ตอนที่ 4-2 ถูกโจมตีระหว่างทาง

ข้ามกาลบันดาลรัก [ส่วนที่ 2 ภาคแต่งงาน]

กลุ่มคนที่มามุงล้อมตามไปศาลาว่าการหมดแล้ว หน้าโรงหมอเงียบสงบลงไปมาก

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวหันไปพูดกับเมิ่งเสียน “พี่ใหญ่ ท่านกลับร้านไปก่อนเถอะ ไปปลอบใจคนที่เสียขวัญ ข้าจะไปศาลาว่าการ เมื่อจัดการเรื่องเรียบร้อยแล้ว ข้าถึงจะกลับไป”

 

 

เมิ่งเสียนพยักหน้า เดินลิ่วๆ ออกไป ขึ้นนั่งบนรถม้า กลับไปยังร้าน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็สาวเท้าเดินออกไป เสียงสั่นกลัวของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง “มะ แม่นางเมิ่ง!” เมิ่งเชี่ยนโยวชะงักฝีเท้า หันหลังกลับไป

 

 

สตรีสองนางเร่งฝีเท้าเดินมาตรงหน้านาง พูดอย่างรู้สึกผิด “แม่นางเมิ่ง พวกเรายังไม่ทันรู้ความจริง ก็เข้าไปอาละวาดในร้านท่าน ต้องขอโทษท่านด้วย ขอท่านอย่าได้เอาความคนต่ำต้อยอย่างพวกเรา ให้อภัยพวกเราด้วย”

 

 

พูดจบ ก็มองนางด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวส่งยิ้มอ่อนให้ “คนในบ้านได้รับพิษ พวกท่านมีพฤติกรรมเช่นนั้นมิใช่เป็นการกระทำที่ไม่ดีทั้งหมด วางใจเถอะ ข้าไม่เก็บเอามาใส่ใจหรอก”

 

 

สตรีสองนางปิติยินดี โค้งคำนับกล่าวขอบคุณพร้อมกัน “ขอบคุณแม่นาง ขอบคุณแม่นาง”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวรีบเข้าไปห้าม “พวกท่านตามข้าไปศาลาว่าการเถอะ ไปฟังว่าเหตุใดพวกเขาถึงต้องวางยาพิษกันแน่”

 

 

สตรีสองทางรับคำ เดินตามหลังเมิ่งเชี่ยนโยวมาถึงศาลาว่าการ

 

 

กลุ่มคนที่มาดูเรื่องสนุกกำลังมุงล้อมด้านหน้าศาลาว่าการ ชี้มือชี้ไม้วิพากษ์อย่างสนุกปาก เห็นเมิ่งเชี่ยนโยวทั้งสามคนเข้ามา ก็แยกออกเป็นทางให้พวกนางโดยอัตโนมัติ

 

 

ทั้งสามเข้ามาในศาลาว่าการ เห็นสองสามีภรรยาจางกำลังคุกเข่าบนพื้น

 

 

ทั้งสามทำความเคารพผู้ว่าการตำบลเสร็จ ออกมายืนด้านข้าง

 

 

ผู้ว่าการตำบลตบแท่งไม้ตบบัลลังก์ รอบศาลาว่าการทั้งภายในและภายนอกอยู่ในความสงบพลัน

 

 

ผู้ว่าการตำบลพูดน้ำเสียงแข็งกร้าว  “เจ้าไพร่บังอาจ ยังไม่รีบบอกเหตุจูงใจในการวางยาของเจ้าออกมาอีก จะรอให้ถูกโบยก่อนใช่หรือไม่?”

 

 

จางโก่วจื่อพูดอย่างหวาดผวา “ข้ายอมรับสารภาพแล้ว!”

