ตอนที่ 842 : ประกาศิตมังกรฟ้า

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 842 : ประกาศิตมังกรฟ้า

 

หลงเทียนออกมาจากวิญญาณเทวะเก้าตะวัน เมื่อนางพบเห็นเอวของฉินหยุนและร่างกายท่อนบนมีเชือกทองคําพันธนาการเอาไว้ น้ําเสียงแหบแห้งจึงเอ่ยถาม “ตัดมันไม่ได้หรือไร?”

 

“ย่อมตัดได้.. เหตุผลที่ข้าเรียกเจ้าออกมา ก็เพื่อให้เจ้าส่งแมงมุมน้อยเหล่านั้นออกไป!” ฉินหยุนเผยยิ้ม “ให้แมงมุมน้อยเหล่านั้นสํารวจละแวกใกล้เคียงนี้ หาว่ามีอันใดคงอยู่บ้าง พบเจอสิ่งใดให้รายงานต่อข้าทันที!”

 

“ข้าท่าได้ ทว่าก่อนอื่น หาอะไรให้ข้ากินด้วย!” หลงเทียนกล่าว

 

ฉินหยุนมุมปากกระตุก ตอนนี้จึงได้แต่ต้องนําเนื้อออกมาชิ้นหนึ่ง หลงเทียนจีรักษาคําพูด เมื่อได้กินเนื้อแล้ว นางจึงส่งแมงมุมน้อยเหล่านั้นออกไป

 

ทันทีที่ปรากฏตัว พวกมันจึงกระจายออกไปทั่วทิศทาง พวกมันมี

 

บรรดาแมงมุมน้อยมีความเร็วมากมาย น่าจะเกินกว่าหนึ่งร้อยตัว

 

“เทียนจี แมงมุมพวกนั้นสามารถติดต่อหาเจ้าได้แม้อยู่ไกลห่างหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม

 

“ถูกต้องแล้ว! หากพวกมันพบเจออันใด ข้าจะได้รับรายงานโดยทันที!” หลงเทียนยังไม่กลับเข้าวิญญาณเทวะเก้าตะวัน

 

รูปลักษณ์ของหลงเทียนจีเวลานี้เป็นแมงมุม ทว่าลักษณะทางร่างกายคล้ายมนุษย์มากแล้ว ฉินหยุนคาดหวังที่จะได้เห็นนางในร่างมนุษย์

 

ฉินหยุนหันมองรอบแล้วจึงถาม “เจ้าไม่รู้สึกว่าสถานที่นี้แปลกบ้างหรือ?”

 

หลงเทียนจีรับฟังคําฉินหยุนจึงคิดไปครู่หนึ่ง นางถาม “ที่นี่คืออะไร? คล้ายอันตรายยิ่ง!”

 

“ข้าเองก็ไม่อาจมั่นใจ น่าจะเป็นโลกบาดาล ผู้อื่นเรียกหามันเป็นถ้ํามังกรโลหิตมาร!” ฉินหยุนนั่งลงบนก้อนหิน เวลานี้ได้แต่อดทนรอคอยให้หลงเทียนจีรายงานกลับ

 

“ที่นี่มีมังกร?” หลงเทียนจรักชอบการได้กินเนื้อมังกรเป็นที่สุด ดังนั้นนางจึงเผยความสนใจอย่างยิ่ง

 

ฉินหยุนพลันรับรู้ถึงแรงกดดัน นกกระจอกลึกล้ําเก้าสวรรค์ต้องการเนื้อมังกร หลงเทียนจีก็ต้องการเนื้อมังกร เขากลายเป็นไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถเลี้ยงทั้งสองให้เติบใหญ่ขึ้นได้

 

ทั้งนกกระจอกลึกล้ําเก่าสวรรค์และหลงเทียนจีต่างยอดเยี่ยม แม้ต้องใช้ทรัพย์สมบัติเพื่อเลี้ยงดูฉินหยุนก็ได้แต่ต้องกล้ํากลืนฝืนทน

 

“ข้าไม่ทราบว่าที่นี่มีมังกรหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือมีอันตราย!” ฉินหยุนบัยปากกล่าว “เทียน อย่าได้บอกข้าว่าเจ้ากินได้เพียงแต่เนื้อมังกร! อย่างอื่นเจ้าสามารถกินได้หรือไม่?”

