ตอนที่ 1639 การจากที่เจ็บปวดที่สุด (7)

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1639 การจากที่เจ็บปวดที่สุด (7)

 

จวินอู๋เสียยืนมองไปทางสํานักธาราเมฆอยู่เป็นเวลานาน เนิ่นนานทีเดียวกว่านางจะละสายตาออกมาและเดินตรงไปทางวิหารหยกวิญญาณ

 

ภายในสํานักธาราเมฆ ซูหย่านั่งดื่มด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ศิษย์ตัวน้อยของนางจากไปแล้ว สาขาจ้าววิญญาณว่างเปล่าอีกครั้ง ความเคยชินที่มีคนผู้หนึ่งอยู่ด้วย แล้วตอนนี้ก็ย้อนกลับไปเป็นเหมือนเมื่อหนึ่งปีก่อนที่นางอยู่คนเดียวอีกครั้ง ไม่รู้ทําไม ความเงียบในที่นี้ดูเหมือนจะทําให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก

 

นางมองไปที่บันได เอาแต่คิดว่าเมื่อไรร่างของจวินอู๋จะปรากฏตัวจากตรงนั้นอีก และเดินไปทํางานบ้านโดยไม่พูดอะไร จากนั้นก็เอาผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมตัวนาง

 

หน้าอกของนางรู้สึกอึดอัดจนเจ็บปวดรวดร้าวไปหมด แล้วทันใดนั้นซูหย่าก็ลุกขึ้นก้าวยาวๆออกไปจากสาขาจ้าววิญญาณ

 

หิมะตกหนักที่ข้างนอก พื้นทั้งหมดกลายเป็นสีขาวโพลน ร่างของซูหย่ากลายเป็นแสงพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว เร็วซะจนหิมะบนร่างนางละลายไม่ทันเลยทีเดียว

 

ในห้องทํางานของอาจารย์ใหญ่ เทียนเจ๋อยืนอยู่หน้าโต๊ะทํางาน ในมือถือข้าวของอยู่กองหนึ่ง

 

“ศิษย์ของสํานักธาราเมฆไปกันหมดแล้ว ข้าได้แจ้งให้ครูทุกคนลงจากภูเขาในวันพรุ่งนี้ อาจารย์ เราจะปิดสํานักจริงๆหรือขอรับ?” เทียนเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองชายชราตัวเล็กที่นิ่งอยู่หลังโต๊ะทํางานด้วยความกังวล

 

ชายชราตัวเล็กถือกล้องยาสูบยาวอยู่ในมือ เขาเอามันเข้าปากแล้วพ่นควันออกมา

 

“ถ้าไม่ปิดแล้วจะทํายังไง? รอให้คนพวกนั้นมาฆ่าเจ้าพวกแกะน้อยจนหมดทุกตัวงั้นหรือ?”

 

ครูของสํานักธาราเมฆแข็งแกร่งมาก เรื่องนั้นเป็นที่รู้กันทั่ว แต่คําพูดของชายชราฟังดูน่ากลัว

 

เทียนเจ๋อถอนหายใจอย่างจนปัญญา

 

“ข้าให้เจ้าเฒ่าไปเอาของไปแล้ว คนพวกนั้นจะมาที่นี่ไม่ช้าก็เร็ว หากไม่เข้าใจสถานการณ์ที่นี่อย่างชัดเจน พวกเขาไม่ยอมเลิกแน่ ตอนนี้พวกเขาสามารถตรวจดูที่นี่ได้ละเอียดอย่างที่ต้องการแล้ว” ชายชราตัวเล็กพูดอย่างเฉยเมย สายตาสงบนิ่งไม่แสดงความวิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย

 

คนอื่นอาจไม่ได้สังเกตเห็น แต่เทียนเจ๋อรู้ดีว่าพลังวิญญาณที่มากมายบนภูเขาฝูเหยากําลังลดลงด้วยความเร็วที่น่าตกใจ อีกไม่นานภูเขาฝูเหยาสถานที่ที่มีพลังวิญญาณอุดมสมบูรณ์ที่สุดในอาณาจักรกลางจะเป็นเหมือนกับสถานที่อื่นๆกลายเป็นเพียงภูเขาธรรมดาๆเท่านั้น

 

“เรื่องที่เราตัดสินใจไล่ศิษย์ทุกคนออกไป สิบสองวิหารได้ส่งคนมาสอบถามแล้ว แต่เก้าอารามไม่มีท่าที่ใดๆเลย เราต้องอธิบายอะไรกับสิบสองวิหารรึเปล่า?” เทียนเจ๋อถาม

 

ชายชราตัวเล็กส่ายหัว “อธิบาย? อธิบายอะไร? ข้ายอมชี้แนะศิษย์ของพวกนั้นให้ก็ความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ยังกล้ามาตั้งคําถามข้าอีกเรอะ? บอกพวกนั้นให้ไสหัวไปไกลๆเลย มิน่า ไอ้พวกโง่สิบสองวิหารถึงไม่สามารถเอาชนะเก้าอารามได้ เก้าอารามยังเข้าใจเรื่องนี้ได้ดีกว่าเยอะ”

 

ขณะที่ชายชราตัวเล็กกําลังคุยกับเทียนเจ๋อ ร่างเพรียวบางร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในห้องพร้อมสายลมกระโชกแรงและเกล็ดหิมะโปรยปราย

 

เทียนเจ๋อตกใจจนหัวใจแทบวาย และร่างของซูหย่าก็ปรากฏตัวต่อหน้าคนทั้งสอง

 

“ศิษย์พี่!” พอเทียนเจ๋อเห็นซูหย่า เขาก็ยิ้มกว้างออกมาทันที กี่ปีแล้วนะ? นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหย่ายอมก้าวเข้ามาในห้องของอาจารย์ด้วยความสมัครใจของตัวเอง

 

“เฮ้! เสี่ยวหย่า! ลมอะไรหอบเจ้ามาที่นี่ล่ะ?” ชายชราตัวเล็กเองก็ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นซูหย่า

 

“มันเกิดขึ้นแล้วหรือ?” ซูหย่าถามอย่างเย็นชา

 

ชายชราชะงักไปนิดนึงก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ “ใช่ มันเกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีสํานักธาราเมฆอีก ที่นี้อาจารย์ของเจ้าก็จะได้เกษียณซะที่”

 

“พวกเจ้าสองคนไปเก็บของเถอะ พวกเราศิษย์อาจารย์สามคนจะต้องไปหา