 

 

“ยังไม่รีบพูดออกมาอีก!” ผู้ว่าการตำบลตวาด

 

 

จางโก่วจื่อตกใจตัวสั่นระริก แล้วพูดว่า “ข้าเป็นคนตะกละตะกลาม นับตั้งแต่ร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเปิดมา ข้าก็นึกอยากกินสักชาม แต่ทางบ้านแร้นแค้น แม้แต่ข้าวก็กินไม่อิ่ม ไฉนเลยจะมีเงินมากมายมากินก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งได้ หลายวันก่อน ข้าออกไปทำงาน ได้เงินมาไม่น้อย คิดจะไปกินสักชาม คนในครอบครัวเป็นตายก็ไม่เห็นด้วย ด้วยความหน่ายแหนงใจ ข้าจึงคิดวิธีหนึ่งขึ้น ฉวยโอกาสนี้หลอกกรรโชกเงินพวกนางสักก้อน แต่ข้าก็กลัวถ้าข้าได้รับพิษคนเดียว จะทำให้คนอื่นสงสัยได้ จึงชวนเพื่อนสนิทของข้าไปกินด้วยกัน”

 

 

“เช่นนั้นเจ้าใส่ยาลงในชามของคนทั้งสองได้อย่างไร?” ผู้ว่าการตำบลเค้นถาม

 

 

จางโก่วจื่อผ่อนลมหายใจ แล้วตอบอย่างอ่อนแรง “หลังจากก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งถูกยกออกมา ข้าก็ล้วงยาพิษออกมาจากชายเสื้อ เริ่มจากใส่ชามของตัวเองก่อน บอกพวกเขาว่า นี่เป็นเครื่องปรุงรสชั้นเลิศที่ข้าได้มาจากบ้านนายท่าน ตอนข้าออกไปทำงาน พวกเขาได้ฟัง ต่างแย่งกันขอให้ข้าเทใส่ในชามพวกเขาด้วย ข้าจึงใช้โอกาสนี้เทยาพิษลงในชามของพวกเขา”

 

 

จางโก่วจื่อพูดอย่างมีเหตุมีผล ผู้ว่าการตำบลเชื่อหลายส่วน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกลับเอ่ยปากถามเขา “เจ้าไปทำงานที่ไหน หาเงินได้มากเท่าใด และเจ้าเอายาพิษนั้นมาจากไหน พูดออกมาให้หมด ข้าจะส่งคนไปสืบสวน”

 

 

หากเป็นปกติทั่วไป เมิ่งเชี่ยนโยวกล้าซักถามนักโทษโดยพลการ ไม่ผ่านความเห็นชอบจากผู้ว่าการตำบล เขาคงติเตียนนางไปแล้ว แต่หลังจากผ่านพ้นเรื่องในวันนี้ ผู้ว่าการตำบลให้เกิดความชมชอบนาง จึงอนุญาตให้นางถามได้ จางโก่วจื่อได้ยินคำถามเมิ่งเชี่ยนโยว แววตาล่อกแล่ก อึกๆ อักๆ พูดไม่ออก

 

 

ผู้ว่าการตำบลเข้าใจทันทีว่าเขาโกหก บันดาลโทสะ สั่งการเจ้าหน้าที่อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง “เจ้าหน้าที่ ลากตัวไพร่ผู้นี้ออกไปโบยยี่สิบไม้ก่อน”

 

 

เจ้าหน้าที่สองนายรับคำ เดินมาข้างจางโก่วจื่อ

 

 

แม้จางโก่วจื่อจะใส่ยาพิษในชามตัวเองน้อยกว่าของสองคนนั้น แต่เพื่อให้สมจริง ก็ใส่ลงไปไม่น้อย หลังจากทนทรมาน พลังชีวิตก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว หากต้องถูกโบยอีกยี่สิบไม้ พลังชีวิตที่เหลือเพียงน้อยนิดนี้คงไม่รอดแล้ว

 

 

สะใภ้จางโก่วจื่อเข้ามาขวางหน้าจางโก่วจื่ออย่างขยาดกลัว ขอร้องวิงวอน “ใต้เท้า ท่านอภัยให้เขาสักครั้งเถอะ ครอบครัวพวกเรายังมีคนแก่และเด็กรอให้เขาเลี้ยงดู หากเขาตายไป พวกเราจะอยู่ต่อไปอย่างไร?”