 

“เป็นความจริง ข้ากันได้แต่เนื้อมังกร มีแต่มันจึงทําให้เลือดมังกรภายในกายข้าแข็งแกร่งขึ้นได้!” หลงเทียนกล่าว

 

ฉินหยุนยังคงคิด ว่าตนจะสามารถหาทางเกลี้ยกล่อมให้นางกินอย่างอื่น ทว่าตอนนี้ เหมือนหลงเทียนจะต้องกินแต่เนื้อมังกรเพื่อแข็งแกร่งขึ้น

 

ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม เสียงพลันดังขึ้นจากเปลือกหอยสื่อสารของฉินหยุน เป็นครึ่งเซียนสํานักมังกรฟ้า

 

“พบเจออันใดบ้างหรือยัง?” ครึ่งเซียนผู้นั้นเอ่ยถาม

 

“ยังไม่เจอใด คิดอยากมารับชมด้วยหรือไม่?” ฉินหยุนถามกลับ

 

“ไม่!” ครึ่งเซียนผู้นั้นตอบกลับอย่างเด็ดขาด พวกเขาหวาดเกรงความตายเป็นที่สุด ดังนั้นพวกเขาจะไม่มีทางเข้าสํารวจโลกบาดาลโดยทุ่มบ่าม

 

ฉินหยุนกลายเป็นยินดีต่อสถานการณ์ตอนนี้ หากเขาสามารถค้นหาของดีเจอที่นี่ เช่นนั้นเขาก็จะได้ครอบครองมันเสียเอง

 

ผ่านไปสองชั่วยาม หลงเทียนจีจึงกล่าว “พบเจอบางอย่างแล้ว แมงมุมน้อยพบเจอศพมนุษย์!”

 

“มีอะไรพิเศษที่ร่างของศพมนุษย์นั่นหรือไม่?” ฉินหยุนพลันเอ่ยถาม

 

“มี ร่างนี้สมควรเป็นครึ่งเซียน คิดอยากไปรับชมหรือไม่?” หลงเทียนกล่าวถาม

 

“ไป! เร่งรีบนําทาง!” ฉินหยุนตอบกลับ

 

ฉินหยุนเวลานี้ยิ่งอิจฉาต่อความสามารถของหลงเทียนจี นางสามารถปลดปล่อยแมงมุมน้อยออกมา ไม่เพียงแต่พวกมันรวดเร็ว แต่ยังค้นหาสิ่งรอบด้านและส่งข้อความสื่อสารกลับหานาง

 

มันเทียบเท่ากับมีร่างแยกจํานวนนับร้อย ดังนั้นไม่ว่าด้วยอะไร ฉินหยุนก็คิดเลี้ยงดูให้หลงเทียนจเติบโตยิ่ง ขึ้น

 

ความเร็วของหลงเทียนจีมากล้ํา ฉินหยุนนั่งโดยสารบนหลังของนาง เช่นนี้จึงช่วยประหยัดแรงได้มาก

 

ความรู้สึกยามโดยสารนับว่าแปลก เพราะนี่คือแมงมุมร่างยักษ์ กระนั้นกลับให้ความรู้สึกสะดวกสบาย

 

“หากข้าโดยสารเจ้าภายในเมือง ผู้คนคงหวาดกลัวจนตายตกเป็นแน่!” ฉินหยุนหัวเราะดัง

 

หลงเทียนจีพุ่งทะยานไม่หยุดกว่าครึ่งชั่วยามจึงมาถึงตําแหน่งที่พบร่างศพ ฉินหยุนพบเห็นร่างนี้ค่อนข้างถูกสลายไปไม่น้อยแล้ว ทว่าก็ยังมีเนื้อและเลือดคงอยู่

 

“ตัวอะไรกันที่สังหารเขาได้? ผู้นี้คือครึ่งเซียนถึงกับมีบาดแผลใหญ่ขนาดนี้และตายตกได้!” ฉินหยุนขมวดคื้ว

