คิดถึงคำพูดที่มีนัยแฝงอย่างลึกซึ้งที่เปาชิงเหอพูดกับเขา ก่อนที่เขาจะจากไป ผู้ว่าการตำบลรู้สึกมีเหงื่อเย็นผุดซึมทั่วตัว สั่งการเจ้าหน้าที่เสียงเกรี้ยว “กุมตัวคนชั่วช้าคู่นี้ไปศาลาว่าการ รอฟังคำสั่งต่อไป”
เจ้าหน้าที่รับคำ เข้าไปลากตัวคนทั้งสองที่ตัวแข็งทื่อราวสุนัขตายออกไปข้างนอก
ผู้ว่าการตำบลสั่งเจ้าหน้าที่อีกนายนำห่อกระดาษและยาพิษละลายน้ำกลับไปด้วย ถึงเดินตามออกไป
เจ้าหน้าที่อีกสามนายที่ยกชามก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งก็เดินตามออกไป
เมิ่งเชี่ยนโยวตามรั้งท้ายพวกเขาไป
เฮ่อเอ้อประสานมือ พูดขอขมาเมิ่งเชี่ยนโยวด้วยใจจริง “แม่นาง ข้าใจร้อนไปหน่อย เรื่องยังไม่ชัดเจน ก็ออกหน้าส่งเดช ขอท่านอย่าได้ตำหนิโทษเลย”
เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มอ่อน “ท่านผู้กล้ามีจิตใจห้าวหาญ เห็นเหตุการณ์อยุติธรรมก็รีบยื่นดาบเข้าช่วย แม้การตวัดดาบในวันนี้ของท่านจะผิดเวลา แต่ข้าก็ยังเลื่อมใสคนเช่นท่าน” ความหมายแง่ลบแฝงความเสียดสีเยาะหยัน ทำเอาใบหน้าดำกร้านของเฮ่อเอ้อแดงอาบไปทั่วทั้งใบหน้า
หลังจากหัวเราะลั่นกลบเกลื่อน เฮ่อเอ้อก็ประสานมือเบี่ยงไปพูดหัวข้ออื่น “ข้ารู้เรื่องทั้งหมดกระจ่างแล้ว เป็นข้าที่ตำหนิคนผิด ข้าขออภัยแม่นางอีกครั้ง ขอแม่นางโปรดให้อภัยด้วย นี่ก็เย็นมากแล้ว ข้าสมควรไปบ้านญาติได้แล้ว”
ว่าแล้ว ก็ช้อนนัยน์ตาลอบมองสีหน้าเมิ่งเชี่ยนโยวอย่างกล้าๆ กลัวๆ เกรงนางจะไม่ยินยอม จงใจกลั่นแกล้งตัวเอง
ไม่คิดว่าเมิ่งเชี่ยนโยวกลับพยักหน้า สั่งเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคน “พวกเจ้าไปบังคับรถม้าที่ร้านมา พาผู้กล้าจิตใจดีท่านนี้ไปส่งบ้านญาติ จำไว้ให้ดี จะต้องส่งเขาถึงบ้านอย่างปลอดภัยถึงจะกลับมาได้”
เสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคนน้อมรับคำ ยกเท้าเดินออกไป
เฮ่อเอ้อยื่นมือออกมาขวางรั้งพวกเขา เริ่มว้าวุ่นใจพูดกับเมิ่งเชี่ยนโยว “ข้าเข้าใจแม่นางผิด แม่นางยังจะช่วยพาข้าไปส่ง ยิ่งทำให้ข้าละอายใจนัก ขอท่านเก็บคืนคำสั่งด้วย ข้าร่างกายกำยำ เดินทางหลายสิบลี้ไม่เป็นปัญหา”
เมิ่งเชี่ยนโยวมองดูท้องฟ้า ไม่ฝืนใจเขา พยักหน้าตกลง “ก็ได้”
เฮ่อเอ้อลอบยินดี กล่าวขอบคุณอีกครั้ง แล้วลนลานเดินออกไปจากโรงหมอ
เมิ่งเชี่ยนโยวมองเขาเดินไปไกล สั่งการเสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคน “พวกเจ้าตามเขาไป ดูว่าเขาไปที่ไหนกันแน่ จำไว้ให้ดี เพียงแค่สะกดรอยตาม ไม่ต้องลงมือ”
“ขอรับ แม่นาง!”
เสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคนรับคำแล้วเดินออกมา แอบลอบตามเฮ่อเอ้อไป