 

 

ผู้ว่าการตำบลไม่สนใจนาง ออกคำสั่งเจ้าหน้าที่ “ลงทัณฑ์!”

 

 

เจ้าหน้าที่ผลักสะใภ้จางโก่วจื่อออก ลากตัวจางโก่วจื่อมาถึงลานด้านนอก ยกไม้ในมือขึ้นตีลงไป

 

 

จางโก่วจื่อหวีดร้องโหยหวน

 

 

กลุ่มคนที่มามุงล้อมได้ยินเสียงร้องน่าสังเวชของเขา ต่างหดห่อตัวรับรู้ความรู้สึกของเขา

 

 

โบยไปห้าไม้ จางโก่วจื่อใกล้จะขาดใจแล้ว

 

 

สะใภ้จางโก่วจื่อเห็นดังนั้น รีบโขกศีรษะให้ผู้ว่าการตำบล ลนลานพูดว่า “ข้าพูดแล้ว! ข้าพูดแล้ว!”

 

 

ผู้ว่าการตำบลยกมือขึ้น ยับยั้งเจ้าหน้าที่

 

 

สะใภ้จางโก่วจื่ออยากวิ่งออกไปดูว่าจางโก่วจื่อเป็นอย่างไรบ้าง กลับถูกไม้พายของเจ้าหน้าที่ขวางไว้

 

 

สะใภ้จางโก่วจื่อหันกลับไปคุกเข่าอีกครั้ง เสียใจจนลำไส้เขียวช้ำไปหมดแล้ว พูดสะอึกสะอื้นน้ำเสียงขาดเป็นห้วงๆ ว่า “หลายวันก่อน มีชายคนหนึ่งมาหาพวกเรา บอกว่ามีเรื่องหนึ่งอยากให้พวกเราช่วย หากทำสำเร็จ จะให้เงินค่าตอบแทนเป็นเงินห้าร้อยตำลึง พวกเราถามเขาว่าให้ทำอะไร เขาจึงบอกเรื่องให้ป้ายสีร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งกับพวกเราก่อน นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าทำพลาดอาจถึงแก่ชีวิตได้ เริ่มแรกพวกเราไม่กล้ารับปาก คาดไม่ถึงว่าชายคนนั้นจะข่มขู่พวกเรา บอกว่าพวกเรารู้เรื่องที่เขาจะทำแล้ว หากพวกเราไม่รับปาก จะฆ่าพวกเรายกครัว หากพวกเรารับปาก ไม่เพียงจะรักษาชีวิตทั้งครอบครัวไว้ได้ ยังจะได้เงินอีกห้าร้อยตำลึง พวกเราด้วยความหวาดกลัว จึงยอมรับข้อเสนอเขา เขาจึงสอนพวกเราว่าต้องใส่ยาพิษอย่างไร หลังจากข้ารู้เรื่องที่สามีได้รับพิษ ให้ข้าไปอาละวาดที่ร้านอย่างไร ทั้งต้องพูดอย่างไร ให้พวกเราหมดทุกอย่าง”

 

 

ผู้ว่าการตำบลเค้นถาม “พวกเจ้ารู้จัก ผู้บงการเบื้องหลังคนนั้นหรือไม่?”

 

 

สะใภ้จางโก่วจื่อส่ายหน้า “ไม่รู้จักเจ้าค่ะ ฟังจากสำเนียงเขา ไม่เหมือนคนท้องที่นี้ อีกทั้ง นับแต่วันนั้นมา พวกเราก็ไม่ได้พบเขาอีกเลย”

 

 

“เช่นนั้นทำไมพวกเจ้าถึงยอมทำงานให้เขาอย่างถวายหัวเช่นนี้?” ผู้ว่าการตำบลเค้นถามต่อ

 

 

สะใภ้จางโก่วจื่อกัดฟันพูดว่า “ชายคนนั้นใจกว้างมาก หลังจากมอบหมายงานเสร็จสิ้น ก็ได้มอบเงินให้พวกเราสองร้อยตำลึง พวกเราถึงตัดสินใจยอมทำงานนี้”

 

 

ผู้ว่าการตำบลถามต่อ “ตอนนี้เงินอยู่ที่ไหน?”