 

“ร่างนี้สมควรคงอยู่มากว่าสามพันปีแล้ว!” หลงเทียนจีพิจารณาและจึงกล่าว

 

“ร่างของครึ่งเซียนคงอยู่ได้หลายพันปีเป็นเรื่องปกติ แต่มัน… ที่แห่งนี้สมควรมีภูตผีหรืออสูรคงอยู่ แต่กลับไม่มีอะไรมาแทะกัดกันร่างนี้!” ฉินหยุนพบว่ามันมีตราโลหะอยู่ที่มือของร่างศพ

 

เขานําตราโลหะออกมาและพิจารณา พบเห็นตราโลหะเขียนสองค่า “มังกรฟ้า” เอาไว้

 

“นี่เป็นตราโลหะที่ดูมีอํานาจไม่น้อย น่าจะเป็นอุปกรณ์เซียน!” ฉินหยุนพิจารณาให้ดีจึงพบเห็นอักขระเซียน เวลานี้ถึงกับตื่นตะลึง

 

หลิงหยุนเอ่อกล่าว “ครึ่งเซียนผู้นี้สมควรเป็นตัวตนมีสิทธิ์และอํานาจสูงล้ําในคฤหาสน์ราชันมังกร! ตราโลหะนั่นสมควรได้รับมาจากสํานักมังกรฟ้า!”

 

ฉินหยุนยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งหลังได้รับประกาศิตมังกรฟ้า ก่อนจะหันมองที่ศพ ร่างนี้ไม่มีผลึกแก้วชีวิตครึ่งเซียนหลงเหลือ กระทั่งวิญญาณยุทธ์หรือจิตวิญญาณก็ล้วนไม่มี

 

“มีเพียงแต่ประกาศิตมังกรฟ้า อื่นใดล้วนไม่เหลือแล้ว” ฉินหยุนปุ๋ยปาก แต่แล้วอย่างกะทันหัน สายลมเย็นเยือกพลันพัดผ่านเข้าหา

 

หลงเทียนจีเร่งร้อนตะโกน “ระวัง!”

 

ร่างกายฉินหยุนเริ่มเผยประกายแสง เขาปลดปล่อยพลังแห่งความเที่ยงธรรมอันรุนแรงเข้าปกคลุมทั้งตนเอง และหลงเทียนจิ สายลมเย็นเยือกที่พุ่งเข้ามา มันแปรเปลี่ยนเป็นร่างสีด่าพร้อมเข้าโจมตีพลังงานสีขาวอย่างดุดัน ก่อนที่มันจะส่งเสียงกรีดร้องแหลมเล็กตอบสนอง ร่างเงาสีดํานี้เผยซึ่งมวลอากาศสีดําลอยฟังและกรีดร้องไม่หยุดหย่อน สภาพที่เห็นชวนสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง

 

“เป็นวิญญาณร้าย!”

 

ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะเกิดหวาดกลัวขึ้นมา พลังที่ปะทะเมื่อครู่นี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง หากเป็นเขาที่ถูกโจมตี ร่างกายคงต้องถูกฉีกกระชากออกได้อย่างแน่นอน

 

ฉินหยุนน่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกออกมา โยนมันเข้าใส่ที่ร่างของวิญญาณร้าย ร่างนั้นค่ารามร้องเสียงดังพร้อมอาการตัวสั่นรุนแรง ก่อนมันจะถูกดูดกลืนหายเข้าไปโดยกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลก

 

“เหอะเหอะ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกมีไว้ใช้เพื่อจัดการพวกวิญญาณร้ายอยู่แล้ว!” ฉินหยุนนํากระบี่กลับคืน สัมผัสได้ว่าเวลานี้มันยินดีไม่น้อยที่ได้ดูดกลืนพลังงานจากวิญญาณร้ายเข้าไป

 

“วิญญาณร้ายและร่างวิญญาณ กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกย่อมยินดียามได้กลืนกินพวกมัน กล่าวได้ว่ามันคือสุดยอดอาวุธสําหรับใช้จัดการวิญญาณร้าย!” หลิงหยุนเอ่อกล่าว

 

