เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddha’s palm]

Sign in Buddha’s palm 251 (II)

Sign in Buddha’s palm 251 (I) ดับชีวิต

“มันจบแล้ว”

“มันจบสิ้นแล้ว”

เมื่อนักพรตเฒ่าเห็นฉากนี้ มือและเท้าของเขาก็เย็นเยียบ

 

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ควบแน่นอาณาเขตได้ถึงสองคนต่อสู้กันแม้ว่าจะเป็นในต่างดินแดน เหตุการณ์เช่นนี้ก็ยังหาได้ยากยิ่ง หลายร้อยปีอาจจะมีสักครั้งสําหรับขุมพลังระดับนี้ด้วยการต่อสู้น้ํานั่นเต็มรูปแบบเพียงแค่การปะทะกันของอาณาเขตก็อาจเปลี่ยนพื้นที่หลายสิบล้ําให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตายได้เลย

หากเป็นช่วงก่อนที่บรรพบุรุษชีหยวนและซูฉินจะต่อสู้กัน นักพรตเฒ่าค่อนข้างมั่นใจว่าจะพาจักรพรรดิถังและตระกูลซูฉินออกจากเมืองฉางอันเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติได้ แต่ในตอนที่การต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้นแล้ว นับประสาอะไรกับการที่นักพรตเฒ่าจะพาผู้คนออกไปด้วย แค่การรักษาตนเองให้รอดไปได้ก็เป็นปัญหายิ่งแล้ว

 

และในครั้งนี้

ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน แววดูถูกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

“ถ้าเจ้ามีกําลังวังชาเต็มเปี่ยม มีความแข็งแกร่งเหมือนตอนอยู่ในยุครุ่งเรืองข้าก็พอจะสนใจอยู่ ทว่าตอนนี้ ”

 

ซูฉินสายศีรษะ

ในสายตาของซูฉิน ไม่ว่าจะเป็นบรรพบุรุษชีหยวน บรรพบุรุษเฉวซินหรือบรรพชนพรรคหมื่นดาบ พวกเขาไม่นับเป็นตัวอะไรเลยนอกเสียจากหนอนน้อยที่น่าสงสารพยายามมีชีวิตรอดต่อไปด้วยวิธีลับจนเลือดเนื้อและพลังชีวิตของมันเสื่อมสลาย ความแข็งแกร่งเองก็ลดลง

 

“สารเลว!”

 

บรรพบุรุษชีหยวนโกรธจัด เขาจะไม่สังเกตเห็นการดูถูกที่แฝงอยู่ในคําพูดของซูฉินได้อย่างไร?

ในสายตาของบรรพบุรุษชีหยวน การที่ซูฉินฟันอาณาเขตของเขาจนกระจุยมันจะต้องใช้พลังออกไปอย่างเต็มที่ และด้วยกระบวนท่าที่เขากําลังจะใช้ออกในยามนี้เป็นพลังจากการสั่งสมมาอย่างยาวนาน จะต้องทําให้อีกฝ่ายเตรียมรับมือด้วยทุกอย่างที่มี ไฉนเลยยังจะมาหัวเราะเยาะตัวเขาที่พลังชีวิตเสื่อมถอยลงเช่นนี้ได้?

 

“จงมอบชีวิตมาให้ข้า!”

 

บรรพบุรุษชีหยวนลืมตาขึ้น วิญญาณสีดําชั่วร้ายก็พลันปรากฏขึ้นบนร่างของเขา

 

หมอกสีดําอันมิรู้ประมาณพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของบรรพบุรุษชีหยวน และรวมตัวกันอย่างต่อเนื่องเหมือนกับเป็นก้อนเมฆสีดําขนาดใหญ่หากมองดูจากระยะไกล เมฆกลุ่มนี้มีขนาดใหญ่มากจริงๆ ครอบคลุมแผ่นฟ้าได้ถึงครึ่งหนึ่ง

 

บูมม

 

เมฆสีดํากว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มเคลื่อนตัวเข้าไปปกคลุม

 

เมฆสีดําเหล่านี้เต็มไปด้วยพลังแห่งความตายอันไม่สิ้นสุดซึ่งเป็นผลมาจากความพยายามหลายต่อหลายปีของบรรพบุรุษชีหยวน ไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตมากมายเท่าไหร่ที่ถูกสังหารและดูดซึมพลังงานความตายทั้งหมดเอาไว้ หากตํานานยุทธธรรมดาเจอเข้ากับสิ่งนี้จะต้องกลายเป็นปีศาจที่บ้าคลั่งอย่างแน่นอน แม้จะเป็นตํานานยุทธระดับ นภาชั้นที่เก้าเมื่อเมฆหมอกแห่งความตายลอยมาเบื้องหน้าก็ต้อง ยอมถอยหนีออกไปหลายพันลี้ ไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง

เมื่อรวมกับความแข็งแกร่งของบรรพบุรุษชีหยวน อาจจะกล่าวได้ว่าแม้ตัวซูฉินจะเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ควบแน่นอาณาเขตได้แล้วก็ยังตกอยู่ในอันตรายเมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้

พริบตาต่อมา

เมฆสีดําอันไร้ที่สิ้นสุดก็พัดพาไปทั่วอย่างรวดเร็ว ซูฉินจมหายเข้าไปในทันที เมื่อมองจากเบื้องล่าง ร่างกายของซูฉินดูเหมือนจะถูกเมฆสีดํากลืนเข้าไปทั้งร่าง

 

“บรรพบุรุษชีหยวนชนะแล้ว”

 

นอกเมืองฉางอัน ชายผมหงอกปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า“เมฆสีดํากลุ่มนี้เป็นกระบวนท่าไม้ตายของบรรพบุรุษชีหยวนมีตํานานยุทธขั้นสูงสุดมากกว่าหนึ่งคนที่ถูกฝังกลบด้วยวิชาลับอันนี้”

“ตํานานยุทธเมืองฉางอันน่ะ แม้จะสามารถเจาะทะลวงอาณาเขตด้วยการโจมตีเดียว แต่เมื่อตกอยู่ในกลุ่มเมฆมรณะสีดํานี่ เกรงว่าคงจะต้องดิ้นรนอยู่ในภายใน ออกมือออกเท้าลําบากแล้วหากไม่ระวังก็มีโอกาสสูงมากที่จะตายด้วยน้ํามือของบรรพบุรุษซี่หยวน”

 

ชายผมหงอกดูเหมือนจะรู้จักบรรพบุรุษชีหยวนเป็นอย่างดีและพูดคุยออกมาอย่างสบายๆ

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

 

ตํานานยุทธที่เหลือพยักหน้าตามที่ละคน มองดูบรรพบุรุษที่หยวนขยับมือควบคุมก้อนเมฆสีดําด้วยสีหน้าหวาดกลัว

 

บรรพบุรุษชีหยวนในตอนนี้มีไอพลังที่แข็งแกร่งราวกับย้อนกลับไปสู่สมัยที่พลังชีวิตของตนเองเคยรุ่งเรืองเมื่อพันปีก่อน

 

บนกําแพงเมืองฉางอัน

ใบหน้าของจักรพรรดิถังและคนอื่นๆ เปลี่ยนไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเมฆสีดํานี้คืออะไร แต่คงไม่ใช่เรื่องดีนักที่ซูฉินจมลงไปภายใน

 

ในขณะนี้ ด้านหลังบรรพบุรุษชีหยวน บรรพบุรุษเฉวชนและบรรพชนพรรคหมื่นดาบหันมายิ้มให้แก่กัน “ชีหยวนอย่างไร ก็เป็นชีหยวนจริงๆตํานานยุทธเมืองฉางอันควบแน่นอาณาเขตได้แล้วแม้แต่ในดินแดนโพ้นทะเลเขาก็ยังนับเป็นมหาอํานาจคนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของชีหยวนอยู่ดียอดเยี่ยมยอดเยี่ยมจริงๆ ”

“แน่นอน”

 

“หลายพันปีก่อน บรรพบุรุษชีหยวนมีชื่อเสียงมากมาย ตํานานยุทธในดินแดนห่างไกลเช่นนี้จะต้านทานได้เช่นไร?”

 

บรรพชนพรรคหมื่นดาบยิ้มออกมา

ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ เขาก็เห็นเมฆสีดําที่ปิดกั้นชั้นบรรยากาศทั้งหมดเริ่มเดือดพล่าน

 

ฟ้าว!