 

 

“อยู่บนขื่อบ้านพวกเราเจ้าค่ะ มัดห่อไว้ด้วยผ้าเก่าผืนหนึ่ง” สะใภ้จางโก่วจื่อตอบ

 

 

ผู้ว่าการตำบลสั่งการเจ้าหน้าที่สองนาย “พวกเจ้าจงไปบ้านนาง นำเงินกลับมาโดยเร็วที่สุด”

 

 

เจ้าหน้าที่สองนายรับคำ เร่งฝีเท้าวิ่งออกไปทันที ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ก็กอดห่อผ้าหนึ่งวิ่งกลับมา วางไว้บนโต๊ะพิจารณาคดีเบื้องหน้าผู้ว่าการตำบล

 

 

ผู้ว่าการตำบลเปิดห่อผ้าออก เงินสีขาวนวลปรากฏขึ้นตรงหน้า

 

 

กลุ่มคนที่มาดูเรื่องสนุกไฉนเลยจะเคยเห็นเงินมากมายเช่นนี้ ต่างสูดลมเย็นเข้าปากกันเป็นแถบ

 

 

สะใภ้จางโก่วจื่อพูดเสียงสั่นเครือ “ในนี้มีเงินหนึ่งร้อยเก้าสิบตำลึง อีกสิบตำลึงพวกเราใช้ไปแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

ผู้ว่าการตำบลนับจำนวนเงิน ได้หนึ่งร้อยเก้าสิบตำลึงพอดี ตบแท่งไม้ลงบนบัลลังก์ พูดเสียงลั่น “ตอนนี้ตรวจสอบเรื่องกระจ่างแล้ว ชายสามคนที่ได้รับพิษ เป็นฝีมือของคู่สามีภรรยาจางโก่วจื่อ ไม่เกี่ยวข้องกับร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง ร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่งเปิดดำเนินการต่อไปได้ นำตัวคู่สามีภรรยาจางโก่วจื่อไปคุมขัง รอการตัดสินหลังจากจับตัวผู้บงการได้แล้ว” เจ้าหน้าที่ขานรับคำ ลากตัวจางโก่วจื่อที่นอนแน่นิ่งจะตายแหล่มิตายแหล่และสะใภ้จางโก่วจื่อไปขังคุก

 

 

กลุ่มคนที่มุงล้อมส่งเสียงเซ็งแซ่ คนตายเพราะเงินนกตายเพราะอาหาร ครั้งนี้สองสามีภรรยาจางจะต้องไม่มีจุดจบที่ดี

 

 

ผู้ว่าการตำบลสั่งกำชับกุนซือ “เงินสกปรกพวกนี้ นอกจากนำไปใช้เป็นค่าตรวจโรคและหยูกยาของทั้งสองคนนั้น ส่วนที่เหลือให้จดบันทึกเข้าคลัง”

 

 

กุนซือรับคำ เดินมาหน้าบัลลังก์ ใช้ผ้ามัดห่อเงินเก็บขึ้น

 

 

สตรีอีกสองนางปลาบปลื้มยินดี กล่าวขอบคุณไม่ขาดปาก

 

 

กลุ่มคนที่มุงล้อมเห็นเรื่องจบสิ้นแล้ว ต่างแยกย้ายไปคนละทิศละทาง

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวกล่าวลาผู้ว่าการตำบลอย่างมีมารยาท แล้วเดินออกมา

 

 

เสี่ยวเอ้อร์สองคนที่ถูกส่งไปสะกดรอยตายเฮ่อเอ้อเดินมาตรงหน้านาง พูดเสียงต่ำ “นายท่าน พวกเขาไปยังห้องรับรองชั้นสองของเหลาจวี้เสียนขอรับ ข้าสืบถามจากหลงจู๊แล้ว ในห้องรับรองมีคุณชายอ่อนเยาว์กับชายกำยำสิบกว่าคน แต่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหน”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ไม่ต้องสนพวกเขา เมื่อพวกเขาพุ่งเป้ามาที่พวกเรา จักต้องลงมืออีก ช่วงนี้คอยระวังเอาไว้ให้ดีก็พอ นี่ก็เย็นมากแล้ว พวกเราก็สมควรกลับบ้านแล้ว”