หลงเทียนจีคิดอยากลงมือ ทว่านางไม่คาดคิดว่าฉินหยุนจะสามารถปลดปล่อยพลังงานทรงอํานาจออกมา เป็นผลให้นางยังต้องหวาดกลัว แม้ว่าฉินหยุนสามารถจัดการวิญญาณร้ายได้ กระนั้นภายในใจก็ยังต้องเกิดความกังวล วิญญาณร้ายที่นี่แข็งแกร่งมหาศาล และพลังของพวกมันก็แปลกอย่างยิ่งหากไม่ระมัดระวังให้ดี เช่นนั้นที่ต้องประสบคือความสูญเสียครั้งหนักหนา

 

“เจ้านาย แมงมุมน้อยพบอย่างอื่นแล้ว!” หลงเทียนจีพลันกล่าว

 

“คราวนี้พบอันใด?” ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถาม

 

“ห่างออกไปราวสองชั่วยามจากที่ตรงนี้ มันมีสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่!” หลงเทียนจิตอบกลับมา

 

“อย่างนั้นไปรับชม!” ฉินหยุนคิดว่าสิ่งปลูกสร้างหลังใหญ่ดังกล่าว มันสมควรเป็นใจกลางของโลกบาดาล

 

ระหว่างเดินทาง ฉินหยุนได้ปลดปล่อยพลังแห่งความเที่ยงธรรมออกมาปกคลุมทั้งร่างของตนเองและหลงเทียนเพื่อขับไล่วิญญาณร้าย

 

ผ่านไปสองชั่วยาม ฉินหยุนจึงมาถึงบริเวณใกล้เคียงสถานที่ตั้งสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่จากระยะไกล ที่เขาพบเห็นคือพระราชวังทรงกลมขนาดมหึมา รัศมีพื้นที่ของมันกินเป็นวงกว้างกว่าหนึ่งหมื่นเมตร

 

จากระยะไกลเช่นนี้ เขายังต้องนึกถึง มันเผยให้เห็นว่าสถานที่ตรงหน้าโบราณอย่างยิ่ง ทั้งยังปลดปล่อยออร่าอันลึกลับ เป็นผลให้ผู้คนต่างต้องรู้สึกกดดันและหนักอึ้ง ราวกับมันมีอสูรกายที่แข็งแกร่งเลิศล้ําถูกกักขังเอาไว้ในพระราชวังใหญ่โตหาใดเทียบเปรียบแห่งนี้

 

“นี่มันสถานที่บ้าอะไรกัน?” ฉินหยุนบอกให้หลงเทียนจีหยุด

 

“แมงมุมน้อยถูกสังหาร! ก่อนจะตาย ที่พบเห็นคือร่างใหญ่ยักษ์สีดํา!” หลงเทียนกล่าว

 

“สมควรเป็นอสูรแล้ว!” ฉินหยุนเร่งรีบนําเปลือกหอยสื่อสารออกมา รายงานกลับไปยังผู้คนของสานักมังกรฟ้า และบอกให้หลงเทียนจีนแมงมุมน้อยกลับคืน

 

ชายชราส่านักมังกรฟ้าเร่งรีบตอบ “เหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าไปในพระราชวังแห่งนั้นและดูว่ามีอันใดที่ภายใน?”

 

ฉินหยุนกล่าวตอบ “ข้าจึงไม่กล้าเข้าไป! มันมีอสูรกายแข็งแกร่งที่ภายนอก ข้าไม่อาจสู้มันได้! พวกเจ้าล้วนเร่งรีบมาที่นี่เพื่อรับชม หากคิดได้รับของดี ทว่าไม่ยอมเสี่ยง มีหรือจะได้มันไปครอง!”