เกิดช่องว่างขึ้นอย่างกะทันหันตรงกลางกลุ่มเมฆสีดําอันไร้ที่สี่นสุด โดยมีซูฉันค่อยๆ เดินออกมาช้าๆ ทั้งที่มือยังคงไพล่หลังอยู่

 

รอบร่างกายของซูฉินมีเปลวไฟสีแดงเข้มล่องลอยไปมาคอยเผาไหม้เมฆสีดําที่มีพลังแห่งความตายคละคลุ้ง เมื่อเจอกับการเผาไหม้ของเปลวไฟสีแดงเข้ม เมฆดําเหล่านั้นก็เหมือนกับกระดาษลนไฟเปลวเพลิงแพร่กระจายออกไปในกลุ่มเมฆดําอย่างรวดเร็ว

 

“นี่คืออะไรกัน?”

บรรพชนพรรคหมื่นดาบและบรรพบุรุษเฉวซินตกตะลึงไม่อยากเชื่อ

“เคล็ดวิชาลับนี้ข้าสร้างขึ้นมาจากรัศมีแห่งความตาย มันจะถูกเผาด้วยไฟได้เช่นไร?” บรรพบุรุษชีหยวนเองก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน หากเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของตนเอง เขาคงไม่มีวันเชื่อว่าจะมีสิ่งไร้สาระเช่นนี้อยู่จริงๆ

 

หากอาศัยเพียงแค่เปลวไฟก็สามารถจัดการกับกระบวนท่าไม้ตายของเขาได้ บรรพบุรุษชีหยวนผู้นี้คงตกตายไปตั้งแต่พันปีก่อน แล้วจะมีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร?

 

ในขณะที่ซูฉินเดินออกมา เมฆสีดําก็ถูกเผาด้วยเปลวไฟสีแดงสดและมันติดตามเผาไปตามกลุ่มเมฆสีดําที่เชื่อมต่อกัน กลายเป็นเส้นทางแห่งเพลิงทอดยาวราวกับมังกรไฟกําลังพุ่งเข้าหาบรรพบุรุษชีหยวน

“ไม่ดีแล้ว!”

บรรพบุรุษชีหยวนหวาดกลัวอย่างยิ่ง แม้แต่เมฆสีดําที่กลั่นมีจากพลังแห่งความตายบริสุทธิ์ก็ยังถูกเผาได้ ไม่ต้องพูดถึงร่างกายและเลือดเนื้อของเขาเลย

 

“วิ่ง!”

บรรพบุรุษชีหยวนต้องการถอยหนีออกไป แต่เปลวเพลิงนั้นลุกลามรวดเร็วเกินไป และเปลวเพลิงเหล่านี้เองก็ดูเหมือนจะมีสติปัญญาคอยดักทางหนีทีไล่ของบรรพบุรุษชีหยวนไว้อย่างแน่นหนา

ช่ว!

สะเก็ดไฟดวงเล็กๆ กระเด็นเข้าใส่ร่างของบรรพบุรุษชีหยวนทันใดนั้นเปลวไฟสีแดงก็ลุกไหม้อย่างรุนแรงเลือดเนื้อ แก่นแท้แห่ง พลังรวมถึงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของบรรพบุรุษชีหยวนพลันถูกเผาโดยพลัน ลามไปทุกจุด แผดเผาไปยังกระดูกและอวัยวะภายใน

และในที่สุด

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชของบรรพบุรุษชีหยวนเปลวไฟสีแดงก็ลุกลามอย่างรวดเร็ว เผาร่างของมันจนกลายเป็นความว่างเปล่าในทันที

ก่อนสิ้นใจ บรรพบุรุษชีหยวนต้องการจะหนีจากการถูกเผาในที่สุดเขาก็เลือกละทิ้งร่างกายของตนและคิดจะหนีไปด้วยจิตสัม ผัสศักดิ์สิทธิ์แต่การดิ้นรนของเขานั้นก็เหมือนกับเป็นเพียงกระดาษ บางๆ แผ่นหนึ่งไม่สามารถทานทนต่อเปลวไฟได้เพียงนิด

บรรพบุรุษชีหยวน สิ้นชีพ!

 

ทุกคนที่ได้เห็นฉากนี้ล้วนรู้สึกโหวง จิตใจว่างเปล่าในทันใด ดวงตาของพวกเขาพลันแข็งที่อราวกับเห็นผี

“บรรพบุรุษชีหยวน ตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”

นอกเมืองฉางอัน ชายผมหงอกยืนอยู่ที่เดิม กระซิบกระซาบอยู่กับตนเอง

 

ตํานานยุทธด้านข้างไม่กี่คนก็เงียบนิ่ง พวกเขามองหน้ากัน ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องน่าตกใจแค่ไหนเมื่อข่าวแพร่สะพัดไปทั่วต่างแดน