 

 

เสี่ยวเอ้อร์ทั้งสองคนรับคำ ตามเมิ่งเชี่ยนโยวกลับมายังร้านก๋วยเตี๋ยวแป้งมันฝรั่ง

 

 

เมิ่งเสียนและคนอื่นๆ ในร้านกำลังรอฟังข่าวอย่างใจจดจ่อ เห็นนางกลับมา เมิ่งเสียนรีบร้อนซักถาม “น้องสาว เป็นอย่างไรบ้าง? พวกเขายอมรับสารภาพหรือไม่?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างกระชับ

 

 

ทุกคนได้ฟังแล้ว ต่างโมโหเคืองโกรธ แทบอยากจะนำตัวผู้บงการออกมาซ้อมให้น่วมตอนนี้เลย

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวปลอบประโลมจิตใจพวกเขา พูดว่า “วันนี้พวกเจ้าเสียขวัญมากแล้ว ตอนเย็นไม่ต้องเปิดทำการ พวกเรารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เปิดร้านตามปกติ”

 

 

ทุกคนขานรับคำ หลังจากตรวจดูภายในร้านอย่างละเอียดหนึ่งรอบตามปกติ ก็ลงกลอนประตู นั่งรถม้ากลับไปพร้อมกัน

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวและเมิ่งเสียนนั่งในห้องโดยสาร เมิ่งเชี่ยนโยวเล่าเรื่องทั้งหมดอย่างละเอียดให้เมิ่งเสียนฟังอีกครั้ง

 

 

เมิ่งเสียนขมวดคิ้ว พูดว่า “ปกติพวกเราไม่เคยล่วงเกินใคร ใครกันที่มีความแค้นหนักหนาเช่นนี้กับพวกเรา หมายจะบีบให้พวกเราต้องปิดร้าน?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวก็ขบคิดถึงปัญหานี้มาตลอด ได้ฟังก็ส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้ หลายปีมานี้พวกเราตั้งใจทำการค้า ไม่เคยมีเรื่องกับใครที่ไม่ควรมีเรื่องด้วยเลย”

 

 

เมิ่งเสียนถามขึ้น “หรือมีคนริษยาที่ร้านพวกเราขายดีเกินไป ถึงได้คิดวิธีนี้?”

 

 

“ไม่มีทาง” เมิ่งเชี่ยนโยวตอบหนักแน่น “คนที่พอมีกำลังทรัพย์ในเมืองชิงซีต่างก็รู้เรื่องของข้าดี พวกเขามีแต่จะมาประจบสอพลอ จะกระทำเรื่องชั่วช้าลับหลังข้าได้อย่างไร จักต้องไม่ใช่พวกเขา”

 

 

เมิ่งเสียนนึกกังขา “เช่นนั้นจะเป็นใคร?”

 

 

เมิ่งเชี่ยนโยวแสยะยิ้มอ่อน “ไม่ว่าเป็นใคร เมื่อมากระตุกหนวดเสือข้า ข้าจะทำให้เขามาแล้วไม่มีวันได้กลับไปอีก”

 

 

เมิ่งเสียนรู้ว่าครั้งนี้นางโมโหจริงๆ แล้ว เป็นกังวลหลังจากที่นางได้ตัวคนนั้นมา จะลงมือเ**้ยมโหด ส่งผลเสียต่อชื่อเสียงนาง คิดจะพูดเตือนนาง แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก จู่ๆ รถม้าก็หยุดวิ่ง ด้านนอกมีเสียงคุ้นหูของชายคนหนึ่งดังขึ้น “แม่นางเมิ่ง ลงมาคุยกันหน่อยเถอะ”