 

ร่างกายฉินหยุนยังคงถูกเชือกพันธนาการเอาไว้ ไม่ทราบว่ามันยืดยาวออกมาได้เพียงใด แต่ดูไปราวกับไร้สิ้นสุด นับเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่ง

 

ผู้คนของสํานักมังกรฟ้าต่างหารือต่อกัน สุดท้ายแล้วจึงตัดสินใจไปรับชม พวกเขาบอกให้ฉินหยุนอยู่ตรงที่หยุดยืนตอนนี้ พวกเขาจะตามเชือกมา

 

ฉินหยุนยืนอยู่บนระดับความสูงตรงกลางของภูเขาน้อยลูกหนึ่ง ที่ตรงนี้มีต้นไม้เหล็กสีด่าจํานวนมาก พระราชวังมหึมาอยู่อีกด้านของภูเขาน้อยลูกนี้

 

ฉินหยุนเพียงนิ่งภายในโพรงไม้ของต้นไม้ดําและรอคอยอย่างอดทน หลงเทียนใช้เวลากว่าชั่วยามจึงเรียกแมงมุมน้อยกลับคืนได้ครบถ้วน ก่อนจะกลับเข้าสู่ไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน

 

ฉินหยุนหัวเราะดังในใจ “หยุนเอ่อ เจ้าคิดว่าพวกมันเดินทางมาที่นี่จะตายกันสักเท่าใด?”

 

หลิงหยุนเอ่อจึงหัวเราะตอบ “หลงฉวนอูไม่อาจตาย ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นความตายที่สบายเกินไป!”

 

กลุ่มคนต้องใช้เวลามหาศาลกว่าจะตามมาถึง ฉินหยุนประเมินว่าสมควรใช้เวลาสามถึงห้าชั่วยาม ระหว่างนั้น ฉินหยุนจึงตระเตรียมสารพัดยันต์ซ่อนเร้นและป้องกัน เพื่อไม่ให้ภายหน้าเกิดเรื่องอันใดผิดพลาด

 

หากกลุ่มคนมาถึง พวกเขาคงไม่มีทางเผยซึ่งออร่าใด คนกลุ่มนั้นแข็งแกร่ง หากเผยออร่าจะเป็นการดึงดูดความสนใจของอสูรกายและวิญญาณร้าย

 

ฉินหยุนยังคงไม่คิดตัดเชือก เพราะเขาต้องการหลอกล่อคนเหล่านั้นไปตาย

 

ฉินหยุนรอคอยอยู่สี่ชั่วยาม สุดท้ายแล้วกลุ่มคนจึงมาถึง เขาออกจากโพรงไม้ พบเห็นสีหน้าอีกฝ่ายซับซ้อนยากอธิบาย

 

เดิมมีกันทั้งสิ้นสองร้อยคน ทว่าเวลานี้เหลือเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบ และหลายสิบคนก็ได้รับบาดเจ็บ

 

ฉินหยุนแทบไม่อาจอดกลั้นตนเองไม่ให้เผยเสียงหัวเราะ เขาทราบดีว่าระหว่างทางคนเหล่านี้ต้องตกตาย

 

ที่ทําเขาโล่งใจได้ คือหลงฉวนอยู่ยังคงรอดชีวิต กระนั้นก็หวาดกลัวไม่รู้จบสิ้นแล้ว ใบหน้าของเซียนหมูจิ้งเองก็ไร้สีสัน มือขาวของนางยังคงกําดาบเซียนที่มีแต่คราบเลือดสีเขียวเอาไว้แน่น

 

“ตัวบัดซบ พระราชวังมหึมานั่นอยู่ที่ใด? เจ้าจงใจหลอกพวกเรามาหรือ?” หลงฉวนอู่เมื่อพบเห็นฉินหยุน เขาจึงเร่งรีบพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อพร้อมต่อยที่ใบหน้า

 

ฉินหยุนสบถออกเสียงต่ํา “ตัวบัดซบจึงเป็นเจ้า หากไปรับชมที่ด้านหลังภูเขา เจ้าย่อมได้เห็นพระราชวังนั่นเอง! มันมีตัวตนชวนสะพรึงยิ่งกว่าที่ภายนอกนี้อยู่ในนั้นมากมายนัก!”

 

ชายชราเข้ามาดึงตัวหลงฉวนอู่ให้ถอย ก่อนจะเร่งรีบพุ่งขึ้นไปบนยอดเขา ยามเมื่อมั่นใจแล้วว่ามีพระราชวังมหึมาอยู่จริง เขาจึงค่อยกลับมาหารือ