บทที่ 166 ขจัดเสี้ยนหนาม

ระบบเติมเงินข้ามภพ

บทที่ 166

ขจัดเสี้ยนหนาม

“เหวออออ ทำไมกัน? แม้แต่พิษยุงโลหิตก็ฆ่าเจ้าไม่ได้งั้นเรอะ?”

ลั่วหยูยันตัวเองขึ้นในสภาพเลือดท่วมหน้า นัยน์ตาของเขาบิดเบี้ยวไปด้วยความสิ้นหวัง ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของ 1 ใน 8 นิกายที่ยิ่งใหญ่ทำให้เขายากที่จะยอมรับความพ่ายแพ้

เขาคำรามด้วยเสียงอันดังเพื่อกลบความหวาดกลัวในจิตใจ พร้อมงัดกระบวนท่าสุริยันแผดเผาออกมาพุ่งเข้าประจันหน้ากับเย่เย่อย่างรวดเร็ว

ตู้มมมมมมมมมมมม

ทันทีที่ลั่วหยูโจมตี เพลิงอัคคีก็ถูกปล่อยออกมาจากหมัดและโหมใส่ศัตรู ก่อนจะระเบิดออกอย่างรุนแรง

“อย่าเหิมเกริมไปหน่อยเลย!” เสียงของเย่เย่ดังขึ้นท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง เมื่อเปลวเพลิงสั่นไหว ลั่วหยูก็พบว่าเย่เย่ได้หายไปจากด้านหน้าเขา

เร็วกว่าความคิด เย่เย่ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลัง และใช้กริซเสียดแทงเข้าที่ช่องโหว่ตรงช่วงแขนของชุดเกราะอย่างแม่นยำ

เคร้งงงง

ชายชราตกใจราวกับเห็นผี ก่อนใช้ฝ่ามือปัดคมกริซออกจนเกิดเสียงกระทบของโลหะดังสนั่น

“ท่านผู้อาวุโสช่างแข็งแกร่งสมคำร่ำลือ น่าเสียดายที่ข้ามีเวลาเล่นกับท่านไม่มากนัก ตายซะ!”

เมื่อเห็นการโจมตีด้วยกริซไม่เป็นผล เย่เย่ก็ทิ้งกริซเล่มนั้นลง และดึงพลังของสายฟ้าและพายุออกมาใช้

ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมม

สายลมสอดประสานกับสายฟ้าจนเกิดพายุสีม่วงก่อขึ้นรอบตัวเย่เย่ ก่อนที่มันจะระเบิดออกมา ลั่วหยูพยายามอย่างสุดกำลังใช้มือป้องกระแสลมแรงที่เข้าปะทะตัวเขา แต่คลื่นลมนั้นคมกริบดังคมมีด ไม่นานนักเลือดก็โพยพุ่งออกมาจากรอยแผลนับสิบบนร่างของชายแก่

พรวดดดดด ฉูดดดดดด

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ในตอนนี้เองลั่วหยูก็ล้มเลิกความคิดที่จะทรมานเย่เย่ เหลือเพียงความรู้สึกที่อยากจะฆ่าฟันให้ตายกันไปข้างเท่านั้น เขาทุ่มพลังปราณทั้งหมดที่มีเพื่อการโจมตีครั้งสุดท้าย

‘บ้าน่า!? มันคิดจะระเบิดตัวเองงั้นรึ!?’

เย่เย่ที่กำลังพุ่งเข้าใส่ศัตรู ก็ชะงักและถอยออกห่างศัตรู พลางซัดอาวุธลับเข็มดัชนีเยือกแข็งและใช้พลังปราณควบคุมมันพุ่งใส่จุดตายของลั่วหยู

ฉึก!

ตู้มมมมมมมมมมมมม

ทันทีที่เข็มปักลงที่อกของชายชรา ลมปราณก็ปั่นป่วน ร่างของเขาก็ระเบิดออกอย่างไร้การควบคุม การระเบิดทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างขึ้นราวกับเที่ยงวันในชั่วพริบตา เสียงของมันดังสนั่นไปทั่วทุกซอกมุมของเซียงเฉิง สิ่งก่อสร้างทั้งสองฟากถนนก็พลังทลายไม่เหลือชิ้นดี เกิดหลุมขนาดใหญ่บนพื้นถนน

แม้อาวุธลับของเย่เย่นั้นจะกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้มันระเบิดเร็วขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ทำให้มันระเบิดออกก่อนที่ลั่วหยูจะรวบรวมพลังถึงจุดสูงสุดซึ่งอาจทำให้เมือง เซียงเฉิงทั้งเมืองถูกลบไปจากหน้าประวัติศาสตร์เลยก็เป็นได้

ในเมื่อสุดท้ายแล้วมันก็ต้องระเบิดอยู่ดี เย่เย่จึงใช้เวลาเพียงน้อยนิดตัดสินใจลดทอนแรงระเบิดของมันเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้พร้อมๆกับใช้พลังของสายฟ้าและพายุถีบตัวเองออกมาจากรัศมีของระเบิดได้อย่างฉิวเฉียด และได้รับบาดเจ็บจากเสก็ดระเบิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ไม่นานนักหลังจากการระเบิด ชาวเมืองเซียงเฉิงบ้างก็แง้มหน้าต่างดูอย่างกล้าๆกลัวๆ บ้างก็เดินออกมาจากบ้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผ่านไปได้พักใหญ่ข่าวก็ไปถึงหูของ หยางซื่อไห่จ้าวเมืองคนปัจจุบัน เขาไม่รอช้าสั่งให้คนออกตามหาเย่เย่กันให้ควัก เมื่อพบว่าเย่เย่ปลอดภัยดี พวกเขาก็โล่งอกและเริ่มมุงถามเย่เย่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“พวกท่านวางใจเถอะ เรื่องนี้เป็นแค่ปัญหาส่วนตัวของข้า ไม่ได้เกี่ยวกับเมืองเซียงเฉิงเลยแม้แต่น้อย อย่าให้ปัจจัยนี้ทำให้พวกท่านต้องกังวล”

เมื่อเย่เย่ชำเลืองมองไปที่จุดเกิดระเบิดกลับไม่พบเศษซากอะไรเลยแม้แต่น้อยซึ่งทำให้เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้แสดงอาการออกมาทางสีหน้าและตอบคำถามที่ประเดประดังเข้ามาอย่างใจเย็น

“ท่านเย่ พวกเราก็หวังว่ามันจะเป็นเช่นนั้น แต่กลุ่มมังกรทองและกองกำลังเล็กๆบางส่วนนั้นไม่ยอมรับตระกูลหยางในฐานะผู้ปกครองแต่โดยดีน่ะสิขอรับ”

เมื่อหยางซื่อไห่สังเกตเห็นความลำบากใจในคำตอบของเย่เย่ เขาก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก แต่เมื่อถูกถามถึงความคืบหน้าในการขึ้นปกครองเซียงเฉิง เจ้าตระกูลหยางกลับเบือนหน้าหนีและตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคง

“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปที่สมาคมมังกรทองนั่นด้วยตัวเอง” แม้ว่าจะเหนื่อยใจอยู่บ้าง แต่เย่เย่ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจมากนัก ก่อนจะตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

เหล่าสมาชิกตระกูลหยางเห็นการตัดสินใจที่แน่วแน่ของเย่เย่ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านใดๆอีก พวกเขาต่างประสานมือและน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี

เช้าวันต่อมา หยางซื่อไห่ได้นำทางเย่เย่ไปยังที่ตั้งของสมาคมมังกรทองเพื่อเจรจากับชิวเซียนจื่อผู้เป็นหัวหน้า

ชิวเซียนจื่อผู้นี้เป็นชายวัยกลางคนหน้าตาดูมีสง่าราศี อีกทั้งยังฉลาดหลักแหลม เมื่อเขารู้ว่าชายผู้ที่มากับหยางซื่อไห่คือ เย่เย่ เขาก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

“เหอะ! ต่อให้เป็นท่านพวกข้าก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอกนะ!”

แม้ว่าชิวเซียนจื่อจะเป็นแค่เทพยุทธ์ แต่ความเด็ดเดี่ยวและความกล้าในการตัดสินใจนั้นสูงกว่าเทพยุทธ์ทั่วๆไปอยู่มาก เขาจึงไม่ให้การยอมรับตระกูลหยางหรือแม้กระทั่งเย่เย่

เดิมทีตระกูลหยางที่สูญเสียผู้คนไปจำนวนหนึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถปกครองเซียงเฉิงได้เต็มที่ ดังนั้นพวกเขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะสร้างศัตรูเพิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมาคมมังกรทองซึ่งเป็นพันธมิตรกับอดีต 1 ใน 4 ตระกูลใหญ่

“อย่าลำพองตนไปหน่อยเลย! สมาคมของพวกเจ้าไม่ได้ต่างอะไรกับสุนัขเฝ้าบ้าน!” เย่เย่ที่ อารมณ์ไม่ดีก็พูดออกมาด้วยความโกรธ

ชิวเซียนจือได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นพรวดพร้อมชี้หน้าเย่เย่ และพูดขึ้นด้วยความโมโห

“เย่เย่เจ้าคนนอกคอก! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่มย่ามในเมืองของข้า!”

“มีสิทธิ์หรือไม่ข้าไม่สน! อีกอย่างตอนนี้เมืองเซียงเฉิงตกเป็นของตระกูลหยางโดยสมบูรณ์แล้ว ใครกันแน่ที่ไม่มีสิทธิ์? จะอยู่หรือตายเจ้าเป็นคนเลือก!” เย่เย่พูดพลางจ้องไปในตาของ ชิวเซียนจืออย่างเลือดเย็น เขาไม่สนว่าสมาคมมังกรทองจะเป็นใครใหญ่มาจากไหน หากมันเป็นเสี้ยนหนามเขาก็พร้อมที่จะกำจัดมันทิ้งได้ทุกเมื่อ

หยางซื่อไห่ที่ติดตามเย่เย่มาด้วยก็ตกใจกับการตัดสินใจที่บ้าบิ่นของเย่เย่ และอยากจะพูดห้ามปรามเขา แต่เมื่อคิดดูดีๆแล้ววิธีหักดิบของเย่เย่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้วก็เป็นได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเงียบและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเย่เย่

“ข้า ชิวเซียนจือไม่ใช่ชายผู้ที่จะยอมถอยด้วยคำข่มขู่ของศัตรู ในฐานะตัวแทนของตระกูลหวาง ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ข้าจะไม่ยอมให้มากดขี่ข่มเหงง่ายๆหรอกนะ!” ชิวเซียนจือ ประกาศ กร้าว

“ดื้อด้านสิ้นดี!” เย่เย่ซ่อนลมปราณ ก่อนจะพุ่งโจมตีศัตรูด้วยความเร็ว

เมื่อซิวเซียนจือสัมผัสไม่ได้ถึงพลังปราณของเย่เย่ เขาก็อดดูถูกเหยียดหยามไม่ได้

“เหอะ! ด้วยพลังแค่นั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอกนะ!”

ซิวเซียนจือไม่รอช้า โคจรลมปราณสวนหมัดกลับไป

เปรี้ยงงงงงงงง

ทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงกลางอากาศ แม้ว่าในทีแรกจะดูเหมือนไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ทว่าไม่นานนักร่างของชิวเซียนจือก็ถูกซัดกระเด็นออกไปจนหลังชนกำแพงอย่างรุนแรง

ตู้มมมมมมมมม

“อั่กกกกกก”

เมื่อเย่เย่สังหารชิวเซียนจือได้แล้ว เขาก็ชำเลือกมองเหล่าสมาชิกสมาคมมังกรทองที่ตกอยู่ในความหวาดผวา เย่เย่ตวัดมือด้วยระดับความเร็วที่ตามองไม่ทัน

ฟุ่บ

ทันใดนั้นเองเหล่าสมาชิกทั้งหมดก็ล้มลงกับพื้นอย่างไม่รู้ตัว หยางซื่อไห่ที่เป็นสักขีพยานเหตุการณ์ทั้งหมดก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา ความกลัวของเขาที่มีต่อเย่เย่ก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี

เมื่อข่าวการล่มสลายของสมาคมมังกรทองแพร่สะพัดไปทั่วเมือง กองกำลังที่กระด้างกระเดื่องกับตระกูลหยางก็แห่เข้ามาสวามิภักดิ์ด้วยความจำใจและไม่มีใครหน้าไหนกล้าขัดขวางพวกเขาอีกเลย…